จักรพรรดิมังกร - บทที่ 628 สุสานใต้ดิน
ขณะที่ดื่มด่ำเหล้ากันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ท่านแปดกินอิ่มดื่มจนหนำใจแล้วก็ตบบ่าของกงซุนจุน
“ไอ้หนุ่มอย่างนายนี่ไม่เลวจริงๆ ความกตัญญูของนายฉันรับไว้แล้ว แล้วจะรอข่าวดีจากนาย ถ้าหากว่านายสามารถทำเรื่องนี้ให้สำเร็จได้ แล้วฉันได้อำนาจกลับมา ต่อไปตระกูลกงซุนของนายก็รอเดินสู่ความรุ่งโรจน์ได้เลย!”
“ขอบคุณท่านแปดมากครับ ท่านรอดูเลยครับ เรื่องนี้ผมจะทำให้ดีแน่นอน ไม่เกิดปัญหาอย่างแน่นอนครับ”
กงซุนจุนมีความสุข สามารถได้รับการรับประกันจากท่านแปด ถ้าอย่างนั้นตระกูลกงซุนต่อไปก็สามารถพัฒนาได้แล้ว!
เมื่อส่งท่านแปดออกไป และมองส่งท่านแปดนั่งรถจากไปแล้ว กงซุนจุนถึงจะสงบอารมณ์ตื่นเต้นมีความสุขลงได้
การแกล้งทำตัวต่ำลงครั้งนี้ไม่ได้เสียเปล่า สามารถมีผลลัพธ์ที่ดีได้ถือเป็นเรื่องที่ดีที่สุด
“จัดเตรียมตามที่ฉันสั่งเมื่อก่อนหน้านี้ ใส่หญ้ายาแฝดลงในพวกผักซะ”
กงซุนจุนพูดสั่ง
“นายน้อยวางใจได้ครับ ทุกอย่างเตรียมไว้ตามที่ท่านสั่งแล้วครับ”
กงซุนจุนหัวเราะอย่างได้ใจ และเริ่มจินตนาการถึงจุดจบที่กอดกู้หยุนหลันไว้แล้วเหยียบหลี่โม่
กล้าไม่เคารพตระกูลงซุนของฉัน ไม่ช้าก็จะมีวันที่แกต้องเลียเท้าฉันสักวัน!
………
ท่านแปดนั่งหลับตาอยู่ในรถ กำลังวิเคราะห์ว่าควรจะอยู่ฝ่ายหลี่โม่หรืออยู่ฝ่ายราชินีแห่งสำนักหลงเหมิน
ยากจริงๆ ยากมาก ท่านแปดใช้สมองทั้งหมดคิดแล้วก็ยังไม่ได้ตัวเลือกที่เหมาะสมออกมา
เป็นเพราะสถานการณ์ของสำนักหลงเหมินในตอนนี้นั้นขึ้นลงคาดเดาไม่ได้ ท่านแปดรู้สึกว่าตัวเองอยู่ในกลุ่มหมอก มองเห็นสถานการณ์รอบด้านไม่ชัดเจน
“ช่างเถอะ รอดูก่อน ถ้าหากว่าหลี่โม่ถูกกงซุนจุนจัดการแล้ว งั้นก็เอามันไปให้กับราชินีแห่งสำนักหลงเหมิน นี่ก็ถือเป็นการวางไว้ของชะตาชีวิตละมั้ง ถ้าหากว่าหลี่โม่สามารถผ่านจุดนี้ไปได้ แสดงว่าเขาโชคดีอย่างมาก ฉันเองก็จะไม่ลังเล แล้วเข้าฝ่ายของหลี่โม่ดีกว่า”
สุดท้ายท่านแปดตัดสินใจว่าจะรอดูก่อน ดูว่าหลี่โม่จะสามารถผ่านสถานการณ์นี้ไปได้มั้ย
ในขณะที่ท่านแปดตัดสินใจอย่างยากลำบาก หลี่โม่กลับกำลังนั่งค้นหาศาลเจ้าไท้เสียงเล่ากุงทางตอนใต้ของเมืองอยู่ในรถ
เมืองใต้ของเมืองฮ่านก่อนหน้านี้เคยมีศาลเจ้าไท้เสียงเล่ากุงแห่งหนึ่งมาก่อน แต่ว่าศาลเจ้าไท้เสียงเล่ากุงนั้นได้รับภัยพิบัติฟ้าผ่าเมื่อหลายสิบปีก่อนแล้ว สายฟ้าทำให้เกิดไฟไหม้ ทำเอาศาลเจ้าไท้เสียงเล่ากุงกลายเป็นเถ้าถ่านจนหมด
ตั้งแต่นั้นมาศาลเจ้าไท้เสียงเล่ากุงก็เหลือเพียงแค่ประวัติศาสตร์ตัวหนังสือเท่านั้น โดยไม่มีเหลือแม้แต่ซากอะไรเลยซักนิด
แต่ว่าเสือผีนั้นพูดว่าจะรอตัวเขาที่ศาลเจ้าไท้เสียงเล่ากุงชัดๆ นี่จึงทำเอาหลี่โม่ไม่สามารถเข้าใจได้
“ช่างเถอะ รอดูก่อน”
หลี่โม่หาวออกมาทีหนึ่ง หลังจากที่วางโทรศัพท์ลงแล้วก็เอนเก้าอี้ลง และนอนหลับในรถ
ในเวลาค่ำห้าทุ่ม เสียงโทรศัพท์ทำให้หลี่โม่ตื่น
หลี่โม่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างงัวเงีย หลังจากที่รับสายแล้วก็วางไว้ที่ข้างหู
“ในที่สุดแกก็โทรมาแล้ว บอกมาสิตำแหน่งที่อยู่อยู่ตรงไหน ฉันจะขับรถไปเดี๋ยวนี้ แต่ว่าฉันต้องยืนยันสถานการณ์ของฟางรั่วเสว่ซะก่อน”
เสือผีหัวเราะอย่างดุร้าย จากนั้นก็ดีดนิ้วทีหนึ่ง ฟางรั่วเสว่ที่นั่งเหม่อลอยอยู่บนเก้าอี้ สีหน้าท่าทางค่อยๆกลับสู่ปกติ
“ได้ ฉันจะให้นายฟังเสียงของฟางรั่วเสว่ซะก่อน”
“ไม่ได้ ฉันจะเปิดกล้องยืนยันสถานการณ์ของเธอ”
เสือผียิ้มดุร้ายเล็กน้อย ยิ้มเยาะพูดว่า “ดูแล้วนายไม่ค่อยเชื่อใจฉันเลย ถ้าอย่างนั้นก็ตามที่นายต้องการ ให้นายเปิดกล้องสักหน่อย”
เมื่อวางสายโทรศัพท์แล้ว เสือผีก็เปิดกล้อง และเริ่มการสนทนาเปิดกล้องกับหลี่โม่
เอากล้องตรงเข้ากับตัวฟางรั่วเสว่ น้ำเสียงเสือผีพูดอย่างโหดร้ายว่า “สาวสวย พี่หลี่โม่ของเธออยากจะเปิดกล้องกับเธอ เธอต้องมีสติสักหน่อยนะ”
“หลี่โม่ นายรีบมาช่วยฉันหน่อย คนในบ้านของฉันตายหมดแล้ว เหลือแค่ฉันคนเดียวแล้ว ฉันไม่อยากตาย ไม่อยากตายนะ!”
เสื้อผ้าฟางรั่วเสว่ยุ่งเหยิง ผมก็ยิ่งปล่อยยาวสยายไว้ ดูแล้วคล้ายกับผีบ้ามาก
หลี่โม่มองดูอย่างละเอียด หลังจากที่ยืนยันว่าเป็นฟางรั่วเสว่อย่างแน่นอนแล้ว ก็พูดว่า “บอกที่อยู่ของพวนายมา ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”
“จะส่งตำแหน่งให้นายเดี๋ยวนี้แหละ จำกัดว่านายต้องมาถึงภายในครึ่งชั่วโมง ไม่อย่างนั้นฟางรั่วเสว่ก็จะต้องตายไปซะ”
จากนั้นเสือผีก็วางสายปิดกล้องไป แล้วส่งตำแหน่งที่อยู่ให้หลี่โม่
หลังจากที่ทำทั้งหมดเสร็จแล้วเสือผีก็จับใบหน้าของฟางรั่วเสว่เบาๆ “สาวสวย เธอทำได้ไม่เลว จำคำพูดที่เจ้านายบอกกับเธอได้รึยัง?”
“จำได้ค่ะ เพียงแค่ได้ยินเสียงเจ้านายออกคำสั่ง ก็ให้ใช้มีดแทงเข้าไปที่ตรงหัวใจของหลี่โม่”
ขณะที่ฟางรั่วเสว่พูด ท่าทางก็เปลี่ยนกลับไปเป็นเหม่อลอยเหมือนเดิม
เสือผีหัวเราะอย่างได้ใจ แล้วมองไปที่ท่านทะไลลามะโตหลุนและพูดว่า “โตหลุน พวกเราควรจะต้องไปเริ่มแผนการแล้ว ที่นี่ปล่อยให้ลูกน้องฉันทำก็พอแล้ว”
“โอเค ดูแล้วคืนนี้พวกเราจะทำสำเร็จกันแล้วละ” ท่านทะไลลามะโตหลุนพูดอย่างตื่นเต้น
เสือผีกอดไหล่ของท่านทะไลลามะโตหลุนไว้ พูดอย่างยิ้มแย้มว่า “เพียงแค่พวกเราร่วมมือกัน ก็จะไม่มีใครสู้ได้ ต่อไปสำนักหลงเหมินก็เป็นของพวกเราแล้วละ! ถึงตอนนั้นก็บุกเบิกยุคสำหรับพวกเรากันเถอะ!”
“ฮ่าๆๆ พูดถูก บุกเบิกยุคสำหรับพวกเรากัน”
ท่านทะไลลามะโตหลุนพูดเห็นด้วย จากนั้นสายตาก็มีประกายที่แปลกประหลาดแวบเข้ามา
ร่วมมือกับเสือผีตลอดไป? ท่านทะไลลามะโตหลุนไม่ได้คิดอย่างนั้น เขากำลังคิดไตร่ตรองว่าหลังจากที่จัดการหลี่โม่สำเร็จแล้ว จะกำจัดเสือผีทิ้งยังไงดี
ในใจของเสือผีเองก็มีความคิดเดียวกัน ทั้งสองไม่ได้มองกันและกันเป็นเพื่อนร่วมงาน แต่กลับมองเป็นหมากสำคัญที่ยืมใช้กำลังก็เท่านั้น
เสือผีและท่านทะไลลามะโตหลุนขึ้นรถ ทั้งสองเลือกใช้ทางที่รกร้างและอ้อมไกล มุ่งตรงไปยังคฤหาสน์ที่ครอบครัวของกู้หยุนหลันอาศัยอยู่
หลี่โม่ขับรถตามจีพีเอส ซิ่งมาจนถึงพื้นที่แห่งหนึ่งนอกชานเมือง
มองออกไปนอกกระจกเห็นภูเขารกร้าง คิ้วของหลี่โม่ขมวดเข้าหากันแน่น
ที่นี่อย่าว่าแต่ศาลเจ้าไท้เสียงเล่ากุงเลย แม้แต่ที่พักของคนก็ไม่มีสักที่!
หลี่โม่รู้สึกได้ว่าสถานการณ์ไม่ดีเท่าไหร่นัก ในขณะที่กำลังเตรียมจะขับรถกลับ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
เห็นว่าเสือผีเป็นคนโทรมา หลี่โม่ก็รีบรับสาย
“ฮัลโหล พวกนายอยู่ที่ไหนกันแน่? ตำแหน่งที่นายส่งมาให้ฉันมันเป็นป่ารกร้างนี่!”
“ป่าร้างก็ถูกแล้ว ฉันบอกกับนายไปแล้วนี่ว่าอยู่ที่ศาลเจ้าไท้เสียงเล่ากุง อ้อ ขอโทษด้วย ลืมบอกนายไปว่าเป็นสุสานใต้ดินที่ศาลเจ้าไท้เสียงเล่ากุงเคยอยู่ ในเมื่อนายถึงป่าร้างนั่นแล้ว งั้นก็ลงรถเถอะ ที่นั่นมีต้นหวายร้อยปีอยู่ต้นหนึ่งเห็นมั้ย? เดิมตามทางเหนือของต้นนั้นไปหนึ่งกิโล นายก็จะเห็นทางเข้าของสุสานใต้ดิน สาวสวยรอนายจนร้อนรนแล้วนะ”
เมื่อเสือผีพูดจบก็รีบวางสาย พูดกับท่านทะไลลามะโตหลุนที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับว่า “เริ่มแผนการ ฉันไปจับกู้หยุนหลันกับเฉินเสี่ยวถง นายไปจับกู้เจี้ยนหมินกับหวังฟาง”
“ไม่มีปัญหา”
เสือผีและท่านทะไลลามะโตหลุนลงรถพร้อมกัน ก้าวขาเดินไปยังคฤหาสน์บนยอดเขา
ทั้งสองเหมือนกับวิญญาณที่หลบอุปกรณ์เตือนภัยอินฟราเรดรอบด้านได้หมด และเข้าสู่คฤหาสน์อย่างราบรื่น
ไม่นานนัก เสือผีและท่านทะไลลามะโตหลุนสองแขนต่างจับไว้ข้างละคน เดินออกมาจากคฤหาสน์และกลับขึ้นรถ