จักรพรรดิมังกร - บทที่ 656 วันแห่งความสุข
หลงห้าวเทียนไม่ได้พูดเรื่องไร้สาระ ณ ปัจจุบันสไตล์หน้าหวานกำลังมาแรง และชายงามเข้ากับความสุนทรีย์ของผู้หญิงมากกว่า
และหลงห้าวเทียนอยู่ในกลุ่มผู้หญิงตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก และเขามีความเข้าใจที่ไม่มีใครเทียบได้เกี่ยวกับผู้หญิง สำหรับหลงห้าวเทียนนั้นการจีบสาวเป็นเรื่องง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก
และเนื่องจากรูปลักษณ์ที่อ่อนหวานของ หลงห้าวเทียนและพฤติกรรมแบบผู้หญิง มันง่ายมากสำหรับผู้หญิงที่จะละเลยความระแวงต่อเขา
ครั้งนี้ เพื่อที่จะจัดการกับแค้นหลี่โม่อย่างรอบด้าน เพื่อที่จะได้ครอบครองอำนาจทั้งหมดของสำนักหลงเหมิน
ราชาใหญ่ก็ได้ใช้ไพ่ตายออกมา
“หลานรัก ถ้าเจ้าทำเรื่องนี้สำเร็จ ปู่จะให้ภรรยาของหลี่โม่มอบอำนาจของสำนักหลงเหมินให้กับเจ้าหลังจากได้รับการสืบทอดตำแหน่งของสำนักหลงเหมิน ต่อจากนี้ไป เจ้าจะเป็นเจ้าบ้านแห่งตระกูลหลงและ หลงจวูน
ของสำนักหลงเหมิน!”
“ขอบคุณครับท่านปู่ หลานชายจะพยายามทำเรื่องนี้ให้ดีที่สุด”
หลังจากที่หลงห้าวเทียนพูดจบด้วยความเคารพ เขาก็ลุกขึ้นและออกจากห้องเพื่อเตรียมตัว
ราชาใหญ่เอนหลังพิงเก้าอี้ หลับตาและเริ่มคิด รู้สึกได้ว่าทุกอย่างได้ตระเตรียมไว้พร้อมแล้ว ขาดเพียงสิ่งที่สำคัญอย่างเดียว เพียงแค่ต้องรออย่างเงียบๆก็เพียงพอแล้ว
······
หลงโปพาสิบยอดฝีมือที่ได้รับมอบหมายจากราชาใหญ่ ขึ้นเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวอย่างหยิ่งผยอง เมื่อมาถึงเมืองฮ่านโดยเครื่องบินแล้ว หลงโปก็ติดต่อไปหาอู๋เต้าเหวินโดยทันที
ในห้องลับในห้องโถงหลงโปก็ได้พบอู๋เต้าเหวิน
อู๋เต้าเหวินรินชาด้วยความเคารพ ถือถ้วยไว้ในมือทั้งสองข้างแล้ววางลงตรงหน้าหลงโป
“คุณชายหลง ข้าไม่คิดว่าท่านจะพาคนมาจัดการกับหลี่โม่”
“เหอะๆ ข้าก็ไม่อยากมาหรอก ให้ฉันจัดการกับหลี่โม่นั่นคือเสมือนการเชือดไก่ด้วยมีดฆ่าวัว มันเกินความจำเป็นจริงๆ
แต่ท่านปู่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก เพื่อแบ่งเบาความทุกข์ให้ท่านปู่ ข้าจึงอาสามา ว่าแต่เจ้าเถอะ หลายปีที่ผ่านมาลำบากยิ่งนัก ”
หลงโปแสร้งทำเล็กน้อย แต่ในใจเต็มไปด้วยความพึงพอใจ
อู๋เต้าเหวินกล่าวด้วยความเคารพ: “ข้าลำบากซะที่ไหน หลายปีมานี้ข้านึกถึงความกรุณาของราชาใหญ่ที่มีให้ข้า และกำลังรอเวลาที่จะตอบแทนท่านราชาใหญ่”
“ช่างเป็นแม่ทัพที่ภักดียิ่งนัก ทำงานกับข้าอย่างตั้งใจ หากข้าได้ครอบครองสำนักหลงเหมิน เจ้าเป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของสำนักหลงเหมิน รับประกันได้เลยว่าจะมีสง่าราศีและความมั่งคั่งไม่รู้จบ”
ลองโปกล่าวอย่างใหญ่โต
“ขอบคุณพระคุณคุณชายหลงเป็นอย่างมาก”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ยังเร็วเกินไปที่จะกล่าวตอบแทนพระคุณ พวกเรามาพูดถึงแผนปฏิบัติการกัน ทางเจ้าก็มีการเตรียมไว้แล้วเหมือนกันใช่ไหม”
“ข้าได้เตรียมการบรรยายครั้งใหญ่ในเมืองแล้ว และข้าได้เชิญหลี่โม่เป็นวิทยากร หากคุณชายหลงท่านต้องการดำเนินการ ข้าจะจัดกิจกรรมบรรยายนี้ให้ทันที จากนั้นคุณชายหลงและคนของท่านจะซุ่มโจมตีทั่วห้องบรรยาย . หลี่โม่หนีไปไม่ได้แน่ๆ”
อู๋เต้าเหวินพูดเกี่ยวกับแผนการที่ออกแบบไว้ หลงโปเหล่ตาของเขาและเริ่มคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้
หลังจากนั้นไม่นานหลงโปก็พูดออกมาว่า: “แผนการโอเค เจ้าคิดว่าเวลาไหนดี กำหนดช่วงเวลาไหนที่หลี่โม่ไม่รู้สึกระแวง งานครั้งนี้ต้องรับประกันว่าจะไม่มีความผิดพลาดเกิดขึ้นได้”
“เรื่องนี้ ฉันคิดว่าประมาณสัปดาห์หน้ากำลังดี เมื่อเร็ว ๆนี้ครอบครัวของหลี่โม่กำลังจะเตรียมงานเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่ เมื่อเขาเสร็จสิ้นงานเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่ น่าจะผ่อนคลายและลดความระมัดระวังลง”
“อืม พูดดูมีเหตุผล เรื่องเวลาก็ตามที่เจ้าวางแผนไว้ละกัน เดี๋ยวพาข้าไปดูภูมิประเทศและเตรียมตัวให้พร้อม”
“โอเค ข้าจะไปจัดการให้เดี๋ยวนี้”
อู๋เต้าเหวินบอกหลงโปเกี่ยวกับสถานการณ์อีกครั้ง จากนั้นจึงพาหลงโปและสิบยอดฝีมือไปดูภูมิประเทศและจัดทำแผนเบื้องต้นเกี่ยวกับภารกิจนี้
หลังจากทำสิ่งต่างๆเสร็จแล้ว หลงโปก็พาคนจากออกไป ส่วนอู๋เต้าเหวินเฝ้าดูหลงโปและทีมของเขาที่ออกไป
ใบหน้าของอู๋เต้าเหวินที่ดูยุ่งเหยิงแวบวาบขณะที่รถของหลงโปและคนอื่นๆ หายไป
“จะเลือกยังไงดี สับสนจริงๆ”
เต้าเหวินหยิบบุหรี่ออกมาจุดไฟ ดูเพียงสองคำด้วยความน่าเบื่อ แล้วหันกลับไปยัง
ห้องโถง
······
เมื่อถึงวันงานเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่ คนที่กงซุนจุนได้จัดเตรียมมาส่งผักผลไม้เนื้อต่างๆอย่างต่อเนื่อง พ่อครัวก็ยุ่งเหยิงอยู่ในครัวของคฤหาสน์
กู้เจี้ยนหมิน หวังฟาง, หลี่โม่ และ กู้หยุนหลันต่างแต่งกายสุภาพเพื่อต้อนรับแขกและผองเพื่อน
เพื่อนเก่าของกู้หยุนหลันและเพื่อนสาวของหวังฟางต่างเดินไปรอบๆคฤหาสน์อย่างอิจฉา คำพูดน่าฟังต่างๆที่กล่าวออกราวกับว่าพวกเขาไม่ต้องเสียเงิน
หลี่โม่และกู้หยุนหลันต่างต้อนรับเพื่อนทางธุรกิจ ฉู่จงเทียน อู๋เต้าเหวินและคนอื่นๆ ต่างก็มอบของขวัญล้ำค่าให้
หลังจากที่อู๋เต้าเหวินมอบของขวัญให้หลี่โม่ เขาก็มองไปที่หลี่โม่อย่างลังเล
หลี่โม่ตบไหล่อู๋เต้าเหวินเบา ๆ และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “รีบนั่งลงก่อนเถอะ ถ้าจะพูดอะไรคิดให้ดีก่อน ไม่ต้องกังวลใจไปหรอก”
อู๋เต้าเหวินกลืนสิ่งที่เขากำลังจะพูดกลับ เพราะเขาคิดไม่ออกจริงๆ ว่าจะพูดอย่างไร
กู้เจี้ยนกั๋วและกู้เจี้ยนหมินช่วยกันพยุงคุณปู่กู้ไปที่หน้าประตู หลี่โม่และกู้หยุนหลันก็รีบมาต้อนรับทันที
กู้หยุนหลันและหลี่โม่ทักทายพร้อนกัน “คุณปู่ คุณลุงใหญ่ คุณลุงรอง”
คุณปู่กู้และทั้งสามต่างจ้องมองไปที่คฤหาสน์ แต่ภายในของพวกเขากับรู้สึกแปลกๆ
“คฤหาสน์หลังนี้งดงามมาก ฮวงจุ้ยที่นี่ดีมาก แต่ครอบครัวของคุณสามารถอาศัยอยู่ในเมืองนี้ได้หรือ” กู้เจี้ยนกั๋วถามด้วยใบหน้าที่หย่อนคล้อย
ยิ่งชีวิตครอบครัวของกู้เจี้ยนหมินดีขึ้นเท่าไหร่ กู้เจี้ยนกั๋วก็ยิ่งอารมณ์เสียมากขึ้นเท่านั้น และในตอนนี้ความรู้สึกมันก็น่าขยะแขยงราวกับกินแมลงวันเข้าไป
หลี่โม่กล่าวอย่างใจเย็น “เจ้าอาวาสฝ่าจื้อของวัดหลิงซานส่งรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมพันเนตรมา และยังอีกว่ามันถูกส่งมาเพื่อให้คุ้มครองบ้านพวกเราโดยเฉพาะ คิดว่าน่าจะสามารถคุ้มครองได้”
กู้เจี้ยนกั๋วตกใจมากจนหายใจไม่ออก และมองหลี่โม่อย่างโกรธเคือง
“กู้เจี้ยนกั๋ววันนี้เป็นวันรื่นเริง อย่าพูดอะไรที่ฟังดูแย่เลย หลี่โม่เจ้าเด็กนั่นใช้ได้เลย คนแก่อย่างข้ายังรู้สึกชื่นชมเลย”
คุณปู่กู้สั่งสอนกู้เจี้ยนกั๋วเบาๆประโยคหนึ่ง จากนั้นยิ้มและมองไปที่หลี่โม่
หลี่โม่กล่าวเบาๆ “ขอบคุณสำหรับการสรรเสริญของคุณปู่ ข้าจะพยายามต่อไปในอนาคต”
“ไม่เลว มีความทะเยอทะยาน แต่พวกเธอก็อย่าลืมดูแลธุรกิจของครอบครัวด้วย ทุกวันนี้การใช้ชีวิตของตระกูลกู้ลำบากยิ่งนัก ลุงใหญ่ของเจ้าก็ไม่เอาไหน แต่ก่อนข้าเคยมองพวกเจ้าผิดไป”
หลังจากคุณปู่กู้พูดออกมา กู้เจี้ยนกั๋วหน้าแดงและก้มหน้าไม่รู้จะแก้ต่างอย่างไรแล้ว
ทุกวันนี้ธุรกิจของตระกูลกู้กำลังทรุดโทรม โครงการใหม่ล้วนถูกระงับ และเงินทุนใกล้จะหมดแล้ว และอาจล้มละลายได้ทุกเมื่อ
หลี่โม่ยิ้มและไม่พูด กู้หยุนหลันยังคงใจอ่อนและอดไม่ได้ที่จะพูดออกมาว่า: “หยุนจงหลันกรุ๊ปยังไม่เข้าที่เข้าทาง ผลิตภัณฑ์หลักก็ยังไม่เปิดตัว อนาคตถ้าเข้าที่เข้าทางแล้วมีกำไรที่แน่นอน แล้วจะช่วยครอบครัวอย่างแน่นอน ”
กู้เจี้ยนกั๋วพึมพำอย่างไม่พอใจ “เหอะๆ พูดเหมือนมันง่าย เมื่อพวกคุณเข้าที่เข้าทางแล้ว ข้าเกรงว่ากิจการของตระกูลกู้จะล้มละลายแล้ว”
หลี่โม่พูดอย่างเย็นชา “นั่นก็เพราะคุณลุงใหญ่ไม่มีความสามารถพอ ไม่น่าแปลกใจเลยที่พวกเราจะไม่ช่วย”
กู้เจี้ยนกั๋วขอความช่วยเหลือ แต่ไม่ได้มีอากัปกิริยาที่ควรเป็นเลย ซึ่งทำให้หลี่โม่พูดออกไปอย่างไม่เกรงใจ
“เจ้า! หลี่โม่ เจ้าพูดงี้ มากเกินไปแล้ว!”