จักรพรรดิมังกร - บทที่ 675 ข้อความขอความช่วยเหลือ
“นายคิดว่านายจะตายแบบไม่ทรมานงั้นเหรอ”
หลี่โม่พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เท้าขวาของเขา เหยียบอยู่บนมือขวาของเฉินฟู่
เขาใช้เท้าบดขยี้ลงไปตรงพื้นรองเท้า เสียงกระดูกนิ้วของเฉินฟู่ดังลั่น
มันเป็นเสียงกระดูกแตก
เรียกได้ว่ารู้สึกเจ็บไปหมด ตอนนี้รู้สึกเจ็บนิ้วมือทั้งห้ามาก เฉินฟู่ร้องโอดครวญออกมา
“อ๊าก! หลี่โม่! แกมีปัญญาก็ฆ่าฉันสิ ฆ่าฉันเลย!”
“เกมเพิ่งจะเริ่ม นายก็ทนไม่ไหวแล้วเหรอ ถ้านายตอบคำถามฉัน บางทีฉันอาจจะทำให้นายตายอย่างสบายๆ ก็ได้”
หลี่โม่พูดจบก็ใช้แรงที่เท้าขวาอีก ฝ่ามือของเฉินฟู่ โดนหลี่โม่เหยียบจนเละ
เฉินฟู่นอนแผ่หลา เนื้อตัวสั่นไปหมด ใบหน้าอันน่าเกลียดยิ่งอัปลักษณ์ขึ้นไปอีก เขาเชิดหน้าใช้สายตาที่ร้ายกาจมองหลี่โม่
“นายจะพูดไหม ถ้าไม่พูด ฉันจะเหยียบกระดูกนายให้หักทั้งตัว ให้นายได้รับรู้ถึงความรู้สึกที่กระดูกแยกออกจากร่างกาย”
ขณะที่พูด ขาของหลี่โม่ก็เหยียบลงไปที่มือซ้ายของเฉินฟู่
มือขวาถูกเหยียบจนเละ ก็ทำให้เฉินฟู่ทนไม่ไหวแล้ว ตอนนี้เห็นหลี่โม่เหยียบลงบนมือซ้ายเบาๆ ทำให้เฉินฟู่กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่
ภาพที่กระดูกทั้งร่างกายหักลอยขึ้นมาในหัว เฉินฟู่ไม่สามารถควบคุมอาการสั่นได้อีกแล้ว เขาตกใจกับภาพที่จินตนาการเอาไว้ในหัว
สติของเขากระเจิดกระเจิง เขาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “ฉันบอกแล้ว ฉันบอกแล้ว! ฉันหนีออกมาจากสถาบันวิจัยกับจางเจียต้อง! เรากลัวว่าถ้าไม่หนีออกมา จะไม่มีโอกาสได้แก้แค้นอีก เพราะพวกมันต้องการใช้เราทดสอบอัตราการตายที่สูงขึ้น! เมื่อกี้เราอยู่ด้วยกันจริงๆ แต่ไอ้ขี้ขลาดจางเจียต้องหนีไปแล้ว ในใจของเขาพะวงกับเมียของนาย มีโอกาสเป็นไปได้สูงว่าเขาจะไปหาเมียของนาย นายรีบไปปกป้องภรรยาเถอะ! ฉันพูดเรื่องที่รู้หมดแล้ว รีบๆ ส่งฉันไปตายเถอะ!”
เฉินฟู่หลับตาลง เขาเล่าเรื่องที่รู้ออกไปหมดแล้ว หลี่โม่ได้ยินก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ
เมื่อดูจากเวลา จากที่สู้กับเฉินฟู่เมื่อครู่ จนมาถึงการซ้อมให้รับสารภาพ ถือว่ามีเวลามากพอให้จางเจียต้องไปจับกู้หยุนหลัน!
“ไอ้เวรเอ๊ย! ทำไมแกไม่บอกให้เร็วกว่านี้!”
“เหอะๆ ถ้าบอกเร็ว เกมก็ไม่สนุกสิ นายจะเล่นเกมกับฉันไม่ใช่เหรอ งั้นก็ให้จางเจียต้องเล่นแทนฉันต่อแล้วกัน!”
“ไอ้เหี้ย!”
หลี่โม่แผดเสียงออกมา เขาเหยียบลงบนคอของเฉินฟู่
มีเสียงกระดูกหักดังออกมาจากตรงคอของเฉินฟู่ จากนั้นก็มีเลือดพุ่งออกมาทางปาก
กระดูกสันหลังส่วนคอหัก ทำให้หลอดเลือดแดงและหลอดลมขาดจากภายใน เฉินฟู่หายใจรวยรินออกมาทางปาก เลือดไหลออกมาทางจมูกของเขา ดวงตาค่อยๆ ปิดลง
เสียงมือถือดังขึ้น หลี่โม่หยิบมือถือขึ้นมารับสายทันที
“ฮัลโหล! ฉันหลี่โม่”
“หลี่โม่ นายรีบมาที่นิทรรศการเร็ว เมื่อกี้มีคนหน้าตาประหลาดมาจับกู้หยุนหลันกับเฉินเสี่ยวถงไป!” กู้เจี้ยนหมินพูดอย่างตื่นตระหนก
“เข้าใจแล้ว ผมจะรีบไป”
เมื่อวางสาย หลี่โม่หันไปหาท่านแปด และชี้ศพเฉินฟู่ เป็นการบอกให้เขาจัดการให้เรียบร้อย จากนั้นหลี่โม่จึงรีบไปที่นิทรรศการทันที
เมื่อมาถึงนิทรรศการ หลี่โม่เห็นประตูนิทรรศการพังทลาย ผู้คุ้มกันที่ท่านแปดทิ้งไว้ที่นี่ โดนทำร้ายจนเละเทะ ภายในนั้นมีหลายคนที่บาดเจ็บ
คางเหวินซิงประคองกู้เจี้ยนหมินรีบเดินเข้ามา กู้เจี้ยนหมินจับแขนหลี่โม่ แล้วพูดว่า “รีบไปช่วยคนสิ! ช่วยลูกสาวฉันกลับมาด้วย!”
“พ่อตาวางใจได้เลย ผมจะหาวิธีช่วยหยุนหลัน เหวินซิง นายเล่ามาหน่อย ว่าเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น”
คางเหวินซิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพูดว่า “หลังจากที่ท่านแปดออกไป พวกเราไม่ได้พักผ่อน จู่ๆ ก็มีคนเดินเข้ามา เขาหน้าตาแปลกประหลาดมาก หลังจากที่จัดการกับผู้คุ้มกันของท่านแปดได้ เขาก็จับคนแล้วก็ออกไป เขาเร็วเหมือนไม่ใช่คน”
เมื่อได้ยินคางเหวินซิงอธิบายคร่าวๆ หลี่โม่ก็รู้ทันทีว่าคนที่จับกู้หยุนหลันกับเฉินเสี่ยวถงคือจางเจียต้อง
“ฉันเข้าใจแล้ว นายดูแลพ่อตาฉันไว้ ฉันจะไปช่วยพวกเธอกลับมา”
หลี่โม่หันหลังเดินออกจากนิทรรศการอย่างรวดเร็ว เขายืนมองไปบนถนนข้างนอกนิทรรศการ
เห็นคนและรถมากมาย หลี่โม่ขมวดคิ้วขึ้นมา การที่จะหาผู้หญิงสองคนที่โดนลักพาตัวไป ท่ามกลางเมืองใหญ่ขนาดนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ขณะที่หลี่โม่กำลังคิดจะติดต่อฉู่จงเทียนกับหัวหน้าจาง เพื่อให้เขาใช้กำลังช่วยค้นหา มือถือของหลี่โม่ก็สั่นขึ้นมา
มือถือสั่นเพราะมีข้อความเข้ามา หลี่โม่แตะหน้าจอเพื่ออ่านข้อความ
เป็นเบอร์ของเฉินเสี่ยวถงที่ส่งข้อความมา เนื้อหามีเพียงสองพยางค์ก็คือช่วยด้วย
หลี่โม่หรี่ตาลง เขามองไปยังรถมากมายข้างหน้า
ในข้อความมีเพียงสองพยางค์เท่านั้น ไม่มีเบาะแสอะไรอีก หรือเฉินเสี่ยวถงอาจจะหาโอกาสส่งข้อความขอความช่วยเหลือ
แต่ในข้อความไม่มีตำแหน่งที่ตั้งชัดเจน หลี่โม่มีสีหน้าทุกข์ใจ เขาไม่รู้จะเริ่มหาจากตรงไหน
ครืด ครืด
มือถือสั่นอีกครั้ง มีข้อความเข้ามาอีก
หลี่โม่แตะเพื่อเปิดอ่าน เป็นข้อความจากเบอร์กู้หยุนหลัน มีเพียงสองพยางค์เช่นกันคือช่วยด้วย
“น่าจะมีอะไรสักอย่าง ดูเหมือนว่าจางเจียต้อง จะเอามือถือของพวกเธอมาส่งข้อความ” หลี่โม่พูดพึมพำ และโทรหาเบอร์ของกู้หยุนหลัน
มีคนรับสายอย่างรวดเร็ว มีเพียงแหบพร่าดังออกมา “หึหึ ฉลาดดีนี่ คิดว่าแกจะเป็นคนผลีผลาม”
“บอกจุดประสงค์ของแกมา ทำยังไงถึงจะปล่อยตัวผู้หญิงทั้งสองคน ไม่ต้องอ้อมค้อม”
“ฟ่อฟ่อ! ฉันรอแกที่สุสานที่ชานเมืองตะวันออก ถ้าวันนี้ตอนสองทุ่มครึ่งแกมาไม่ได้ ก็รอรับศพพวกเธอได้เลย สาวงามราวดอกไม้ทั้งสองคน มันช่างล่อตาล่อใจเหลือเกิน เดี๋ยวจะให้แกฟังเสียงละกัน”
มีเสียงอื้ออึงดังออกมาจากมือถือ เห็นได้ชัดว่ามีอะไรอุดปากพวกเธออยู่ ทำให้ไม่สามารถพูดได้ตามปกติ
หลี่โม่ใช้ความสามารถในการฟังของตัวเอง เขาฟังเสียงของทั้งสองคนออก แน่ใจแล้วว่าเป็นเสียงของกู้หยุนหลันกับเฉินเสี่ยวถง
“ฉันจะไปตรงเวลา นายอย่าทำอะไรพวกเธอ ถ้าพวกเธอเป็นอะไรแม้แต่นิดเดียว ฉันจะส่งนายสู่สุคติ!”
“ฟ่อฟ่อ! ส่งฉันสู่สุคติงั้นเหรอ กลัวว่าแกจะมีแผนการดี แต่ไม่มีปัญญาน่ะสิ ฮ่าๆๆๆ ฉันจะรอแกนะ!”
จางเจียต้องวางสายแล้วยิ้มอย่างได้ใจ
“ถ้าเฉินฟู่ฟังฉัน มันคงไม่โดนหลี่โม่จัดการง่ายขนาดนี้หรอก แต่ฉันก็สู้เฉินฟู่ไม่ได้หรอก เพื่อผู้หญิง เลยโดนทำให้อยู่ในสภาพครึ่งผีครึ่งคนแบบนี้”
จางเจียต้องมองกู้หยุนหลันกับเฉินเสี่ยวถงด้วยแววตาดุร้าย และมีเสียงหัวเราะเย็นยะเยือกดังออกมา
กู้หยุนหลันกับเฉินเสี่ยวถงรู้สึกกลัวจนตัวสั่น พวกเธอตกใจกับรอยยิ้มอันน่ากลัวของจางเจียต้อง และภาวนาในใจให้หลี่โม่รีบมา