จักรพรรดิมังกร - บทที่ 647 เรื่องราวในอดีต
เมื่อมองเห็นอู๋เต้าเหวินที่โผล่ออกมาในทันที หลี่โม่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย หลังจากนั้นก็ดึงกู้หยุนหลันวิ่งเข้าหาเขาอย่างไม่ลังเล
หลังจากที่เข้าไปในห้องของอู๋เต้าเหวิน กู้หยุนหลันวิ่งหนีจนหายใจไม่ออกเล็กน้อย
“เต้าเหวิน นี่นายทำอะไร ทำไม่ผมรู้สึกว่านายกำลังแอบๆ ซ่อนๆ อยู่?
หลี่โม่ถามแบบตรงๆ
อู๋เต้าเหวินเหลือบมองกู้หยุนหลัน จากนั้นพูดด้วยรอยยิ้มที่บูดบึ้ง:“เอ่อ เจอปัญหานิดหน่อย ค่อนข้างจะยุ่งยาก เลยไม่รู้ว่าจะต้องจัดการอย่างไร ก็เลย”
หลี่โม่พยักหน้าเล็กน้อย มองไปในทางที่ประตูเล็กที่ปลายห้องแล้วพูดว่า:“ออกไปจากที่นี่ได้ไหม?”
“ได้สิ ผมส่งพวกเธอออกไป คุณหลี่ นายพอจะมีเวลาคุยกับผมหน่อยไหม”
อู๋เต้าเหวินจ้องหลี่โม่และพูด
หลี่โม่อยิ้มและพูดว่า:“ได้สิ เดียวส่งหยุนหลันกลับไปแล้ว พวกเราอยากจะพูดอะไรก็ได้เลย”
“โอเค ดีเลย”
อู๋เต้าเหวินก้าวเดินไปที่ประตูเล็ก เปิดประตูเล็กแล้วเดินออกไปก่อน
ด้านหลังประตูเล็กเป็นถนนลับ เห็นได้ชัดเลยว่านี่คือทางผ่านที่อู๋เต้าเหวินเตรียมไว้สำหรับการหลบหนีให้แก่ตนเอง
หลี่โม่และกู้หยุนหลันเดินตามหลังออกมา หลังเดินอย่างบิดเบี้ยวพวกเขาก็มาถึงสถานที่ที่จอดรถ
“ทางหลบหนีของนายซ่อมแซมได้ดีนะ ออกมาก็เป็นสถานที่ที่จอดรถเลย ขึ้นรถของผมเถอะ” หลี่โม่พูดเสร็จก็เดินไปที่ด้านหน้าของ เบนซ์ และเปิดประตู
กู้หยุนหลันนั่งหน้า อู๋เต้าเหวินนั่งหลัง หลี่โม่สตาร์ทรถและขับรถออกจากสถานที่จอดรถ
“ความคิดที่การสร้างห้องบรรยายในเมืองของนายนั้นค่อนข้างดีอยู่นะ ต่อไปก็ขยันหมั่นเพียรตั้งใจทำและสู้อีกต่อไป”
หลี่โม่พูดคำนี้ออกมาแบบผ่านๆ เพื่อเปิดบรรยากาศที่อึดอัด
อู๋เต้าเหวินยิ้มขมขื่นและพูดออกมาสองสามคำอย่างเฉยเมย เพราะความคิดในใจของเขาหนักแน่นเหลือเกิน ไม่มีอารมณ์ที่จะล้อเล่นเลย
เมื่อเห็นอู๋เต้าเหวินไม่มีอารมณ์ที่จะล้อเล่น หลี่โม่ก็ไม่ได้พูดอีกเลย
ขับรถกลับถึงที่วิลล่าบนภูเขาอย่างราบรื่น กู้หยุนหลันรู้ว่าทั้งสองคนมีเรื่องจะคุยกัน ดังนั้นจึงเดินลงจากรถคนเดียว และเดินเข้าไปในทางวิลล่า
“ตอนนี้เหลือแค่เราสองคนแล้ว มีเรื่องอะไรนายก็บอกออกมาตรงๆ เลย มีคนรังแกนายเหรอ หรือว่าเกิดอะไรขึ้น?” ระหว่างที่หลี่โม่พูดก็เอาบุหรี่ออกมาแท่งหนึ่งแล้วยื่นให้อู๋เต้าเหวิน
อู๋เต้าเหวินรับบุหรี่ที่หลี่โม่มอบให้ หลังจากที่สูบสองสามคำแล้วหยิบซองจดหมายออกจากกระเป๋าของเขา
นำซองจุดหมายยื่นให้หลี่โม่ อู๋เต้าเหวินพูดด้วยสีหน้าที่บูดบึ้ง:“นี่คือมีคนส่งให้นาย ผมลังเลนานมาก คิดในใจว่าจะบอกเรื่องนี้กับนายดีไหม
แท้จริงแล้ว เวลาที่บรรยายไม่ได้เป็นวันนี้ ผมแค่อยากจะบอกเรื่องบางอย่างให้นาย เขาเลยเตรียมกิจกรรมการบรรยายของวันนี้อย่างเร่งรีบ นายเปิดดูเนื้อหาของซองจดหมายนี้ก่อนเถอะ ”
ซองจดหมายดูธรรมดามาก เป็นแค่ซองกระดาษคราฟท์ธรรมดาๆ แต่ที่ตราประทับของซองจดหมาย ติดโลโก้หัวกะโหลกสีดำไว้
หลี่โม่บีบซองจดหมายเบาๆ หลังจากนั้นก็ยิ้มแล้วพูดว่า:“ข้างในคือลูกปืน ค่อนข้างจะใหญ่ น่าจะเป็นลูกปืนไรเฟิลซุ่มยิง”
“อืม ผมจับดูแล้วก็รู้สึกเหมือน”
อู๋เต้าเหวินก้มหน้าลงและพูดว่า
“ทำไม มีคนขอให้นายมาลอบสังหารผมเหรอ?หรือว่าต้องการให้นายร่วมมือในการลอบสังหารผม?”
“มีทั้งสองอย่างแหละ นายไม่อยากรู้ว่าใครเป็นคนขอให้ผมลอบสังหารนายเหรอ?”
หลี่โม่ส่ายหัวเบาๆ :“เป็นใครไม่สำคัญ มีคนมากมายที่ต้องการชีวิตของผม ไม่สนใจที่จะเพิ่มอีกสักคนหรือสองคน แต่คือนาย อยากจะทำอย่างไร”
“คนที่ติดต่อผมคือราชาใหญ่ ผมเคยเป็นลูกน้องราชาใหญ่มาก่อน เมื่อหลายปีก่อน นายถูกไล่ออกจากสำนักหลงเหมิน ราชาใหญ่ก็เริ่มสนใจนายแล้ว ตามคำพูดของเขาแล้ว ต้องการที่จะวางแผนล่วงหน้า
จ้องมองและต้องการให้นายมาขอความช่วยเหลือด้วยตนเอง และยังสามารถใช้นายเป็นอาวุธต่อต้านในช่วงเวลาที่สำคัญ พูดง่ายๆ ก็คือเขาเอานายเป็นตัวหมากรุกชิ้นหนึ่ง ส่วนผมก็คือตัวหมากรุกอีกชิ้นที่ถูกเขาส่งมาเมืองฮ่านเพื่อจ้องมองและติดตามนาย
แต่ว่าหลายปีที่แล้ว ที่เขาไม่ได้ติดต่อผมอีก ผมลืมไปเลยด้วยซ้ำว่าตัวตนในก่อนหน้านี้ของผม ผมรู้สึกว่า ตัวตนของอู๋เต้าเหวินในตอนนี้ก็ค่อนข้างดีอยู่ อย่างน้อยก็สบายใจและอิสระ ที่ไม่ต้องทนดูสีหน้าคน
ผมคิดว่าจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบแบบนี้ตลอดไป แต่ว่า เมื่อวานนี้คนของเขาติดต่อผมมา และเอาซองจดหมายที่บรรจุลูกปืนนี้ให้ผม นี่คือการข่มขู่ผม เพื่อให้ผมเชื่อฟัง
เมื่อคืนผมไม่ได้นอนทั้งคืน คิดแต่ว่าจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไงดี ผมไม่อยากเป็นหุ่นเชิดที่ถูกคนอื่นควบคุมอีกแล้ว และไม่อยากเป็นศัตรูกับนายอีกต่อไป ดังนั้น ผมเลยอยากช่วยนายผ่านพ้นมันไปให้ได้ จากนั้นก็พาครอบครัวของผมจากไป ไปอาศัยอยู่ที่ต่างประเทศและใช้ชีวิตแบบไม่ระบุตัวตน ”
อู๋เต้าเหวินระบายออกมาเยอะมาก และได้พูดทุกสิ่งที่ฝังไว้ในใจของเขามาตลอด
หลี่โม่ฟังไว้อย่างเงียบๆ หลังจากฟังจบเขาก็เอื้อมมือไปฉีกซองจดหมาย และเทลูกปืนที่อยู่ในซองจดหมายออกมา
ถือลูกปืนที่ส่องแสงเย็นยะเยือกนั้นไว้ หลี่โม่เหล่มองอย่างระมัดระวังขึ้นมา
หลังจากที่ถือลูกปืนเล่น หลี่โม่พูดอย่างเฉยเมย:“นี่คือลูกปืนของปืนไรเฟิลซุ่มยิงต่อต้านวัสดุ N57 มีประสิทธิภาพระยะใช้งานได้ 1.5 กิโลเมตร สามารถเจาะเกราะรถถังได้ มีทรงพลังมาก”
อู๋เต้าเหวินก็จ้องมองลูกปืนเช่นกัน หลังจากที่พูดความในใจออกมาแล้ว จู่ๆ หลี่โม่ก็รู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเมื่อเปลี่ยนเรื่อง
ในความจินตนาการของอู๋เต้าเหวิน หลี่โม่ไม่ควรมีอาการที่เป็นอยู่ในตอนนี้ อย่างน้อยก็ควรแสดงอารมณ์ที่ซาบซึ้งใจออกมาบ้างถึงจะถูก
“นายน้อย ท่านนี่ช่างมีความรู้มาก ผมชื่นชมจริงๆ ”
อู๋เต้าเหวินพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง
หลี่โม่ยิ้ม และบีบลูกปืนไว้ในฝ่ามือ:“ความหวังดีของนาย ผมเข้าใจแล้ว นายคิดที่จะช่วยผมผ่านพ้นมันไปได้อย่างไร”
“ผมไม่รู้ว่าแผนปฏิบัติที่แท้ของพวกเขานั้นคืออะไร แต่รู้แค่ว่าจะจัดการนายแน่นอน และพร้อมที่จะฆ่านาย เวลาก็คือการบรรยายในครั้งต่อไป” อู๋เต้าเหวินพูดด้วยเสียงต่ำ
“โอเค งั้นผมก็จะรอข่าวของนายนะ คราวนี้ต้องพึ่งนายแล้ว ถ้าหากช่วยผมผ่านพ้นครั้งนี้ไปได้ วันหลังจะมีผลประโยชน์ต่อนายแน่นอน”
“ผมไม่กล้าขอผลประโยชน์หรอก ผมเองก็แค่อยากเอาตัวรอด ผมไม่อยากถูกควบคุมไว้อีกต่อไป ผมแค่อยากจะใช้ชีวิตอย่างอิสระ”
หลังจากที่อู๋เต้าเหวินพูดจบ ลงจากรถแล้วยืนข้างประตูรถและโค้งคำนับให้หลี่โม่และพูดว่า:“คุณหลี่ ผมไปก่อนนะ หลังจากนี้อาจจะพบนายโดยตรงไม่ได้อีกแล้ว ผมกลัวว่าพวกเขาจะมีคนจ้องมองและตามผมอยู่
ผมจะใช้โทรศัพท์มือถือที่ลงท้ายด้วยหมายเลข 888 เพื่อติดต่อนาย ถึงตอนนั้น นายอย่าลืมรับสายด้วยนะ อย่าถือว่าเป็นสายที่ไม่คุ้นเคยเลยละ ”
“ผมรู้ละ นายระวังความปลอดภัยของตัวเองด้วย” หลี่โม่พูดด้วยเสียงเบาๆ
อู๋เต้าเหวินปิดประตูรถแล้วหันหลังเดินลงไปในทางถนนภูเขา หลี่โม่เหล่ตามองผ่านกระจกมองหลังและมองดูด้านหลังของอู๋เต้าเหวินที่กำลังลงจากภูเขา ดวงตานั้นมีแสงเย็นวาบ
แม้ว่าอู๋เต้าเหวินจะแสดงด้วยความจริงใจมากแค่ไหน แต่หลี่โม่ก็รู้สึกว่าคำพูดของอู๋เต้าเหวินมีหลายสิ่งที่ไร้เหตุผล
สิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุดก็คืออู๋เต้าเหวินกำลังคิดที่จะเหยียบเรือสองลำพร้อมกัน และพร้อมเททั้งสองฝ่ายได้ตลอดเวลา หลี่โม่ยังรู้สึกว่า อู๋เต้าเหวินทำเช่นนี้เพื่อที่จะให้ความร่วมมือที่ดีแก่คนของราชาใหญ่เพื่อจัดการตนเอง