จักรพรรดิมังกร - บทที่ 665 จับผิด
ตอนนี้กู้เจี้ยนหมินไม่ดูถูกหลี่โม่แล้ว แต่คิดว่าหลี่โม่คือยอดฝีมือที่เข้าใจในสายวิชาชีพนี้
คางเหวินซิงลากหลี่โม่เดินลัดเลาะซ้ายขวาหนึ่งรอบ ในที่สุดก็ลัดเลาะมาจนถึงบูธที่อยู่ด้านหน้า
ตอนนี้ในบูธมีคนล้อมรอบอยู่ไม่น้อย คนพวกนั้นมองดุหยกอย่างละเอียด แล้วคุยเจรจากันไปด้วย กู้เจี้ยนหมินกับท่านแปดปะปนอยู่ในนั้นด้วย
คางเหวินซิงลากหลี่โม่แทรกเข้าไปในบูธ แล้วชี้ไปที่หยกที่รูปร่างลักษณะเหมือนเนินเขาพลางพูดขึ้นมาว่า“นายรีบดูสิ หยกพวกนี้เป็นยังไงบ้าง?”
หยกเหอเถียนที่ถูกเรียงรายเป็นรูปเนินเขามีขนาดไม่ใหญ่มาก โดยทั่วไปมีขนาดหนาประมาณสองนิ้ว ความยาวสุดแค่นิ้วโป้ง เป็นหยกชิ้นเล็กทั้งหมด
หยกเนื้อทองปาง เนื้อแดงเลือดหมู เนื้อเลือดอ่อนต่างผสมปนเปอยู่ด้านใน บวกกับความขาวของเนื้อหยกไม่เลวเลย ดูไปแล้วสะดุดตาเป็นอย่างมาก
ชายหญิงที่อยู่ข้างๆบูธต่างพากันจับหยกขึ้นมาเล่น พูดคุยกันไม่หยุด
“ความมันวาวของหยกนี่ไม่เลวเลยนะ พอจับปุ๊บก็รู้สึกได้ถึงความมันวาวเลย หยกชิ้นนี้ให้สัมผัสมือที่ดีจริงๆ ไม่เลว”
“ฉันก็คิดว่าสัมผัสมือไม่เลวเลย ดูรูขุมขนด้านบน ละเอียดและสม่ำเสมอ หยกน่าจะไม่มีปัญหา เป็นหยกแท้แน่นอน”
“สิ่งที่ดีที่สุดคือสีของพื้นผิว ตอนนี้หยกเนื้อทองปางกับ หยกเนื้อเหลืองอ่อนราคาแพงมาก ที่นี่สามารถเลือกได้อย่างสบายๆ ฉันจะเลือกอันสวยๆสักสองสามอัน”
กู้เจี้ยนหมินกับท่านแปดเห็นหลี่โม่เดินเข้ามา จึงขยับเข้าไปประชิดตัวหลี่โม่
กู้เจี้ยนหมินนำหยกขนาดมะม่วงเขียนอันหนึ่งยื่นส่งให้กับหลี่โม่ ราวกับสมบัติล้ำค่า
“หลี่โม่นายดูนี่สิ ชิ้นนี้ฉันดูมานานแล้ว คิดว่ามันไม่มีปัญหาเลย หยกชิ้นใหญ่ขนาดนี้ ความขาวก็เพียงพอ กลับไปขอให้ใครมาแกะสลักมัน จะเป็นของประดับที่ดีมากเลยล่ะ”
กู้เจี้ยนหมินกล่าวอย่างพึงพอใจ
หลี่โม่หยิบหยกในมือของกู้เจี้ยนหมินขึ้นมาดู หลังจากนั้นก็ยื่นหยกคืนให้กับกู้เจี้ยนหมินไป
กู้เจี้ยนพูดพลางเกาหัวแกรกๆ“ลูกเขยของฉัน คือนาย……”
“คืนให้กับคนอื่นเถอะครับ”
หลี่โม่พูดอย่างเรียบเฉย แล้วก้มศีรษะลงหยิบหยกชิ้นเล็กชิ้นน้อยขึ้นมาดู
“รูขุมขนเกิดจากการพ่นทราย สีทำมาจากหนัง ตัวหยกยังถือว่าทำได้ดี ของพวกนี้เป็นหยกเกรดเอของหยกเกาหลี ราคาหยกเกาหลีพวกนี้อยู่ที่หนึ่งหมื่นห้าพันหยวนต่อตัน หลังจากที่กลับมาแล้วทำการตัดแล้วกลิ้งไปมาในถัง ของสูญเสียไปร้อยละสามสิบถึงสี่สิบเปอร์เซ็นต์ พวกคุณทำของปลอมไม่ง่ายเลยนะ”
จากคำพูดของหลี่โม่ คนสองสามคนกำลังแสร้งทำเป็นเลือกของอยู่ หยุดการเคลื่อนไหวของพวกเขา แล้วใช้สายตาไม่เป็นมิตรมองไปที่หลี่โม่ ดูเหมือนพวกเขาเตรียมอยากจะฆ่าเขาเต็มทีแล้ว
เจ้าของร้านจ้องมองหลี่โม่อย่างเคียดแค้น ดีดก้นบุหรี่ในมือไปที่พื้น แล้วใช้เท้าเหยียบอย่างแรง
“ไอ้หนุ่ม อย่าพูดอะไรมั่วๆนะ ไม่ซื้อก็ไปซะ อย่ามาวุ่นวายที่นี่นะ ถ้าถ่วงเวลาทำมาหากินของกู เดี๋ยวเจอดีกับกูแน่!”
“พาลนี่หว่า หน้าม้าพวกนี้การแสดงถือว่าใช้ได้ แต่บทพูดดูจงใจไปหน่อยนะ ถ้าเดาไม่ผิดล่ะก็ คงจะเรียกราคาหยกพวกนี้อันละหนึ่งพัน ถ้าต่อรองราคาก็จะจบที่หกถึงแปดร้อย”
หลี่โม่พูดไปด้วยหัวเราะไปด้วย
หน้าม้าที่อยู่ข้างบูธสองสามคนสีหน้าเปลี่ยนไป ถูกหลี่โม่พูดเปิดเผยจนหมดเปลือก ทำให้หลายคนรู้สึกประหม่าเล็กน้อย
กู้เจี้ยนหมินมองดูหยกชิ้นเล็กชิ้นน้อยกองนั้น สีหน้าของเขาค่อยๆเปลี่ยนเป็นท้อใจ ราวกับเขาต้องบอกลากับเงินก้อนใหญ่ไป
“ของพวกนี้……พวกนี้เป็นของปลอม แต่ทำไมฉันเห็นเหมือนของจริงล่ะ นายดูผิดไปรึเปล่า”
กู้เจี้ยนหมินคิดว่าควรจะยืนหยัดอีกครั้ง เผื่อหลี่โม่ประมาทไป
หลี่โม่หัวเราะพลางส่ายหัวไปมา แล้วพูดอย่างมั่นใจ“ลูกไม้ตื้นๆแบบนี้ ผมไม่มีทางมองพลาดหรอก พ่อตาครับ ถ้าพ่อตาชอบก็ซื้อเลย ทางที่ดีต่อราคาเก้าสิบเปอร์เซ็นต์เลย ไม่อย่างนั้นจะขาดทุนหนักนะครับ”
“เก้าสิบเปอร์เซ็นต์……”
กู้เจี้ยนหมินมองไปที่เจ้าของร้านแวบหนึ่ง คิดว่าถ้าตัวเองต่อราคาลดเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ กลัวว่าเจ้าของร้านจะเอามีดมาฆ่าคนเอาได้“นี่มันเจ็บปวดจริงๆนะ ของพวกนี้มองพลาดไปได้ยังไง หัวใจของฉันได้รับบาดเจ็บสาหัสเลยนะ”
ท่านแปดถอนหายใจ ตบบ่าของกู้เจี้ยนหมินแล้วพูดว่า“เจ็บปวดยังไงกัน ถ้านายซื้อไอ้เจ้าสิ่งนี้กลับไป นั่นสิถึงเรียกว่าบาดเจ็บสาหัส เราไปเดินดูต่อกันเถอะ ไม่แน่อาจจะพบของใหม่ก็ได้”
หลี่โม่พูดอย่างร่าเริง“พ่อตาครับ พวกคุณดูต่อกันเลยนะ การซื้อหยกเรื่องพวกนี้จะเห็นแก่ของถูกไม่ได้ ถ้าเห็นแก่ของถูกจะเจ็บหนักเพราะขาดทุนนะครับ”
“รู้แล้วล่ะ ฉันไม่เห็นแก่ของถูกอีกแล้ว แต่ถ้าไม่เห็นแก่ของถูกจะจับผิดได้ยังไง”
กู้เจี้ยนหมินพูดอย่างเสียกำลังใจ
“การจับผิดไม่ใช่การเห็นแก่ของถูก การเห็นแก่ของถูกกับการจับผิดเป็นคนละเรื่อง คุณสามารถเข้าใจเหตุผลในนี้ไหม ถึงคุณจะสามารถเข้าสู่โลกแห่งการจับผิดได้ก็เถอะ”
หลี่โม่พูดจบก็พูดปลอบกู้เจี้ยนหมินหลายคำ หลังจากนั้นก็พากู้หยุนหลันกับเฉินเสี่ยวถงเดินไปดูของที่อื่น ปล่อยให้กู้เจี้ยนหมินเศร้าใจอยู่ตรงนั้น
“เขาหมายความว่าไง การจับผิดไม่ใช่การเห็นแก่ของถูกอะไร?ไม่เห็นแก่ของถูกก็จับผิดไม่ได้น่ะสิ”
กู้เจี้ยนหมินถามขึ้นมาอย่างสงสัย
ท่านแปดส่ายหัวไปมา แล้วพูดด้วยท่าทางเหมือนคนมีความรู้“การจับผิดต้องมีความรู้และความเข้าใจ ก่อนอื่นต้องรู้มูลค่าของสิ่งของก่อน ต่อมาต้องรู้ว่าของแท้หรือไหม นี่คือเงื่อนไขของการจับผิด แต่การเห็นแก่ของถูก นั่นคือการไม่รู้อะไรเลย พุ่งไปหาแต่ขอถูก ทีนี้คุณเข้าใจรึยังครับ”
“เหมือนจะ……เข้าใจนิดหน่อย คิดไปคิดมาก็จริงด้วยแฮะ ดูเหมือนราคาจะถูกหรือไม่ ควรจะเป็นแนวคิดที่สัมพันธ์กัน”กู้เจี้ยนหมินพูดอย่างครุ่นคิด
คางเหวินซิงพูดอย่างเริงร่า“คุณลุงกู้อย่ามัวคิดอะไรตรงนี้อยู่เลย เรารีบไปดูต่อเถอะครับ ถ้าเจอของดีค่อยให้อาจารย์มาดูให้ถึงจะถูก เมื่อกี้เกือบถูกโกงแล้วไม่ใช่เหรอครับ”
กู้เจี้ยนหมินถอนหายใจ มือไพล่หลังแล้วเดินตามคางเหวินซิงกับท่านแปดเริ่มเดินต่อ
หลี่โม่พากู้หยุนหลันกับเฉินเสี่ยวถงเดินอยู่ในพื้นที่จัดแสดงหยกอยู่นาน ไม่พบเจอหยกที่เหมาะสมอะไรอีก ถ้าราคาไม่สูงเกินไป ไม่งั้นก็ของไม่ดี สรุปไม่มีอันที่เหมาะสม
หลังจากที่เดินอยู่ในพื้นที่จัดแสดงหยกเสร็จ หลี่โม่ทั้งสามเดินเริ่มไปที่พื้นที่จัดแสดงหยกที่มีชื่อเสียง
หินที่นำเข้ามาจากต่างประเทศเพื่อทดแทนหินที่อยู่ภายในประเทศ เป็นสัดส่วนที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ในพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการ หินสบู่ของมาเลย์ และหินลาวอยู่ด้านหน้าบูธ มีศิลปินทันสมัยจำนวนมากกำลังเลือกซื้อกันอยู่
สำหรับผู้ที่ทำงานจิตรกรรมจีนโบราณและผู้สร้างผลงานศิลปะการเขียนพู่กันจีน ตราประทับเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ตราประทับชื่อ ตราประทับคำคมประจำตัว ไม่มีสักสามหรือห้าอัน ก็อายที่จะทักทายเพื่อนร่วมสายอาชีพด้วยกัน
และคุณภาพของตราประทับก็กลายเป็นสัญลักษณ์ของศิลปินที่เขียนศิลปะการเขียนพู่กันจีนและจิตรกร คนอื่นๆใช้ตราประทับที่มีคุณภาพชั้นเลิศ แต่คุณกลับใช้ตราประทับคุณภาพราคาหลักสิบหยวน เมื่ออยู่ต่อหน้าของเพื่อนร่วมงานสายอาชีพเดียวกันก็จะโงหัวไม่ขึ้น