จักรพรรดิมังกร - บทที่ 626 โอกาสที่ดี
“หลี่โม่ ขอร้องรีบมาช่วยฉัน ฉันไม่อยากถูกขายไปที่ซ่อง! พวกคุณปู่ตายกันหมดแล้ว ถูกพวกมันฆ่าตายกันหมดแล้ว ขอร้องมาช่วยฉันด้วย ฮือๆๆ”
ฟางรั่วเสว่สติแตกไปแล้ว ตอนนี้ได้ร้องไห้ออกมาอย่างหนักอย่างควบคุมไม่ได้
ใบหน้าของเสือผีปรากฏรอยยิ้มแห่งชัยชนะออกมา และพูดอย่างได้ใจว่า “ได้ยินรึยัง? ฟางฉีที่อยากจะช่วยนายนั้นได้ชดใช้ด้วยเลือดเชียวนะ นายคงไม่เลือดเย็นจนไม่แม้แต่จะช่วยทายาทของเขาหรอกมั้ง ถ้าเป็นอย่างนั้นฉันคงจะดูถูกนาย”
คิ้วหลี่โม่กระตุกหนึ่งที พูดอย่างตลกว่า “ฉันอยากจะไปตามนัดมาก แต่ว่าศาลเจ้าไท้เสียงเล่ากุงทางตอนใต้ของเมืองอยู่ที่ไหน”
“เมื่อถึงเวลานายก็จะรู้เอง หวังว่านายจะไม่ทำให้คนสวยฟางผิดหวังนะ ไม่อย่างนั้นชีวิตของเธอก็จะน่าเวทนาเป็นอย่างมาก ไม่แน่อนาคตอาจจะเกลียดนายเข้ากระดูก คอยเอาแต่สาปแช่งนายทุกวัน ฮ่าๆๆ”
เสือผีพูดจบก็วางสายยื่นแขนออกไปจับที่ใบหน้าเรียวของฟางรั่วเสว่
“หึๆ ใบหน้าเรียวนุ่มนวลนี่ไม่เลวจริงๆ คนสาวอย่างเธอเคยคิดที่จะมอบร่างกายให้กับหลี่โม่ใช่มั้ยละ? เสียดายที่ตอนนี้เธอไม่มีโอกาสจะมอบร่างกายให้มันแล้ว เพราะงั้นให้ฉันสนุกสักหน่อยก่อนเถอะ!”
“นาย นายอย่าแตะต้องฉัน อย่าแตะต้องฉันนะ!”
ฟางรั่วเสว่ร้องตะโกนเสียงดังอย่างเสียสติ
เสือผีหัวเราะเยาะทีหนึ่ง “สาวสวยที่ไม่ให้ความร่วมมือ ฉันไม่ชอบหรอกนะ เป็นสาวสวยที่เชื่อฟังถึงจะดีที่สุด!”
พูดจบในมือของเสือผีก็มีเข็มเงินปรากฏขึ้น เสือผีเอาเข็มเงินแทงเข้าไปที่กลางหัวของฟางรั่วเสว่ เข็มยาวทิ่มแทงเข้าไปในกะโหลกศีรษะ สติของฟางรั่วเสว่ก็กลายเป็นเหม่อลอย
เสือผีเอาเข็มเงินออกมาหลายเข็ม ทิ่มแทงเข้าไปที่กลางหัวของฟางรั่วเสว่อย่างช้าๆ
“เสือผี นายทำอย่างนี้มีความหมายหรอ? นายบอกไว้แล้วว่าจะลงมือที่งานเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่ไม่ใช่หรอ”
ท่านทะไลลามะโตหลุนหลับตาพูด
ท่านทะไลลามะโตหลุนมาเพื่อแก้แค้นให้กับพวกพี่น้อง ที่ร่วมมือกับเสือผีก็เพราะจำเป็น เพราะยังไงซะจากการที่ว่างจี๋อธิบาย คาดว่าตัวท่านทะไลลามะโตหลุนเองก็อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลี่โม่
ท่านทะไลลามะโตหลุนที่เพิ่งมาถึง กำลังเตรียมที่จะปรึกษาหารือแผนการกับเสือผี แต่กลับถูกลากมาที่บ้านตระกูลฟาง รับชมเสือผีที่ทำการฆ่าทรมานคนของตระกูลฟาง
ปลายลิ้นของเสือผีเลียริมฝีปากหนา บนใบหน้าปรากฏสีหน้าที่แปลกประหลาดออกมา
“โตหลุน ฝีมือของนายนั้นใช้ได้ แต่ว่าสมองของนายนั้นไม่มากพอ นายคิดว่าการต่อกรกับหลี่โม่มีแค่พวกเราก็พอแล้วจริงๆหรอ? นั่นมันไม่พอเป็นอย่างมากเลย”
“นายหมายความว่ายังไง?”
ท่านทะไลลามะโตหลุนพูดด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“ที่ปล่อยข่าวลือออกไปว่า ราชินีของสำนักหลงเหมินจะทำการลงมือกับหลี่โม่ในงานเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่ ก็เพื่อทำการดึงดูดความสนใจของเขา ให้เขาคิดว่างานเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่ถึงจะเป็นเวลาที่อันตรายที่สุด ในช่วงเวลานี้ฉันมาฆ่าคนของตระกูลฟาง ใช้ฟางรั่วเสว่มาล่อเขาไปที่เมืองใต้ ก็เพื่อจะทำการล่อเสือออกจากถ้ำ! ทำให้สับสนซ้ำๆ แม้ว่าหลี่โม่มันจะเป็นจูกัดเหลียงกลับชาติมาเกิด ก็ไม่มีทางดูแผนการของฉันออกแน่!”
เสือผีทำท่าทางเหมือนทุกอย่างอยู่ในกำมือ คิดว่าทุกอย่างในโลกอยู่ในการควบคุมของตัวเอง
ท่านทะไลลามะโตหลุนคิ้วขมวดเล็กน้อย ฟังคำพูดของเสือผีไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่นัก
“นายวางแผนอะไรกันแน่? ล่อเสือออกจากถ้ำ นี่คือหลังจากที่ล่อหลี่โม่ออกมาแล้วจะทำอะไร?”
“หลังจากล่อหลี่โม่ออกมาแล้ว แน่นอนว่าต้องจับคนในครอบครัวของมันนะสิ! ฉันวิเคราะห์ดูแล้ว ความรู้สึกที่หลี่โม่มีให้กู้หยุนหลันนั้นมากอย่างพูดไม่ได้แน่นอน ยินยอมที่จะเสียสละทุกอย่างเพื่อกู้หยุนหลัน! ถ้าหากว่าพวกเราจับกู้หยุนหลันมา ก็สามารถให้หลี่โม่คุกเข่าเป็นหุ่นเชิดได้อย่างง่ายดาย เขาเป็นถึงนายน้อยของสำนักหลงเหมินเชียวนะ! ถ้าได้ควบคุมเขา ก็เทียบเท่ากับว่าได้ควบคุมทั้งหมดในสำนักหลงเหมิน! นายหวั่นไหวมั้ย? สำนักหลงเหมินนั้นมีศิลปะการต่อสู้มากมายเชียวนะ ยาต่างๆที่ล้ำค่าก็มีอยู่มากมาย สมบัติยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย!”
ความโลภของเสือผีนั้นมีเพิ่มมากขึ้นแล้ว การแก้แค้นไม่ใช่เป้าหมายหลักของเสือผีแล้ว แต่การครอบครองสำนักหลงเหมินถึงจะเป็นเป้าหมายสูงสุดของเสือผี
ท่านทะไลลามะโตหลุนดวงตาเป็นประกาย สำนักหลงเหมินเป็นสำนักในระดับไหน ท่านทะไลลามะโตหลุนเองก็รู้เป็นอย่างดี แน่นอนว่าต้องรู้อยู่แล้วว่าสำนักหลงเหมินนั้นร่ำรวยขนาดไหน และเบื้องหลังนั้นหนาแน่นมากเพียงใด
ถ้าหากว่าสามารถเป็นไท่ช่างหวังของสำนักหลงเหมินได้ และควบคุมทุกอย่างของสำนักหลงเหมินเงียบๆ นั่นก็สามารถบอกได้ว่าเป็นจุดสูงสุดของชีวิตคน!
“เสือผี ที่นายคิดนั้นก็ไม่เลว แต่ทุกอย่างมันไม่ได้ง่ายอย่างนั้น ราชินีแห่งสำนักหลงเหมิน แปดราชาของสำนักหลงเหมิน นั่นล้วนไม่ใช่บุคคลธรรมดาทั้งนั้น ถึงแม้ว่าในนามหลี่โม่จะเป็นนายน้อยของสำนักหลงเหมิน แต่ตอนนี้เขาเป็นแค่คนไร้ค่าของสำนักหลงเหมินก็เท่านั้น สำนักหลงเหมินไม่ได้อยู่ในการควบคุมของเขาด้วยซ้ำ พวกเราควบคุมเขาได้แล้วยังไง และถ้าหากพวกเราควบคุมเขา อาจจะนำพาเรื่องเลวร้ายมากกว่าเดิมมาให้กับเราก็ได้นะ”
สมแล้วที่ท่านทะไลลามะโตหลุนจะเป็นคนทิ้งความโลภ ถึงแม้จะหวั่นไหวกับความต้องการบ้าง แต่ก็ไม่ได้เสียสติไปจนหมด แต่ได้ทำการวิเคราะห์ในมุมของคนดู
เสือผีปรากฏสีหน้าอย่างคนที่คาดการณ์ไม่ได้ ส่ายหัวเล็กน้อย “นายคิดมากไปแล้ว ทุกเรื่องราวมีเพียงแค่ทำออกมาแล้วเราถึงจะรู้ผล ถ้าหากว่าเอาแต่กลัว แล้วไม่กล้าลงมือทำ ถ้าอย่างนั้นมีโอกาสที่ดีกว่านี้มากแค่ไหน ก็เปล่าประโยชน์ ตอนนี้เป็นโอกาสที่ดีที่สุดของเรา!”
ท่านทะไลลามะโตหลุนลังเลแล้วลังเลอีก สุดท้ายก็ค่อยๆพยักหน้า ตัดสินใจว่าจะลองดูก่อน ถ้าหากว่ามีโอกาสที่จะสำเร็จจริงๆ งั้นก็ลองร่วมมือกับเสือผีดู
“ก็ได้ ลองดูแผนการคืนนี้ของนายก่อนว่าสำเร็จมั้ยค่อยว่ากัน”
“ฉันทำสำเร็จแน่นอน ตอนนี้พวกเราสามารถร่วมมือกันสนุกกับสาวสวยสักหน่อยก่อน ได้ยินมาว่าที่นายฝึกมาคือพุทธตันตระ?”
เสือผีพูดจบก็อุ้มฟางรั่วเสว่ที่เหม่อลอย ไปทางห้องนอนด้วยเสียงหัวเราะ
ท่านทะไลลามะโตหลุนเหล่ตา แล้วก้าวขาเดิมตามเสือผีไป
……….
ท่านแปดกำลังกอดเลขาสาวที่แสนสวยเล่นจ้ำจี้กัน ลูกน้องคนหนึ่งก็ก้มหัวเข้ามาพูดว่า “ท่านแปดครับ เมื่อกี้ได้รับบัตรเชิญมาฉบับหนึ่งครับ คุณชายกงซุนจุนจากตระกูลกงซุนเชิญท่านมาให้ไปเจอหน้ากันครับ”
“ตระกูลกงซุน?ตระกูลกงซุนก็เป็นแค่ตระกูลหมาแมวอะไร ขยะอย่างนั้นยังกล้ามาเชิญฉันแล้วหรอ คิดว่าฉันเป็นผู้ที่เสียอำนาจไปแล้วจริงๆหรอ!”
ท่านแปดตะโกนอย่างโมโห ลูกน้องนั้นหัวหด ถอยหลังไปสองก้าวและไม่กล้าพูดจาอะไร
เลขาที่แสนสวยลูบหลังท่านแปดเบาๆและพูดว่า “ท่านแปดอย่าโมโหสิคะ ไม่แน่ว่าที่มาหาคุณเพราะมีเรื่องดีอะไรนะคะ”
“ตระกูลกงซุนมันก็แค่ก้อนขี้หมา จะมีเรื่องดีอะไรมาหาฉัน ตอนนี้ฉันเป็นคนยิ่งใหญ่ที่เสียอำนาจไปแล้ว นึกถึงเมื่อก่อนตอนที่ฉันน่าเกรงขามไปทั่ว คนของตระกูลกงซุนอยากเจอกับฉันยังต้องคลานเข้ามาเลย!”
ท่านแปดบ่นอย่างไม่พอใจ จากนั้นก็พูดด้วยสีหน้าไม่พอใจว่า “ไอ้หนูของตระกูลกงซุนนัดฉันเพื่ออยากจะคุยเรื่องอะไร?”
“เห็นบอกว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหลี่โม่ครับ แล้วยังบอกว่าถ้าหากว่าคุณยินดีจะร่วมมือด้วยกัน ไม่แน่อาจจะช่วยคุณได้อำนาจทั้งหมดกลับคืนมาหรือถึงขั้นมากกว่าเดิมด้วยครับ”
“เหอะๆ ไอ้หนูของตระกูลกงซุนนี่มันช่างกล้าจริงๆ! ในเมื่อมันพูดขนาดนี้แล้ว ฉันอยากจะรู้ซะจริงว่ามันไปเอาความมั่นใจมาจากไหน”