จักรพรรดิมังกร - บทที่ 661 งานแสดงหินหยก
ท่านแปดตบหน้าอกของเขาแล้วพูดกับหลี่โม่ด้วยคำพูดจงรักภักดี หลังจากนั้นท่านแปดก็มองหลี่โม่ด้วยท่าทางที่ค่อนข้างประจบสอพลอและพูดว่า
“ได้ยินมาว่าช่วงนี้คุณชอบพวกอัญมณีกับหยกและของเก่า พรุ่งนี้จะมีนิทรรศการอัญมณีและหยก ไม่ทราบว่าคุณสนใจอยากไปดูหน่อยไหมครับ?”
“งานแสดงหินหยก?มีอะไรให้ดูงั้นเหรอ ราคาของอัญมณีสำเร็จรูปเมื่อวางอยู่ในท้องตลาด ราคาจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยเท่า ไม่ควรค่าแก่การซื้อ”
หลี่โม่ส่ายหัวไปด้วยพูดไปด้วย
“ครั้งนี้ต่างออกไปนะครับ คราวนี้คืองานแสดงหินหยก ซึ่งเน้นหินวัตถุดิบหยกเหอเถียน อีกอย่างยังมีชิงเหอเถียนด้วยนะครับ รวมถึงหินปาหลินและอื่นๆ ว่ากันว่ามีวัตถุดิบหินที่หายากอีกไม่น้อยเลยนะครับ”
“หินวัตถุดิบหยก?ถ้าอย่างนั้นลองไปดูหน่อยก็ได้ ไปพรุ่งนี้แล้วกัน ”
หลี่โม่พูดอย่างหวั่นไหวเล็กน้อย
พื้นที่ของคฤหาสน์ค่อนข้างใหญ่ แต่ขาดของตกแต่งที่เข้ากัน หลี่โม่คิดว่าเป็นการดีเหมือนกันที่จะไปซื้อหินวัตถุดิบหยกมาแกะสลักทำเป็นของตกแต่ง ดีกว่าการซื้อของสำเร็จรูปจากข้างนอกเข้ามา
ถ้าแกะสลักเองสามารถทำตามใจของตัวเองได้ อีกทั้งยังสามารถใช้วัสดุที่ดีได้อีกด้วย
สิ่งของที่ขายในท้องตลาดส่วนใหญ่ สามารถทำให้หลี่โม่พอใจได้ ส่วนใหญ่มักเป็นพวกฝีมือชั้นหนึ่ง วัตถุดิบก้อนหยกดิบชั้นสอง ยิ่งไปกว่านั้นราคาขายยังสูงลิบลิ่วอีกด้วย หลี่โม่ยังคงคิดว่าทำเองดีกว่า
หลังจากที่นัดเวลาออกเดินทางในวันพรุ่งนี้กับท่านแปดแล้ว หลี่โม่ก็ไล่ท่านแปดกลับไป
ในตอนเย็นทุกคนในตระกูลกู้ต่างหายดีเป็นปกติ หลังจากที่คุณปู่กู้โม้เรื่องของหลี่โม่กับกู้เจี้ยนเจียงแล้ว ก็เดินจากไปกับกู้เจี้ยนกั๋ว
คราวนี้กู้เจี้ยนกั๋วไม่พูดอะไร พอเห็นหลี่โม่ก็ไม่กล้าพูดอะไรอีกเลย เขาตกใจกับหลี่โม่เป็นอย่างมาก
พอส่งคุณปู่กู้ทั้งสามคนกลับไปแล้ว หลี่โม่บอกเรื่องที่พรุ่งนี้จะไปงานแสดงหินหยก กู้เจี้ยนหมินรีบทันทีว่าพรุ่งนี้เขาจะไปด้วย
เมื่อเห็นว่าผู้เป็นพ่อจะไปด้วย กู้หยุนหลันก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง คิดว่าเธอจะต้องไปด้วย และเฉินเสี่ยวถงเองก็ยิ่งอยากไปดูเรื่องสนุกด้วย
หลังจากที่ตัดสินใจเรื่องที่จะไปงานแสดงหินหยกแล้ว หลี่โม่กับกู้หยุนหลันก็คนอื่นๆก็เริ่มพูดคุยสัพเพเหระกัน
······
งานแสดงหินหยกจัดขึ้นที่สมาคมเก็บหยกโบราณเมืองฮ่าน ซึ่งมีขนาดใหญ่มากๆ รวบรวมหยกเหอเถียน รวมถึงหินดั้งเดิมสี่ชนิดที่มีชื่อเสียง นอกจากนี้ยังมีวัตถุดิบหินบางส่วนที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่ที่ผ่านมา ยกตัวอย่างเช่นหินหย่าอัน หินสบู่ หินลาวและวัตถุดิบหินอื่นๆ
หินดั้งเดิมที่มีชื่อเสียงสี่ชนิดได้แก่ หินโซว่ซาน หินปาหลิน หินชางฮัว หินชิงเถียน วัตถุดิบหินทั้งสี่ประเภทนี้เกิดขึ้นเนื่องจากการแกะสลักหิน และการถลุงของวรรณกรรม ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาหินชั้นดี ต่างถูกนำมาแต่งเป็นเนื้อหาในวรรณกรรม
เนื่องจากการขุดกินระยะเวลานาน วัตถุดิบของแหล่งผลิตหินที่มีชื่อเสียงทั้งสี่แห่งนี้จึงค่อย ๆ หมดไป หินชั้นดีมีจำนวนน้อยลงเรื่อยๆ ราคาก็สูงขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน
ยกตัวอย่างหินสีเหลืองทองที่สูญพันธุ์ไปแล้ว กำลังการผลิตของหินเลือดไก่ที่นับวันยิ่งน้อยลงไปเรื่อยๆ หินลิ้นจี่และอื่นๆราคาสูงถึงหลักล้าน กระทั่งหลายสิบล้าน
เนื่องจากวัตถุดิบชั้นดีราคาสูงเกินไป จึงมีทางเลือกของทดแทนปรากฏขึ้นมามากมาย ยกตัวอย่างเช่นหินสบู่และหินลาว ซึ่งเป็นของทดแทนชั้นดีซึ่งได้ปรากฏขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
เนื่องจากของทดแทนพวกนี้ค่อยๆเป็นที่ยอมรับในท้องตลาด ราคาจึงค่อยๆสูงขึ้น จากเมื่อก่อนราคาหลักสิบกว่าหยวน ตอนนี้พุ่งสูงขึ้นเป็นหลักร้อยถึงหลักพันหยวน
ในตอนเช้าตรู่ หลี่โม่และคนอื่นมาถึงศูนย์นิทรรศการและการประชุมระหว่างประเทศเมืองฮ่าน
ตอนนี้มีคนจำนวนไม่น้อยเดินเข้างานไปแล้ว ในนั้นมีคนจำนวนมากแต่งกายด้วยชุดแปลกประหลาด ดูๆไปแล้วเหมือนคนทำงานแวดวงศิลปะ
คนที่ทำงานศิลปะส่วนมากเป็นพวกนอกรีต และพวกเขามักจะแต่งกายประหลาดแตกต่างจากคนทั่วไป
“โอ้โห วันนี้ศิลปินมากันไม่น้อยเลยแฮะ ดูผู้ชายที่รูปร่างผอมสูงไว้ผมยาวคนนั้นสิ ถ้าดูจากแค่ด้านหลัง ฉันก็คิดว่าเป็นสาวสวยที่สูงเมตรแปดเสียอีก”
คางเหวินซิงพูดอย่างอารมณ์ดี
กู้เจี้ยนหมินชี้ไปที่ศิลปินที่แต่งตัวเหมือนนักบวชลัทธิเต๋าและพูดว่า“ผมรู้คนคนนี้ครับ เขาทำเกี่ยวกับศิลปะการเขียนพู่กันจีน เพื่อที่จะคิดค้นการทำผลงานศิลปะการเขียนพู่กันจีนใหม่ๆ เขาถึงขั้นใช้เข็มฉีดยาฉีดพ่นตัวหนังสือ ได้ยินมาว่าเขายังได้รับยกย่องว่าเป็นปรมาจารย์ด้วย”
“ไอ้หัวล้านนั่นยังเป็นตัวแทนที่รู้จักกันดีของลายมือไก่เขี่ย ตัวอักษรที่เขาเขียนสามารถทำให้คนอื่นรู้สึกท้องผูก ดูศิลปะการเขียนพู่กันจีนของพวกเขา และมาดูศิลปะการเขียนพู่กันจีนของเหล่านักปราชญ์ ผมอยากมอบให้พวกเขาหนึ่งคำนั่นก็คือ เหี้ย!”
ท่านแปดถลึงตาแล้วพูดว่า
หลี่โม่ส่ายหัวไปมา มันไม่ง่ายที่ตอนนี้ที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับศิลปะการเขียนพู่กันจีนที่วุ่นวาย เพื่อที่จะดึงดูดความสนใจของคนอื่น คนจำนวนมากไร้ยางอายไปหน่อยจริงๆนั่นแหละ
“พวกเขาเขียนตัวหนังสือไก่เขี่ยของพวกเขา และในอนาคตประวัติศาสตร์จะตัดสินพวกเขาเอง คาดว่าอีกร้อยปีต่อมา ศิลปะการเขียนพู่กันจีนของพวกเขาจะถูกโยนทิ้งเป็นเศษกระดาษไป”หลี่โม่พูดไปด้วยพลางเดินเข้าไปในศูนย์นิทรรศการและการประชุม
ถึงแม้หลี่โม่จะพูดด้วยเสียงที่ไม่ใหญ่มาก แต่ก็ไม่สามารถปิดการรับรู้ของหูที่ดีของคนอื่นได้ มีคนสามคนกำลังเดินผ่านหลี่โม่ ศิลปินชราวัยกลางคน หยุดก้าวเท้าพร้อมกัน แล้วเอียงศีรษะมองไปที่หลี่โม่
เหล่าศิลปินชราวัยกลางคนต่างสวมชุดถังจวงสีสันฉูดฉาด พวกเขาไว้ผมยาวกลางหลัง และหนวดเคราที่พลิ้วไหวไปมา การแต่งตัวดูมีสไตล์มากกว่าผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ
“นี่ไอ้หนุ่ม เมื่อกี้นายพูดว่าไงนะ?คำพูดของนายมันกระทบต่อศิลปินนะ เราใช้จิตวิญญาณของเราเขียนผลงานออกมา ไม่ใช่สิ่งที่คนไม่รู้อะไรอย่างนายจะตัดสินได้หรอกนะ”
“นายรู้จักการสร้างผลงานศิลปะไหม?นายเข้าใจศิลปะการเขียนพู่กันจีนรึเปล่า?เรารวบรวมประสบการณ์ในชีวิตไว้ในศิลปะการเขียนพู่กันจีน เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงการที่ความชื่นมื่นและขมขื่น ซึ่งเป็นสิ่งที่คนในวัยเดียวกับนายไม่มีทางเข้าในหรอก เมื่อนายอายุร้อยปีเท่านั้น ถึงจะสามารถเข้าใจความลึกลับของศิลปะการเขียนพู่กันจีนของเราได้”
“สิ่งที่เราเขียนไม่ใช่ลายมือไก่เขี่ย เพียงแค่ถูกนายเรียกว่าลายมือไก่เขี่ย ศิลปะการเขียนพู่กันจีนของเราเหนือกว่านักปราชญ์มาก พวกหวางซีจือ เหยียนเจินชิง เมื่อเทียบกับผลงานที่เราคิดค้นขึ้นมา สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นอดีตไปแล้ว และอนาคตเป็นของเรา”
เหล่าคนชราวัยกลางคนพูดอย่างออกรสออกชาติ ราวกับศิลปะการเขียนพู่กันของพวกเขาไปสู่ทั่วโลกแล้ว และได้รับการชื่นชมจากทั่วทุกมุมโลก
เมื่อมองดูเหล่าศิลปินชราวัยกลางคนที่ลุ่มหลงและเคลิบเคลิ้ม หลี่โม่กับคนอื่นๆต่างพากันอ้าปากตาค้างจนไม่ไหวแล้ว
เคยเห็นคนหน้าไม่อาย แต่ยังไม่เคยเห็นคนที่หน้าไม่อายขนาดนี้ ทั้งสามคนนี้เรียกได้ว่าหน้าไม่อายถึงขนาดไม่เคยปรากฏมาก่อน
คางเหวินซิงก้าวขึ้นมาสองก้าว แล้วใช้สายตาดูถูกมองไปที่เหล่าศิลปินชราวัยกลางคนทั้งสาม ใช้น้ำเสียงเย้ยหยันพูดว่า“พวกคุณอย่ามาทำขายหน้าแถวนี้อยู่เลย พวกคุณเนี่ยนะจะเทียบกับหวางอี้จือ พวกคุณกินผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพมากไปรึเปล่า ถึงได้กินจนสมองพังแบบนี้”
“ถุ้ย วัยรุ่นสมัยนี้ไร้เหตุผลจริงๆ ไม่มีความรู้รายละเอียดของวัฒนธรรมแม้แต่นิดเดียว ไม่เข้าใจแก่นแท้ของศิลปะการเขียนพู่กันจีน!เราได้รับเชิญจากผู้จัดงานเพื่อมาแสดงศิลปะการเขียนพู่กันจีน อีกเดี๋ยวพวกนายสามารถมาดูการแสดงศิลปะการเขียนพู่กันจีนของเราได้ รีเฟรชความเข้าใจในศิลปะของนายใหม่”
หลังจากที่ศิลปินชราวัยกลางคนทั้งสามพูดจบ พวกเขาก็เงยหน้าขึ้นสาวเท้าเดินเข้าไปในศูนย์นิทรรศการและการประชุม พวกเขาขี้เกียจสนใจคางเหวินซิงแล้ว
คางเหวินซิงเลิกแขนเสื้อขึ้นอย่างไม่พอใจพลางตะโกนขึ้นมาว่า“ผมแค่ไม่ได้สานต่อศิลปะการเขียนพู่กันจีนตั้งแต่เด็ก ไม่อย่างนั้นผมเขียนได้ดีกว่าไอ้คนนอกรีตอย่างพวกเขาอีก ปรมาจารย์ฉี่เหวินเป็นน้องชายของคุณปู่ฉันนะ!ไม่สิ ถึงผมจะไม่ได้สานต่อฝึกฝนการเขียน ก็เขียนดีกว่าพวกเขา!”