จักรพรรดิมังกร - บทที่ 633 ให้นายน้อยหน่อยกลัวนายจะหยิ่งยโส
“เหมือนว่านายจะหลงตัวเองนะ นี่เป็นการรับสมัครงาน ไม่ใช่การหาคู่ หวังว่านายจะเข้าใจถึงสถานการณ์ตอนนี้”
หลังจากที่กู้หยุนหลันพูดจบก็มองไปยังหลี่โม่ หลี่โม่กอดไหล่ของกู้หยุนหลันไว้ด้วยรอยยิ้ม
ในเวลานี้จูเจียนเฉียงถึงได้มองไปที่หลี่โม่
สำรวจดูหลี่โม่อย่างรวดเร็ว จูเจียนเฉียงพูดด้วยสีหน้าดูถูกว่า “อย่าหาว่าผมพูดตรง เขาและคุณไม่เหมาะสมกัน ผมคิดว่าการที่คุณหลงรักเขา อาจจะเป็นการหลงรักในเชิงรักสัตว์ คน จำเป็นต้องมีสติและเหตุผลหน่อยนะครับ”
“เหตุผล? สำหรับบุคคลที่ประโยชน์นิยมอย่างนาย ทุกอย่างคงจะใช้มูลค่ามาวัดได้สินะ นายสามารถละทิ้งชื่อเสียงและเงินทอง รวมทั้งชีวิตให้กับกู้หยุนหลันได้มั้ย?”
หลี่โม่พูดด้วยรอยยิ้ม
จูเจียนเฉียงหัวเราะเยาะ “ฉันละทิ้งชื่อเสียงและเงินทอง แล้วต่อไปจะให้ชีวิตที่ดีกับผู้หญิงของฉัน และลูกๆของฉันได้ยังไงเลย ขยะที่มีชื่อเสียงอย่างนาย คงจะไม่เข้าใจชีวิตของโลกของผม ดังนั้นนายก็อย่าได้พยายามคาดเดาเลย สิ่งที่นายพูดล้วนเป็นเรื่องตลกทั้งนั้น”
ประตูห้องถูกเปิดออก หัวของผู้จัดการกวนเหลินกังยื่นเข้ามา
ผู้จัดการมองดูสถานการณ์ในห้อง จึงได้เดินเข้ามาในห้องด้วยรอยยิ้มรู้สึกผิด
วันนี้อู๋เต้าเหวินนั้นไม่ได้อยู่กวนเหลินกัง แต่ว่าอู๋เต้าเหวินนั้นเคยบอกกับพวกลูกน้องไว้แล้ว เพียงแค่หลี่โม่มาที่กวนเหลินกัง ก็จะต้องไปต้อนรับอย่างดีที่สุด
“ขออภัยครับ ขอรบกวนหน่อยครับ ผมมาให้อาหารว่างกับแขกพิเศษที่สุดของกวนเหลินกังครับ พวกท่านมีอะไรที่ต้องการมั้ยครับ?”
จูเจียนเฉียงเงยหน้าขึ้น มองไปทางหลี่โม่อย่างได้ใจ “นายเห็นรึยัง นี่เป็นความสำคัญของสิ่งที่นายพูดเรื่องชื่อเสียงและเงินทอง มีเพียงแค่ชื่อเสียงและเงินทองที่มากพอ คนอื่นถึงจะเงยหน้ามองนาย ถึงจะให้นายเป็นแขกคนสำคัญ ถึงจะให้การดูและที่ดีที่สุดกับนาย”
ผู้จัดการตะลึงเล็กน้อย เหลือบมองดูจูเจียนเฉียง จึงยิ้มอย่างเคอะเขินและไม่ไร้มารยาทแล้วพูดว่า “คุณผู้ชายครับคุณเข้าใจผิดแล้ว การบริการที่ดีที่สุดของกวนเหลินกัง มีไว้ให้สำหรับคุณหลี่โม่ครับ คุณหลี่โม่เป็นVVVIPของกวนเหลินกังของเราครับ”
“VVVIPบ้าอะไร! เขามีสิทธิ์อะไรถึงได้รับการบริการพิเศษ พวกนายเข้าใจอะไรผิดรึเปล่า คนที่ต้องได้รับการบริการพิเศษควรจะเป็นฉันถึงจะถูก!”
หน้าแตกอย่างกะทันหัน หน้าของจูเจียนเฉียงถึงกับเอาไม่อยู่ในทันที
เมื่อกี้ยังบอกว่าพวกนี้ได้มาเพราะชื่อเสียงและเงินทอง แต่ว่าเพียงพริบตาเดียวของพวกนี้ก็กลายเป็นไอ้คนจนอย่างหลี่โม่ นี่มันแกล้งกันเกินไปแล้ว
หลี่โม่พูดยิ้มๆว่า “เพราะว่าฉันให้ความคิดเห็นกับการบริการขอพวกเขาเยอะมาก ดังนั้นพวกเขาจึงได้บริการฉันอย่างกับแขกพิเศษ”
“เป็นไปไม่ได้! ตามหลักเศรษฐศาสตร์แล้ว…..”
จูเจียนเฉียงตบโต๊ะอย่างแรง พูดเสียงแข็งว่า “พูดกับนายนายก็ไม่เข้าใจหรอก!”
ถลึงตามองผู้จัดการของกวนเหลินกัง จูเจียนเฉียงพูดอย่างไม่พอใจว่า “ผู้จัดการอย่างนายเป็นได้ยังไง แยกไม่ออกหรอว่าอะไรคือผู้ที่มีโอกาสเป็นลูกค้า ลูกค้าคุณภาพย่างฉันนายกล้าไม่ให้บริการที่ดีที่สุดกับฉัน?”
“ขออภัยครับ พวกเราให้บริการพิเศษกับคุณหลี่โม่เท่านั้นครับ คนอื่นไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่ได้รับการบริการแบบนี้ครับ”
ผู้จัดการตอบกลับอย่างมีมารยาท
จูเจียนเฉียงเสียสติแล้ว ถามอย่างเสียงดังว่า “ในฐานะผู้บริโภค ฉันต้องการคำอธิบาย วันนี้พวกนายจำเป็นต้องให้คำอธิบายที่เหมาะสมกับฉัน”
“คำอธิบายก็คือ ฐานะของคุณหลี่โม่สูงส่งกว่าคุณ ดังนั้นเขาจึงสามารถได้รับการบริการที่ดีที่สุดครับ”
“มัน มันสูงส่งกว่าฉัน? นายรู้มั้ยว่าฉันมีฐานะอะไร ใครมันจะสูงส่งไปกว่าฉันได้อีก!”
จูเจียนเฉียงมีแต่ความสับสน คิดว่าผู้จัดการคนนี้บ้าไปแล้วรึเปล่า ถึงได้กล้าให้คำอธิบายที่ไม่น่าเชื่อถือแบบนี้
หลี่โม่มีอะไรสูงส่ง? เสื้อผ้า ลักษณะ รวมทั้งทรงผม ต่างก็ดูออกว่าเขาไม่ใช่คนสูงส่งอะไร รวมทั้งยังไม่ได้รับการอบรมศึกษาชั้นดีด้วยซ้ำ!
“ดนตรีนายเป็นมั้ย? เล่นเครื่องดนตรีได้กี่อย่าง จิตรกรรมนายเป็นมั้ย?นายรู้จักโรงเรียนจิตรกรรมกี่ที่ กอล์ฟนายเล่นเป็นมั้ย ขี่ม้านายเป็นมั้ย เรือยอทช์นายมีมั้ย! ไวน์นายรู้มั้ยว่าชิมยังไง วิสกี้มีกี่รสชาตินายรู้มั้ย แกมันแม่งก็แค่ไอ้คนจน จะมีฐานะสูงส่งอะไร!”
จูเจียนเฉียงพูดบลาๆ ใบหน้าปรากฏความดูถูก รู้สึกว่าหลี่โม่ไม่มีอะไรดีเลยสักนิด
หลี่โม่นั่งพิงโซฟา พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้าหากว่าของพวกนี้ฉันเป็นและมีทั้งหมด นายก็จะคิดว่าฉันสูงส่งกว่านายแล้วใช่มั้ย?”
“ความสง่าของชนชั้นสูงไม่สามารถใช้เงินวัดค่าได้ พูดกับนายก็เหมือนสีซอให้ควายฟัง กวนเหลินกังถูกเรียกว่าเป็นสถานที่ทานข้าวที่ดีที่สุด ฉันดูแล้วก็ไม่เท่าไหร่นี่”
ในใจจูเจียนเฉียงรู้สึกไม่ค่อยดีนักจึงได้เลี่ยงคำถามของหลี่โม่
ดูจากท่าทางของหลี่โม่ในตอนนี้ ไม่แน่หลี่โม่อาจจะเป็นลูกเศรษฐีที่ชอบถ่อมตนก็ได้ ถ้าเป็นอย่างนั้น จูเจียนเฉียงคิดว่าจะต้องหน้าแตกอีก
“ความสง่าของชนชั้นสูงคืออะไรกัน สภาพอย่างนายยังเป็นศิษย์ของผู้ได้รับรางวัลโนเบล วิทยานิพนธ์ของนายคงไม่ใช่ว่าปลอมออกมาหรอกนะ”
หลี่โม่พูดอย่างดูถูก
“จะเป็นไปได้ยังไง ที่ฉันวิจัยคือซูเปอร์ไซเคิลที่ยิ่งใหญ่ นายฟังยังไม่เคยฟังเลย คนธรรมดาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่ฉันวิจัยคืออะไร นั่นสิ่งที่เทียบเคียงกับเทพพระเจ้า สามารถทำนายอนาคตของมนุษยชาติได้”
จูเจียนเฉียงพูดอย่างภูมิใจ
หลี่โม่ส่ายหัว ใบหน้าเต็มไปด้วยเยาะเย้ย “ไอ้การเสแสร้งของนายนี่ฉันให้ 99 คะแนน ที่ให้นายน้อยลง 1 คะแนนเพราะกลัวนายจะหยิ่งยโส ก็แค่ซูเปอร์ไซเคิลของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ นี่ยังทำให้นายนับคิดสูงถึงเทววิทยา ทำให้ฉันเป็นห่วงระดับการศึกษาของนายจริงๆ นายคงไม่ใช่มิจฉาชีพหลอกลวง แล้วเตรียมจะเปิดเศรษฐศาสตร์หรอกนะ”
ความภาคภูมิใจบนใบหน้าของจูเจียนเฉียงค่อยๆแข็งทื่อ เป็นสีหน้าเหมือนกับคนโง่ จ้องมองหลี่โม่อย่างนิ่งอึ้ง “นาย นายรู้จักซูเปอร์ไซเคิลได้ยังไงกัน!”
“ใช่สิ ฉันรู้จักซูเปอร์ไซเคิลได้ยังไงกัน”
หลี่โม่จับคางคิดไตร่ตรอง น้ำเสียงนั้น ท่าทางนั้น ดูยังไงก็เหมือนกับกำลังเยาะเย้ยจูเจียนเฉียง
จูเจียนเฉียงถึงกับอยากตีคน ในใจแอบคิดว่า ไอ้นี่จะต้องบังเอิญเคยไปดูที่ไหนมาแน่นอน ดังนั้นจึงได้รู้ชื่อเต็มของซูเปอร์ไซเคิล
แต่ว่าความหมายแฝงของซูเปอร์ไซเคิลเขาจะต้องไม่รู้แน่นอน!
ฉัน จูเจียนเฉียง ถึงจะได้รับความโปรดปรานจากพระเจ้า ผู้ที่ควบคุมสัจธรรมและพรหมลิขิต ยิ่งตอนนี้หลี่โม่แสดงออกได้ฉลาดมากเท่าไหร่ เดี๋ยวก็จะยิ่งสามารถเป็นฐานรองความเก่งกาจของฉันมากเท่านั้น
จูเจียนเฉียงที่มีเรื่องราวในใจเต็มไปหมด ให้กำลังใจตัวเอง รู้สึกว่าร่างกายเต็มไปด้วยความพร้อมสู้รบ คิดว่าสามารถเถียงให้หลี่โม่หมดคำพูดได้แน่นอน แล้วแสดงออกถึงความฉลาดของตัวเองให้กู้หยุนหลันได้เห็น
กู้หยุนหลันชินกับที่หลี่โม่มักอวดความฉลาดไปแล้ว แต่การที่หลี่โม่ต่อว่านักศึกษาปริญญาเอกคณะเศรษฐศาสตร์ ก็ยังทำเอากู้หยุนหลันรู้สึกประหลาดใจอยู่
การพัฒนาในพื้นที่สมองของคนมีขีดจำกัด บวกกับการศึกษาของมนุษย์นั้นซับซ้อน ดังนั้นคนทุกคนไม่มีทางมีความรู้ทุกอย่าง
จะมีเพียงคนบางส่วนที่แสดงออกถึงพรสวรรค์ตั้งแต่เด็ก สามารถอ่านหนังสือได้อย่างว่องไว และไม่ลืม และได้รับความรู้ได้อย่างรวดเร็วมากกว่าเพราะสิ่งนี้ และควบคุมมีความรู้ที่มากยิ่งขึ้น
แต่ว่าคนแบบนั้น จะมีให้เห็นเพียงหนึ่งในแสนหรืออาจจะถึงขั้นหนึ่งในล้าน