จักรพรรดิมังกร - บทที่ 616 รนหาที่ตาย!
หลี่โม่มองทั้งสองคน และนับถอยหลังไปเรื่อยๆ จนเมื่อหลี่โม่นับเสร็จ ทั้งสองยังไม่มีปฏิกิริยาใดๆ
“นับเสร็จแล้วเหรอ งั้นเอาหลักฐานมาให้เราดูสิ!”
หวังฝู้มองหลี่โม่อย่างเย้ยหยัน
คนรอบๆ ต่างพากันมองหลี่โม่เหมือนกัน เพราะอยากรู้ว่าหลี่โม่จะหาหลักฐานมาได้หรือเปล่า
หลี่โม่ได้ยินก็ยิ้มบางๆ “ในเมื่อนายอยากเห็น งั้นฉันจะให้นายดูว่าหลักฐานของฉันคืออะไร”
เมื่อพูดจบ หลี่โม่ก็ใช้มือล้วงลงไปหยิบมือถือในกระเป๋ากางเกง เมื่อเขากดหน้าจอสองสามครั้ง ก็มีเสียงดังออกมา
“เป็นไง หวังฝู้ จัดการไอ้หมอนั่นหน่อยไหม ดูก็รู้ว่ามันไม่ใช่คนที่มาที่นี่บ่อยๆ”
“ถ้าเอาของในมือมันมาได้ เรารวยเละแน่นอน!”
เสียงที่ดังออกมา เป็นเสียงของหยางฉวน เมื่อทุกคนได้ยินก็ถึงกับอึ้งไป
ในขณะเดียวกันก็สงสัยว่าหลี่โม่ไปเอาเสียงนี้มาจากไหน
หวังฝู้มองหลี่โม่อย่างตกตะลึง และมองคนที่อยู่ข้างๆ อย่างหยางฉวน ด้วยสายตาแปลกประหลาด
หยางฉวนมีสีหน้าตกตะลึง เขาแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ ตอนที่คุยกับหวังฝู้!
และทั้งสองก็เจอกันที่นั่นตลอด ซึ่งไม่เคยมีปัญหาอะไรเลย ทำไมจู่ๆ ถึงมีเสียงบันทึกนี้ออกมาได้
“แปลกใจไหมล่ะ ว่าทำไมฉันถึงได้ยินบทสนทนาของพวกนาย”
สีหน้าของหลี่โม่ฉายแววเย้ยหยัน
“อะไร บทสนทนาของเราสองคนงั้นเหรอ นี่เป็นเสียงที่แกปลอมขึ้นมา!”
หวังฝู้พูดอย่างไร้เหตุผล
ตอนนี้จะยอมรับผิดไม่ได้เด็ดขาด ถ้าขืนรับผิดขึ้นมา ชื่อเสียงของทั้งสองคนในการพนันหิน ต้องฉาวโฉ่อย่างแน่นอน!
สีหน้าของหยางฉวนค่อยๆ เย็นยะเยือก เขาพูดเสียงทุ้มว่า “อย่าเอาของแบบนี้มาหลอกเราเลย ถ้าเอามาเป็นหลักฐานได้ งั้นฉันคงไปปลอมเสียง แล้วมาบอกว่าแกติดเงินฉันพันล้านก็ได้สิ”
เมื่อกู้หยุนหลันได้ยินคำพูดของทั้งสองคน สีหน้าของเธอก็เย็นชาทันที คนรอบๆ ต่างพากันขมวดคิ้วขึ้นมา
หลี่โม่ยังคงอยู่ในที่พนันหิน โดยไม่ออกไปไหนทั้งนั้น!
ไม่มีใครเห็นเขาโทรหาใครสักคน จะหาคนมาปลอมเสียงได้ยังไง
อย่าบอกนะว่าเขารู้จักชื่อของหวังฝู้มาก่อน
แต่นี่มันไม่ค่อยจะเข้าท่า ไม่ว่าใครก็คงไม่เชื่อ
“เหรอ ไม่เชื่อนายก็ดูตรงคอเสื้อสิ”
หลี่โม่ยิ้มยียวนออกมา
คนรอบๆ ได้ยินก็พากันมองไปที่คอเสื้อของหยางฉวน ตรงนั้นมีจุดสีดำเล็กๆ เมื่อบวกกับคำพูดของหลี่โม่ รู้ได้เลยว่านั่นคือเครื่องดักฟังขนาดจิ๋ว
“นี่……”
หยางฉวนมองคอเสื้อตัวเอง ด้วยสีหน้าตื่นตระหนก เมื่อเขาเห็นเครื่องดักฟัง ก็กระชากมันออกมาทันที เขาตกใจมาก
“แกติดเครื่องดักฟังไว้บนตัวฉัน!”
หลี่โม่ได้ยินก็ส่ายหน้า สีหน้าของเขาดูเสียใจ
“ตอนแรกฉันคิดว่านายคือคนที่คนนั้นส่งมา และอยากสืบอะไรจากนาย แต่คิดไม่ถึงว่านายจะใช้ไม่ได้อย่างนี้”
หลี่โม่เข้าใจว่าเขาคือคนที่ราชินีของสำนักหลงเหมินส่งมา ดังนั้นเขาจึงหวาดระแวง และติดเครื่องดักฟังเอาไว้บนตัวของหยางฉวน
แต่คิดไม่ถึงว่าหยางฉวน ไม่เพียงแต่จะไม่ใช่คนที่ราชินีของสำนักหลงเหมินส่งมา แถมยังเป็นสวะอย่างแท้จริง ทำแต่เรื่องต่ำตม หลอกคนอื่นไปทั่ว
ราชินีของสำนักหลงเหมิน ไม่มีทางเห็นคนแบบนี้อยู่ในสายตา หลี่โม่รู้สึกว่าเรื่องนี้ ทำให้เขาหวาดระแวงไปหมด
“แก!”
หยางฉวนมีสีหน้าโกรธเคือง
แต่หวังฝู้ยังคงมีท่าทางอันธพาล เขามองหลี่โม่ด้วยสายตาร้ายกาจ
“ถึงแกจะติดเครื่องดักฟังแล้วยังไง วันนี้ยังไงแกก็ต้องให้หินก้อนนี้กับฉัน!”
เมื่อพูดจบ หวังฝู้ก็ปรบมือ มีวัยรุ่นเดินออกมาท่ามกลางผู้คน วัยรุ่นพวกนั้นมองหลี่โม่กับกู้หยุนหลันอย่างยียวน
“ไอ้หนุ่ม รีบเอาหินหยกในมือออกมาเถอะ พวกข้าไม่อยากทำร้ายแก”
“ใช่ เฮ้อ แต่ฉันว่าเมียมันสวยมากนะ เราฝืนใจลงมือหน่อยไหม” หนึ่งในนั้นมีสีหน้าลามก
เมื่อหลี่โม่ได้ยิน สีหน้าของเขาก็เย็นยะเยือก กู้หยุนหลันคือสิ่งต้องห้ามและฟางเส้นสุดท้ายของเขา จะดูถูก เหยียดหยาม หรือทำร้ายเขาก็ได้ทั้งนั้น
แต่ถ้าเขามายุ่มย่ามกับกู้หยุนหลัน หลี่โม่ให้เพียงคำเดียวเท่านั้น คือคำว่าตาย!
เขาไม่ใช่คนมีเมตตามาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่เมื่อเจอกู้หยุนหลัน เขาจึงซ่อนความโหดเหี้ยมเอาไว้
“ฉันจะให้โอกาสพวกนายเป็นครั้งสุดท้าย คุกเข่าขอโทษซะ ฉันจะได้ปล่อยพวกนายไป”
หลี่โม่มองพวกนั้นด้วยสายตาเย็นชา ความโหดเหี้ยมแผ่ออกจากตัวของเขา
คนพวกนั้นได้ยิน ก็หัวเราะออกมา
“ฮ่าๆ พี่หวังฝู้ได้ยินไหม จนถึงตอนนี้ ไอ้เด็กนั่นยังคิดว่ามันจะจัดการเราได้”
“ใช่ ไอ้หนุ่ม ไม่ดูบ้างว่าฝั่งพวกเรามีกี่คน หรือแกจะบอกว่าสามารถสู้หนึ่งต่อเจ็ดได้งั้นเหรอ”
“หนึ่งต่อเจ็ดอะไรกัน พี่หวังฝู้คิดอะไรแบบนั้น หนึ่งต่อหกก็พอแล้ว! แต่ผมคิดว่ามันทำไม่ได้หรอก!”
“พอแล้ว อย่าไปพูดไร้สาระกับมัน ลงมือไปเลย ระวังอย่าให้หยกหินเสียหาย จัดการมันเสร็จ ก็จับตัวมันด้วย ให้มันเห็นพวกเราเล่นกับเมียมัน ฮ่าๆๆๆ”
“.…..”
“พลั่ก!”
คนนั้นเพิ่งพูดจบไม่กี่วินาที เสียงกระแทกดังสนั่นขึ้นมา
หลี่โม่มองคนพวกนั้นด้วยสายตาเย็นยะเยือก น้ำเสียงของเขา เหมือนลอยออกมาจากนรกชั้นสุดท้าย
“ในเมื่อพูดด้วยดีๆ ไม่ยอมทำตาม ก็คงต้องใช้กำลังบังคับ งั้นฉันจะสนองให้พวกนายเอง!”
เมื่อคนรอบๆ เห็นก็พากันเงียบ หลี่โม่เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว พวกเขายังไม่ทันได้ตั้งตัว หลี่โม่ก็จัดการได้แล้วหนึ่งคน
หลังจากคนนั้นล้มลงกับพื้น แถมยังกระอักเลือดออกมาอีกด้วย เห็นได้เลยว่าหลี่โม่แรงเยอะมาก
หลังจากหลี่โม่พูดจบ เขาก็มองไปยังคนอื่น หลังจากคนพวกนั้นเห็นสายตาของหลี่โม่ จู่ๆ ก็รู้สึกเสียววาบ ความรู้สึกไร้เรี่ยวแรงผุดขึ้นมา
หวังฝู้เห็นภาพตรงหน้า เขาก็ขมวดคิ้ว “อย่าไปกลัวไอ้เด็กนั่น ไม่ว่ายังไง มันก็ตัวคนเดียว”
“จะเก่งแค่ไหน ก็แพ้อาวุธ อย่ามัวหลบๆ ซ่อนๆ รีบลงมือเลย”
พวกวัยรุ่นตั้งสติได้ ทันใดนั้นเขาก็หยิบมีดสั้นออกมาจากกระเป๋า และมองหลี่โม่อย่างร้ายกาจ
“ไอ้หนุ่ม ถ้าวันนี้ไม่ได้ส่งแกไปนอนโรงพยาบาล พวกข้าจะออกจากวงการนักเลง!”
“ฆ่าไอ้เด็กเปรตนั่นซะ เวรเอ๊ย”
“.…..”
หลังจากคนพวกนั้นพูดจบ ก็พุ่งเข้ามาหาหลี่โม่ คนรอบๆ พากันถอยกรูด กู้หยุนหลันมีสีหน้าเป็นกังวล แต่เธอก็ถอยหลังไปเหมือนกัน
หลี่โม่มองคนพวกนั้น และแสยะยิ้มมุมปาก
“คนที่กล้าเล่นมีดต่อหน้าฉัน เก้าในสิบล้วนตายไปแล้วทั้งนั้น”