จักรพรรดิมังกร - บทที่ 612 เรื่องเล็กน้อย
“คุณหลี่ ผมว่าสามแสน มันไม่ได้มากสำหรับคุณใช่ไหม คุณน่าจะรู้ว่าเงินกับที่อยู่ของจางเสี่ยวหง อะไรสำคัญกว่ากัน เพราะมันเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย คุณไม่น่าจะปฏิเสธ ถ้าคุณสร้างเรื่องโกหกผม มันดูเกินไปหน่อยนะครับ”
เกาหนิงเอากระดาษยัดใส่กระเป๋ากางเกง จากนั้นจึงใช้มือดันแว่นกรอบทอง และหรี่ตาพูด
ไอ้เด็กนี่จะเล่นสงครามจิตวิทยากับเขาสินะ หลี่โม่คิดในใจ
วิธีการกระตุ้น คนที่เคยมายั่วโมโหเขา ใช้ไม้นี้จนชินแล้ว
หลี่โม่ไม่ได้ตอบตกลงทันที เขาพูดว่า “อืม เงินสามแสนไม่มากสำหรับผม……แต่นายต้องบอกผม จะเอาเงินสามแสนไปทำอะไร ถ้าเอาไปใช้ผิดกฎหมาย ถึงผมจะต้องใช้วิธีอื่นไปหาข่าวของจางเสี่ยวหง ผมก็ไม่มีทางให้เงินสามแสนกับนายอย่างแน่นอน”
สีหน้าของเกาหนิงเคร่งขรึม “เอ่อ คุณหลี่โม่สงสัยเยอะไปหน่อยนะ”
เหอะ เด็กมหาวิทยาลัยที่ไม่เคยผ่านอะไรมา ก็ยังคงเป็นเด็กมหาวิทยาลัยอยู่วันยังค่ำ ถึงไอคิวเขาจะสูง แต่เขาก็ยังกลัว
เหมือนเงินสามแสนจะสำคัญกับเกาหนิงมาก
ไม่งั้นเขาคงไม่พูดแบบนี้ออกมาหรอก
“ได้ ในเมื่อนายไม่ยอมบอก ผมก็ไม่บังคับนาย งั้นผมไปก่อน”
พูดจบ หลี่โม่ก็ทำท่าจะเดินไป
เมื่อเขาเดินออกไปสองสามก้าว จู่ๆ เกาหนิงก็พูดขึ้นมา “ช้าก่อน!”
“คิดได้แล้วเหรอ” หลี่โม่หันมาหรี่ตามองเขา
สงครามครั้งนี้ เกาหนิงเป็นฝ่ายแพ้ เขาพยักหน้าแล้วเดินมาหาหลี่โม่ และพูดเสียงเบา “พ่อทำธุรกิจร้านอาหารเล็กๆ เพื่อให้ผมเข้ามหาวิทยาลัย ช่วงนี้ธุรกิจไม่ค่อยดี ค่าเทอมของมหาวิทยาลัยเมืองฮ่านสูงมาก เขาทำงานหามรุ่งหามค่ำ จนโรคหัวใจกำเริบเข้าโรงพยาบาล การผ่าตัดต้องใช้เงินสองแสน ส่วนเงินอีกหนึ่งแสนผมจะซื้อของบำรุงให้พ่อ อีกทั้งยังช่วยลดภาระเรื่องค่าเทอม……”
“ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง ได้สิ ผมเข้าใจแล้ว นายรีบติดต่อเพื่อนคนนั้นเลย ผมจะกลับไปเตรียมเงินสามแสนให้นาย หวังว่าจะพบกันเร็วๆ นี้ อีกอย่าง เกาหนิง เรื่องที่นายพูดเมื่อกี้ ผมจะไปสืบดู หวังว่านายจะไม่หลอกผม” หลี่โม่พูดอย่างจริงจัง และหันหลังเดินออกไป
เขาขับรถกลับโรงแรม อาหารเช้าที่สั่งมาในโรงแรมเต็มโต๊ะ จากนั้นหลี่โม่จึงแบ่งให้ฟางรั่วเสว่ หลี่โม่กดมือถือโทรออก ใครบางคนรีบวิ่งมาจากอีกห้อง ส่วนอีกคนรีบขับรถมาที่โรงแรม
เสียงกริ่งประตูดังขึ้น หลี่โม่รู้ว่าพวกเขามาแล้ว จึงรีบลุกขึ้นไปต้อนรับ
“รีบเข้ามาสิ เราไม่ได้ทานอาหารเช้าด้วยกันมานานแล้ว มากินด้วยกันสิ ถึงจะเที่ยงแล้ว แต่ฉันรู้ว่าพวกนายเป็นพวกโต้รุ่ง”
ฟางรั่วเสว่กับชุยเซิ่งจุนมองหน้ากัน ราวกับตกใจกับท่าทีของหลี่โม่ ในเมื่อพวกเขามาถึงที่นี่แล้ว จึงไม่เกรงใจ และนั่งลงบนโซฟา ชุยเซิ่งจุนใช้ตะเกียบคีบซาลาเปาน้ำซุปเข้าปาก และพูดทั้งๆ ที่มีอาหารอยู่ในปาก “เหล่าหลี่นายว่ามาสิ มีอะไรถึงให้พวกเรามาช่วย แถมยังเตรียมอาหารเช้ามาซะเต็มโต๊ะ”
หลี่โม่ยิ้มแล้วถูมือไปมา “เหอะๆ คุณชายชุยรู้ใจผมจริงๆ พอดีผมหมุนเงินไม่ค่อยทัน……เลยอยากยืมเงินคุณสักสามแสน”
“แค่กๆ” ชุยเซิ่งจุนเกือบสำลัก เขาเบิกตาโพลงแล้วพูดว่า “เท่าไรนะ! สามแสน เงินแค่นี้เป็นเรื่องใหญ่สำหรับนายเหรอ ถึงต้องมายืมเราเนี่ย”
ฟางรั่วเสว่เงียบไป และพูดอย่างจริงจังว่า “คุณหลี่ คุณเจอเรื่องอะไรมาหรือเปล่า ถึงต้องใช้เงินสามแสน”
หลี่โม่คิดไปคิดมา และตัดสินใจไม่บอกเรื่องนี้กับพวกเขา เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องวุ่นวายเพิ่มเข้ามา “วางใจเถอะ ผมแค่หมุนเงินไม่ทันจริงๆ จึงต้องมาเอ่ยปากขอกับทั้งสองคน ปกติผมเป็นแบบนี้หรือไง ช่วยผมหน่อยเถอะ”
ชุยเซิ่งจุนมองฟางรั่วเสว่ จากนั้นจึงพูดอย่างเหนื่อยใจ “ก็ได้ เอาเลขบัตรมาให้ฉัน เดี๋ยวฉันจะโอนให้ อีกอย่าง ถ้าเกิดอะไรขึ้นจริงๆ นายต้องบอกนะ ถ้านายยังเห็นเราเป็นเพื่อน”
“แน่นอนอยู่แล้ว” ขณะนี้ความกลุ้มใจของหลี่โม่ หายไปในพริบตา
จากนั้น ก็มีเสียงข้อความดังขึ้น หลี่โม่หยิบมือถือออกมา มีเงินโอนเข้ามาในบัญชีหนึ่งแสน
ฟางรั่วเสว่จัดการเรียบร้อย เธอวางมือถือและพูดว่า “ฉันไม่ได้มีเงินเยอะเหมือนคุณชายชุย ฉันโอนให้คุณก่อนหนึ่งแสน ถ้าไม่พอค่อยบอก”
“ขอบใจมาก!”
……
ตอนบ่าย เหมือนโทรศัพท์ของเกาหนิงตรงตามเวลาเป๊ะ
หลังจากที่หลี่โม่จัดการตัวเองเสร็จ เขาขับรถออกจากโรงแรม มุ่งหน้าไปยังย่านธุรกิจตรงข้ามมหาวิทยาลัยเมืองฮ่าน เกาหนิงบอกให้ไปเจอกันที่คาเฟ่ในถนนเส้นนั้น
หลังจากผ่านไปสิบนาที เขามาถึงคาเฟ่ เกาหนิงโบกมือให้เขา “ทางนี้”
หลี่โม่พยักหน้า และเดินเข้าไป มีสาวมหาวิทยาลัยหน้าตาสะสวย นั่งอยู่ข้างๆ ใบหน้าของเธอมีเสน่ห์ แต่งหน้าอ่อนๆ ผมยาวสีมะฮอกกานีถูกดัดเป็นลอนใหญ่ เธอสวมกางเกงยีนกับเสื้อยืดสีขาวแบรนด์หรู เธอน่าจะเป็นคนมีเงิน……
แต่คิดไปคิดมา เพื่อนของจางเสี่ยวหง ก็น่าจะฐานะพอๆ กับเธอ จางเสี่ยวหงคงไม่คบเพื่อนจนๆ หรอก มันไม่สมเหตุสมผล ไม่ใช่ละครสักหน่อย
หลี่โม่นั่งลงตรงข้ามสาวสวย เขาพูดอย่างสุภาพว่า “สวัสดีครับ ผมชื่อหลี่โม่ เป็นรุ่นน้องของจางเสี่ยวหง”
ฉินจื่อเชียนเอามือเท้าคางอย่างสนใจ เธอมองหลี่โม่อย่างประเมิน เมื่อกี้เธอเห็นรถ BMW ที่หลี่โม่ขับ คันละหลายแสนเลยนะ เรียกได้ว่าเป็นรถระดับกลาง ดูเหมือนฐานะจะใช้ได้ หน้าตาก็หล่อเท่ เหมือนฉินจื่อเชียนจะตกหลุมรักเขา อยากทำความรู้จักเขามากขึ้นกว่านี้
“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อฉินจื่อเชียน เป็นเพื่อนกับจางเสี่ยวหงตั้งแต่เด็ก”
หลังจากเห็นทั้งสองแนะนำตัวเสร็จ เกาหนิงจึงพูดว่า “คุณหลี่ คุณฉินเป็นเพื่อนกับจางเสี่ยวหงตั้งแต่เด็ก ทั้งสองสนิทกันมาก เธอน่าจะรู้ว่าจางเสี่ยวหงอยู่ไหน ผมจัดการเรื่องนี้เสร็จแล้ว งั้น……”
หลี่โม่พูดขึ้นมาว่า “เดี๋ยวก่อน”
จากนั้นจึงหันไปมองฉินจื่อเชียน ไม่พูดก็ไม่ได้ว่าคุณคนนี้ ยิ่งมองยิ่งมีเสน่ห์ เรียกได้ว่าเป็นผู้หญิงที่ทั้งสวยและมีสง่าราศี “คุณฉิน คุณรู้ว่าจางเสี่ยวหงอยู่ที่ไหนจริงหรือเปล่า บอกความจริงมา”
หลี่โม่ไม่พูดเยิ่นเย้อ มันค่อนข้างไม่น่าฟัง สำหรับคนที่เพิ่งรู้จักอย่างฉินจื่อเชียน
แต่ฉินจื่อเชียนไม่สนใจ เมื่อได้ยิน เธอก็ปลดล็อกหน้าจอมือถือของตัวเอง และยื่นรายชื่อในมือถือให้หลี่โม่ จากนั้นจึงพูดว่า “นี่คือเบอร์มือถือ อีกเบอร์หนึ่งของจางเสี่ยวหง”