จักรพรรดิมังกร - บทที่ 664 คนเข้าใจผิดกันเพราะไม่รู้จักกัน
เฉาต้าหว่างเหลือบมองไปที่หลี่โม่อย่างสงสัย และรับโทรศัพท์อย่างน่าสงสัย
“ฮัลโหล ประธานหวงเหรอครับ?”
“ผมเอง เฉาต้าหว่างคุณทำอะไรน่ะ ทำไมถึงไปมีปัญหากับคุณหลี่ได้!คุณหลี่เป็นถึงคนใหญ่คนโต!คุณรีบซื้อหยกชิ้นนั้นแล้วมอบให้คุณหลี่ซะ ถือว่าเป็นการขอโทษคุณหลี่”
ประธานหวงพูดด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว เขาจะผิดใจกับหลี่โม่ไม่ได้เด็ดขาด ทำได้เพียงแค่เสียเรือเพื่อรักษาขุน โยนเฉาต้าหว่างออกไปเสี่ยง
เฉาต้าหว่างหน้าแตกในทันที เขาขมวดคิ้วมองไปที่หลี่โม่อย่างขมขื่น แล้วพูดเสียงเบาออกมาว่า“คุณภาพของพลาสติกไม่เลวเลย ผมอยากจะเอามาแกะสลักให้คุณ คุณไม่ได้จะเอามามอบให้บุคคลสำคัญเหรอครับ”
“ของที่ผมจะให้คุณไม่ต้องสนใจหรอก รีบทำตามที่ผมบอกเถอะ ไม่อย่างนั้นผมจะให้คนไปทำลายที่ทำงานของคุณซะ แล้วค่อยหักขาทั้งสามข้างของคุณ!”
พอได้ยินน้ำเสียงเย็นชาของประธานหวงแล้ว เฉาต้าหว่างถึงกับตัวสั้น รีบพยักหน้าพูดว่า“เอ่อ คุณวางใจเถอะ ผมจะจัดการให้เรียบร้อยครับ”
หลังจากวางสายไป มือทั้งสองข้างของเฉาต้าหว่างจับโทรศัพท์มือถือไว้อย่างเจ็บปวดใจ แล้วยื่นมือถือคืนให้หลี่โม่ด้วยความเคารพ
“คนเข้าใจผิดกันเพราะไม่รู้จักกัน ดูสิทะเลาะกันจนมีปัญหาเลย ถ้าอย่างนั้น หยกชิ้นนี้ผมไม่เอาแล้ว”
หลังจากที่เฉาต้าหว่างพูดจบ ก็มองไปที่เจ้าของร้านว่า“ราคาที่พวกคุณเจรจากันคือหนึ่งล้านห้าแสนใช่ไหม?ราคานี้สูงไปหน่อย ผมว่าคุณขายหยกชิ้นนี้ให้คุณหลี่หนึ่งล้านไปเถอะ”
พนักงานตกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของเฉาต้าหว่าง แล้วมองไปที่หลี่โม่อย่างมึนงง กำลังเดาตัวตนฐานะของหลี่โม่อยู่
รูปร่างหน้าตาหล่อเหลาเลยทีเดียว ยังมีผู้หญิงที่สวยเหมือนดาราสองคนขนาบข้างอีก หรือท่านนี้จะเป็นคุณชายของตระกูลที่มีอิทธิพล?
พนักงานยังไม่ทันได้รู้สึกตัว เจ้าของร้านก็ไม่พอใจแล้ว เดิมทีทั้งสองคนกำลังแย่งกันอยู่ เขายังอยากได้เงินมากกว่านี้อีกหน่อย แต่ไม่ทันไรเฉาต้าหว่างก็ขี้ขลาดตาขาวแล้ว ยังหันกลับมาช่วยกดราคาอีก
“คุณตั้งใจมาสร้างเรื่องใช่ไหม ไม่มีปัญญาก็ไม่ต้องมาเสนอราคากับผมมั่วๆ นี่มันทำให้ผมเสียเวลานะ หนึ่งล้านอย่าฝันไปเลย ตอนนี้ถ้าไม่ได้สองล้านผมไม่ขาย”
เจ้าของร้านพูดด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
เฉาต้าหว่างพูดด้วยใบหน้าขมขื่น“ผมเป็นถึงปรมาจารย์แกะสลัก คุณขายหยกหนึ่งล้านให้เขาเถอะ หลังจากนี้ผมจะแนะนำธุรกิจดีๆให้กับคุณนะ รับรองว่าคุณจะไม่ถูกเอาเปรียบอย่างแน่นอน”
“เหอะๆ สัญญาที่ไม่มีผลอะไรของคุณผมไม่กล้ารับไว้หรอกครับ ถ้ามีปัญญาก็ควักเงินออกมาซื้อของไปซะ หลังจากนี้คุณจะขายให้น้องชายคนนี้เท่าไรก็ได้ ถึงยังไงถ้าน้อยกว่าสองล้านผมไม่ขาย”
ท่าทีของเจ้าของร้านแข็งกร้าวมาก จะเอาราคานี้ท่าเดียว พวกคุณไม่อยากซื้อก็ไม่ต้องซื้อ ท่าทีไม่ซื้อก็ช่างสิ
เฉินเสี่ยงถงพูดอย่างหงุดหงิด“เพราะไอ้ปรมาจารย์เส็งเคร็งอย่างคุณ ตอนแรกเรากำลังเจรจากันว่าถ้าราคาหนึ่งล้านสองแสนเราจะซื้อ เพราะคุณมาวุ่นวายที่นี่ ตอนนี้เจ้าของร้านจะเอาสองล้าน”
“ผม……เอ่อ คือ……”
ในใจของเฉาต้าหว่างรู้สึกหงุดหงิดมาก เรื่องในตอนนี้เกินกว่าที่เขาคาดการณ์คิดไว้ไกลมาก
ถึงแม้จะเป็นปรมาจารย์แกะสลัก แต่ปรมาจารย์กะสลักอย่างเฉาต้าหว่างใช้กลอุบายเพื่อหาผลประโยชน์ให้ตัวเอง และเพื่อให้ได้ชื่อเสียงนี้มา ทรัพย์สินของครอบครัวเฉาต้าหว่างเกือบจะเทหน้าตักเข้าไปทั้งหมด
มาวันนี้เฉาต้าหว่างใช้ชื่อเสียงของปรมาจารย์แกะสลักเพื่อหาเงิน อยากจะให้เฉาต้าหว่างใช้เงินสองล้านซื้อหยกมอบให้หลี่โม่ เป็นสิ่งที่เฉาต้าหว่างไม่มีทางยินยอมอย่างแน่นอน
เฉาต้าหว่างมองดูพนักงานที่อยู่ข้างๆ และส่งสัญญาณให้เขาเข้าไปคุยเจรจากับเจ้าของร้าน
“อะแฮ่ม”
พนักงานทำเสียงไอหนึ่งครั้ง แล้วใช้สายมองไปที่เจ้าของร้าน
เจ้าของร้านไม่รอให้พนักงานได้พูดอะไร เขาโบกมือแล้วพูดว่า“นายไม่ต้องพูดอะไรแล้ว สมัยนี้ไม่มีการบังคับซื้อขายกันแล้ว ถ้านายจะให้ฉันขายหยกในราคาถูก อย่างมากฉันออกจากงานแสดงหินหยกก็ได้ ไปหาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร้องเรียนพวกนาย”
พนักงานถึงกับตกอยู่ในสถานการณ์ที่นั่งลำบาก เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเจ้าของร้านที่ไม่ไหวหน้า จึงไม่สามารถพูดอะไรต่อไปได้
ถ้าเกิดเขาคนนี้โมโหขึ้นมา แล้วออกจากงานไปร้องเรียนแล้วล่ะก็ สุดท้ายพนักงานอย่างตนเองก็ต้องซวย
“เหอะๆ ช่างเถอะ สองล้านก็สองล้านครับ ใครใช้ให้ผมชอบกันล่ะ ผมไม่สนใจเรื่องเงินหรอกครับ”
หลี่โม่ที่พูดไปด้วย ล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาด้วย ส่งสัญญาณให้เจ้าของร้านทำการทำธุรกรรมการโอนเงิน
เจ้าของร้านยิ้มหน้าชื่นตาบานในทันที“น้องชายใจกว้างจริงๆ สมัยนี้ใครก็เรียกตัวเองว่าปรมาจารย์ได้ มีฮัสกี้กลับชาติมาเกิดเป็นปรมาจารย์อยู่ตรงหน้าเหรอเนี่ย”
“ฮ่าๆๆ เจ้าของร้านเป็นคนตลกจริงๆ คนบางคนเหมือนฮัสกี้จริงๆนั่นแหละ”
กู้หยุนหลันขำจนแทบทนไม่ไหวแล้ว
เฉาต้าหว่างจ้องไปที่หลี่โม่กับเจ้าของร้านอย่างโกรธแค้น เผยให้เห็นท่าทีว่าจำไว้ และฉันจะชำระแค้นกับพวกแกในวันหน้า
“หึ!ปากสุนัขย่อมคายงาช้างออกมาไม่ได้!”
เฉาต้าหว่างพูดจบก็เดินจากไปทันที เขาไม่มีหน้าอยู่ต่อที่นี่อีกแล้ว
หลี่โม่โอนเงินให้กับเจ้าของร้าน แล้วเจ้าของร้านก็ลากกระเป๋าเดินทางออกมาจากบูธหนึ่งใบ นำหยกขนาดมหึมาใส่เข้าไปในกระเป๋าเดินทาง
“กระเป๋าถือว่าเป็นของแถมแล้วกัน บริการของผมใส่ใจใช่ไหมล่ะ ฮ่าๆ”
“บริกรได้ไม่เลวจริงๆนั่นแหละ ขอให้กิจการของคุณจะเจริญรุ่งเรืองนะครับ”
หลี่โม่พูดอย่างสุภาพ แล้วลากกระเป๋าเดินทางเริ่มเดินไปรอบๆต่อ
หลี่โม่เดินยังไม่พ้นสองก้าว ก็พบเข้ากับคางเหวินซิงที่วิ่งหน้าตื่นเข้ามา
คางเหวินซิงดึงแขนเสื้อของหลี่โม่แล้วพูดว่า“รีบตามฉันมาเถอะ เราเห็นหยกชั้นดีเยอะเลย ความขาวของเปลือกด้านนอกไม่เลวเลยนะ ประเด็นคือราคาไม่แพงด้วย มีคนเยอะมากกำลังดูอยู่ที่นั่น ลุงกู้ให้ฉันมาเรียกนายไปดู ถ้าไปช้าเดี๋ยวนะหมดเอาได้”
“ค่อยๆไปก็ได้ ไม่ต้องรีบหรอก”
หลี่โม่พูดอย่างช้าๆ
“โธ่ จะไม่ให้ใจร้อนได้ไง คุณลุงกู้พวกเขาดูแล้ว บอกว่าเป็นของที่ไม่เลวเลยจริงๆ นายไปดูสิว่าเป็นยังไง ถ้าไม่เลวจริงๆ เราซื้อหยกชั้นดีพวกนี้กลับไปเถอะ”
ของสมัยนี้กำลังขยายตัว จะทำอย่างไรให้รักษาและเพิ่มมูลค่าเป็นปัญหาของมหาชนที่กำลังถูกพูดถึงกันอยู่ การเก็งกำไรอสังหาริมทรัพย์หุ้นและทองคำอะไรพวกนี้ กู้เจี้ยนหมินไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้เลย
สิ่งที่กู้เจี้ยนหมินคุ้นเคยที่สุดคือการของเก่าราคาของเก่าในสมัยนี้ราคาสูงลิบลิ่ว เมื่อเทียบกับหลายปีก่อนมูลค่าของมันเพิ่มขึ้นจนไม่เข้าท่าแล้ว
แต่กู้เจี้ยนหมินไม่ได้มีความสามารถแยกแยะเหมือนหลี่โม่ อีกทั้งไม่ได้มีเงินเยอะขนาดนั้น เพราะฉะนั้นจึงได้เพียงแต่ทำเล่นๆ
หยกเหอเถียนเป็นหยกชั้นเลิศ หลายปีมานี้ความนิยมของหยกเหอเถียนไม่ได้ลดน้อยลงราคาพุ่งสูงขึ้นเหมือนจรวด ป้าตามข้างถนนยังรู้เลยว่าของสิ่งนี้ราคาไม่ถูก ดังนั้นหลังจากที่ถามและรู้ว่าหยกเหอเถียนราคาไม่แพง กู้เจี้ยนหมินจึงรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
เพราะฉะนั้นกู้เจี้ยนหมินจึงดีใจมากอยากจะหามาให้ได้ ลำพังแค่คิดว่าคุยกับเจ้าของร้านคำเดียวว่า เอาหยกที่อยู่ในบูธของคุณเหมาให้ผม กู้เจี้ยนหมินก็รู้สึกเลือดลมสูบฉีดทั่วร่างกายแล้ว
อย่างไรก็ตามแม้จะรู้สึกตื่นเต้นมากขนาดไหน กู้เจี้ยนหมินไม่ได้บอกความในของตัวเองออกไปอย่างใจร้อน แต่ให้คางเหวินซิงไปเรียกให้หลี่โม่มาดู