จักรพรรดิมังกร - บทที่ 670 ตกใจใช่ไหมล่ะ
หลี่โม่พูดอย่างเฉยเมย“ก็ได้ ให้ผมดูหน่อยสิว่าในมือของลูกพี่ใหญ่ของพวกคุณมีของดีอะไรกันแน่”
เจ้าของร้านเผยให้เห็นรอยยิ้มชั่วร้าย แล้วเดินออกจากบูธไป พาหลี่โม่ออกไปจากห้องโถงนิทรรศการ
“ในมือของลูกพี่ใหญ่เรามีของดีนะ แต่ขอแค่นายมีปัญญาซื้อก็พอแล้ว เขาไม่ได้อยู่ที่นี่ พักอยู่ที่โรงแรมที่อยู่ข้างๆ”
หลังจากที่อธิบายแล้ว มือของเจ้าของร้านก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง มือเริ่มกดปุ่มโทรศัพท์มือถือ เริ่มทำการกดมือถือส่งข้อความสุ่มสี่สุ่มห้า
คนที่ออกมาใช้ชีวิตอยู่ในสังคม ส่วนมากมีความสามารถที่ค่อนข้างแปลก โดยเฉพาะกลุ่มผู้ขายอัญมณีกับหยก เพราะพวกเขาพกพาของมีค่าจำนวนมาก ดังนั้นในบรรดาคนที่ติดตาม จึงมีคนจำนวนมากที่มีอิทธิพล
หลังจากที่ส่งข้อความออกไปแล้ว เจ้าของร้านเหลือบมองไปที่หลี่โม่แวบหนึ่ง ในใจกำลังแอบคิดว่าหลี่โม่ได้เห็นดีแน่
เมื่อนึกถึงกู้หยุนหลันกับเฉินเสี่ยวถงที่มากับหลี่โม่ ในของเจ้าของร้านเริ่มร้อนรุ่มขึ้น คิดว่ารอลูกพี่ใหญ่จัดการหลี่โม่ให้ได้ก่อน จะจับสาวสวยสองคนมาร่วมรักสักหน่อย
ภายในโรงแรมที่อยู่ข้างๆโถงนิทรรศการ เถียนจื่อหมินผู้ซึ่งเป็นลูกพี่ใหญ่ของเจ้าของร้านได้รับข้อความเมื่อครู่แล้ว ใบหน้าเผยให้เห็นรอยยิ้มเย้ยหยัน
“นี่พวกเตรียมตัวหน่อย เดี๋ยวเหล่าจะพาคนที่ทำให้เราทำมาหากินลำบากมา พวกแกต้องสั่งสอนไอ้หมอนี่หน่อยนะ ทุกวันนี้มีคนที่ไม่ลืมตาเยอะขึ้นเรื่อยๆ”
“ลูกพี่วางใจเถอะครับ มีคนไม่ลืมตาก็ดี เราจะได้ฝึกฝนกันสักหน่อย ช่วงนี้คันมือพอดีเลยครับ”
ชายฉกรรจ์รูปร่างผอมตัวเล็กคนหนึ่ง ยื่นมือมาหยิบสนับที่วางบนโต๊ะขึ้นมาสวม
สนับที่ทำด้วยเหล็กถูกสวมอยู่บนนิ้วทั้งหมด ปลายแหลมที่โผล่พ้นออกมามีสีเงินเป็นประกาย
ชายฉกรรจ์หลายคนมองดูชายฉกรรจ์รูปร่างผอมตัวเล็กสวมสนับมือ จึงพากันหัวเราะเสียงดังขึ้นมา
“ฮ่าๆๆ ไอ้ผอม การสู้ของแกไม่ไหวเลยนะ ต่อกรกับคนธรรมดาคนหนึ่ง ถึงกับต้องสวมสนับไปด้วย”
“พวกแกจะไปรู้อะไรห้ะ ถึงมันจะเป็นเรื่องเล็กแต่ก็ต้องสู้เต็มกำลังโว๊ย เดี๋ยวพวกแกคอยดูอยู่ข้างๆแล้วกัน ใครห้ามเข้ามาช่วยฉันนะ ฉันจะระบายความอัดอั้นหน่อย”
ไอ้ผอมพูดอย่างจริงจัง ในบรรดาคนพวกนี้ การสู้ของไอ้ผอมอ่อนหัดที่สุด แต่ก็เก่งกว่าคนธรรมดาอยู่มาก
“อยากระบายความอัดอั้นก็ต้องไปหาผู้หญิงสิวะ ต่อสู้มันไม่ได้ช่วยระบายความอัดอั้นนะโว้ย”เถียนจื่อหมินพูดล้อเล่น
ไอ้ผอมเบะปากแต่ไม่พูดอะไร เขาเพียงแต่ลูบปลายแหลมของสนับอย่างเงียบๆ
ผ่านไปไม่นานเจ้าของร้านก็พาหลี่โม่กับคนอื่นๆเข้าไปในห้อง ในตอนที่เห็นสายตาไม่เป็นมิตรของเถียนจื่อหมินกับคนอื่นๆ กู้หยุนหลันกับเฉินเสี่ยวถงรู้ว่าติดกับดักแล้ว
“โอ้โห ยังมีสาวสวยสองคนด้วย ดูท่าวันนี้จะโชคดีแล้วล่ะ”
ไอ้ผอมพูดพลางแสยะยิ้ม
เจ้าของร้านเดินไปที่ด้านหลังของเถียนจื่อหมิน แล้วชี้ไปที่หลี่โม่พลางพูดขึ้นมาว่า“ลูกพี่ ไอ้หมอนี่นั่นแหละครับที่มันดูออกของของพวกเรา ตาของมันแหลมมากเลยครับ”
“ร้ายงั้นเหรอ?ในเมื่อตาของมันแหลม งั้นก็ควักตาของเขาออกมาเลย! ไอ้ผอม ไปต้อนรับเขาสิ ให้เขาตาบอดไปเลย”
เถียนจื่อหมินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ไอ้ผอมกระโดดขึ้นมาจากเตียง แล้วพุ่งตัวเข้าไปหาหลี่โม่ทันที
ถึงแม้จะไม่แรงมาก แต่ไอ้ผอมเคลื่อนไหวคล่องแคล่ว ระหว่างพุ่งตัวไปข้างหน้า จู่ๆก็เปลี่ยนทิศทาง สะบัดหมัดไปมาจากขวาพุ่งไปยังดวงตาของหลี่โม่
“ระวัง!”
กู้หยุนหลันกับเฉินเสี่ยวถงร้องตกใจในขณะเดียวกัน ทั้งสองคนเริ่มเป็นห่วงหลี่โม่ขึ้นมา
หลี่โม่ค่อยๆส่ายหัวไปมา ยื่นมือขวาออกไปอย่างดูถูก จับไปที่หมัดของไอ้ผอม
ไอ้ผอมกะพริบตาปริบๆ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงแรงมหาศาล
ถึงแม้มือขวาของหลี่โม่จะเคลื่อนไหวช้ามาก แต่ไอ้ผอมกลับรู้สึกว่ามือขวาของหลี่โม่มีความกดขี่อย่างท่วมท้น
ความรู้สึกแบบนี้ไอ้ผอมพึ่งเคยรู้สึกเป็นครั้งแรก สัมผัสแบบนี้มันทำให้คนรู้สึกไม่สบายถึงขั้นสุด
ไอ้ผอมไม่กล้าปะทะหลี่โม่ เขารีบเปลี่ยนท่าทาง อยากจะอ้อมไปด้านหลังของหลี่โม่
แต่หลี่โม่เดิมทีเห็นการเคลื่อนไหวที่เชื่องช้า จู่ๆก็เปลี่ยนเป็นเร็วขึ้นมา เหมือนเปิดสวิตช์ความเร็วยังไงอย่างนั้น
เห็นเพียงเงาแขนของของหลี่โม่สะบัดไปมากลางอากาศ ไอ้ผอมเริ่มเปลี่ยนทิศทางของแขน แต่ก็ถูกหลี่โม่จับมือไว้แล้ว
ไอ้ผอมมองไปที่หลี่โม่ด้วยสายตาหวาดกลัว เขาอยากจะใช้แรงเพิ่มขึ้นเพื่อทำให้หลุดพ้นฝ่ามือของหลี่โม่ แต่ไม่รอให้ไอ้ผอมดิ้นขัดขืน เขาก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดรวดร้าวตรงแขน
“อ๊าก!”
ไอ้ผอมร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด รู้สึกเหมือนจะถูกหลี่โม่บีบกระดูกจนแตก เขาจึงใช้เรี่ยวแรงถอยหลังไปอย่างบ้าคลั่ง
หลี่โม่ใช้แรงสะบัดออกไป สะบัดไอ้ผอมกระเด็นออกไป
ปึ้ง!
ร่างของไอ้ผอมกระแทกไปกับกำแพง จากนั้นก็ค่อยๆร่วงลงสู่พื้น
ไอ้ผอมที่นั่งอยู่กับพื้น แขนของเขาบิดงอผิดรูปเป็นตัวเอส นั่นเป็นลักษณะของแขนที่คนธรรมดาทั่วไปไม่สามารถบิดงอได้
ภายในห้องพักเต็มไปด้วยเสียงร้องโหยหวนของไอ้ผอม นอกจากเสียงร้องโหยหวนแล้วก็ไม่ได้ยินเสียงอื่นเลย
เถียนจื่อหมินกับคนอื่นๆยืนมองไอ้ผอมร้องโหยหวนด้านความเจ็บปวด พวกเขาเห็นไม่ชัดว่าไอ้ผอมแพ้ได้อย่างไร
ถึงแม้จะมองไม่เห็นกระบวนท่าของหลี่โม่ แต่เถียนจื่อหมินรู้ดี หลี่โม่ไม่ใช่คนที่จะจัดการได้ง่ายๆ
เถียนจื่อหมินมองไปที่หลี่โม่ด้วยสีหน้าเคร่งขรึมพลางพูดขึ้นมาว่า“น้องชายมีฝีมือจริงๆ เชิญเอ่ยชื่อเสียงเรียงนาม”
“หลี่โม่”
“หลี่โม่?ไม่เคยได้ยินชื่อบุคคลนี้เลยแฮะ ฉันคือเถียนจื่อหมินแห่งโรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้เติงเฟิง เคยเรียนและฝึกมากับเหล่าปรมาจารย์!”
เถียนจื่อหมินพูดไปด้วย เขาคลำไปที่ด้านหลังของเอง หยิบมีดสั้นขึ้นมาหนึ่งเล่ม
มีดสั้นเป็นประกายวาว มีดสั้นในมือของเถียนจื่อหมินพบเจอกับเลือดมาไม่น้อยเลย
“ฉันฝึกมีดสั้นมาตั้งแต่เด็ก ยิ่งอาวุธในมือสั้นเท่าไร ยิ่งต้องอยู่ใกล้คู่ต่อสู้เพื่อโจมตี ยิ่งเคลื่อนที่เร็วขึ้นในระหว่างการต่อสู้ และความเสี่ยงที่ต้องแบกรับก็ยิ่งมากขึ้น ใช้มีดสั้นต้องอำมหิต ดังนั้นคนที่ตายอยู่ในมีดของฉันมีไม่น้อยเลย”
ตามการเคลื่อนไหวของเถียนจื่อหมิน ชายฉกรรจ์หลายคนต่างล้วงอาวุธของตัวเองออกมา อาวุธเย็นต่างๆก็ถูกนำออกมาใช้เหมือนกัน
หลี่โม่ขมวดคิ้วเป็นปม ใช้สายตาดูถูกมองไปที่เถียนจื่อหมินและคนอื่นๆ แล้วพูดอย่างเย้ยหยันพลางพูดขึ้นมาว่า“ดูท่าพวกคุณจะรนหาที่ตายเองนะ”
“คนที่รนหาที่ตายคือแกต่างหาก พี่น้องของเราไม่เคยพลาดมาก่อน ถ้าแกเจียมตัวล่ะก็ คุกเข่าซะ ให้เราตัดเส้นเอ็นของแกทิ้งซะ แล้วควักลูกตาของแกออกมา แบบนั้นเรายังพอให้ทางรอดแกได้”
เถียนจื่อหมินใช้สายตาอาฆาตแค้นมองไปที่หลี่โม่ เขาอยากฆ่าหลี่โม่
ไม่ว่าจะแก้แค้นให้ไอ้ผม หรือเพื่ออำนาจ หรือเพื่อสาวงาม เถียนจื่อหมินไม่คิดจะเก็บหลี่โม่ไว้
ในตอนที่เถียนจื่อหมินพูดเหล่าชายฉกรรจ์พวกนั้น ได้ขยับมาล้อมรอบหลี่โม่ไว้แล้ว รอคำสั่งจากเถียนจื่อหมิน ก็จะสามารถจู่โจมทั้งกลุ่มไปที่หลี่โม่ได้ในทันที
เฉินเสี่ยวถงที่ยืนอยู่ด้านหลังของกู้หยุนหลันกับเฉินเสี่ยวถง มองดูเหล่าชายฉกรรจ์ที่รายล้อมอยู่รอบตัว ในใจเริ่มกระวนกระวายขึ้นมา
“พวกคุณจะทำอะไรน่ะ?ทำแบบนี้ผิดกฎหมายนะ!”
“ผิดกฎหมาย?ฮ่าๆๆ คนสวยตกใจใช่ไหมล่ะ เราเป็นคนร้าย สิ่งที่ทำก็คือเรื่องที่ผิดกฎหมายอยู่แล้ว!”