จักรพรรดิมังกร - บทที่ 681 เปลี่ยนแม่ยาย
หลงห้าวเทียนมองหลี่โม่ที่กำลังใกล้เข้ามา ด้วยแววตาที่หวาดกลัว ตอนนี้หลงห้าวเทียนเสียใจเป็นอย่างมาก
เขาเสียใจที่เมื่อกี้ทำเป็นอวดดี เข้าไปหากู้หยุนหลันตรงๆ ควรจะหาโอกาสตอนที่หลี่โม่ไม่อยู่ เข้าไปหากู้หยุนหลันน่าจะถูกต้องกว่า
แต่เสียใจตอนนี้ก็เปล่าประโยชน์ หลงห้าวเทียนหวังพึ่งบอดี้การ์ดทั้งสี่คนได้เพียงอย่างเดียว
หลังจากมองไปยังบอดี้การ์ดทั้งสี่ ที่นอนอยู่บนพื้น หลงห้าวเทียนรู้สึกสิ้นหวังทันที
บอดี้การ์ดทั้งสี่คนนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นเหมือนตาย แถมยังมีเลือดไหลออกจากปากพวกเขา
จู่ๆ หลงห้าวเทียนก็สติแตก ความหวังสุดท้ายสลายไปแล้ว เขาทำได้เพียงช่วยตัวเองเท่านั้น
หลงห้าวเทียนตื่นตระหนกและคิดหาวิธีเอาตัวรอด เขากัดฟันและวิ่งด้วยความเร็ว 120 แต่คนที่ปกติไม่ได้ฝึกซ้อมอย่างหลงห้าวเทียน ถึงแม้ตอนนี้จะแสดงอะไรเหนือธรรมชาติออกมา คงหนีได้ไม่เร็วสักเท่าไร
หลี่โม่ส่ายหน้าหัวเราะ เขาไม่ได้ตามหลงห้าวเทียนไป แต่เขาใช้เท้าเตะกระป๋องที่อยู่ข้างถนน
กระป๋องถูกหลี่โม่เตะออกไป ความเร็วของมันเสมือนกระสุนปืนใหญ่ เพียงพริบตาเดียว มันก็พุ่งไปกระแทกกับหลังของหลงห้าวเทียน
“พลั่ก!”
หลงห้าวเทียนกระอักเลือดออกมา เขาโงนเงนสองทีและล้มลงกับพื้น เขารู้สึกเหมือนกระดูกหลังหักไปหมดแล้ว
หลี่โม่เดินเข้าไปช้าๆ เขาหยุดลงข้างหลงห้าวเทียน และใช้เท้าขวาเหยียบลงบนแก้มของหลงห้าวเทียน
ใบหน้าอ่อนหวานของหลงห้าวเทียนบูดเบี้ยว การที่โดนคนใช้เท้าเหยียบหน้า ถือว่าเป็นเรื่องอัปยศสำหรับเขามาก
“ไอ้เวรเอ๊ย เอาเท้าของแกออกไปเดี๋ยวนี้!” หลงห้าวเทียนตะโกนออกมา
“ดูเหมือนว่านายไม่มีจิตสำนึกในการตกเป็นเชลย ตอนนี้นายไม่ใช่คุณชายของตระกูลหลงแล้ว แต่เป็นรางวัลทางสงครามของฉัน แค่ฉันใช้แรงนิดหน่อย ก็สามารถเหยียบหัวของนายให้แตกกระจุย”
คำพูดที่หลงห้าวเทียนกำลังจะตะโกนออกมา จู่ๆ ก็ติดอยู่ที่ลำคอจนไม่สามารถพูดออกมาได้
ตอนนี้เขากลายเป็นเชลยจริงๆ ชีวิตอยู่ในมือของหลี่โม่ จู่ๆ หลงห้าวเทียนก็ยอมจำนน
“อย่า อย่า เราใจเย็นกันก่อน มีเรื่องอะไรค่อยๆ พูดกันก็ได้”
“เมื่อกี้ทำไมนายถึงไม่พูดกันดีๆ ล่ะ ตอนนี้ฉันโกรธแล้ว พูดอะไรให้ฉันหายโกรธสิ ไม่งั้นฉันจะเหยียบหัวนายให้แตกกระจุย”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความน่าเกรงขามของหลี่โม่ หลงห้าวเทียนสั่นไปทั้งตัว เขาพูดอย่างหวาดกลัวว่า “ฉัน ฉันบอกแล้ว ปู่เป็นคนส่งฉันมา คนที่ถูกส่งมากับฉันอีกคนคือหลงโป หลงโปพาคนมีฝีมือมาเป็นจำนวนมาก เพื่อจัดการนาย คนที่พุ่งเป้ามาที่นายจริงๆ คือหลงโป”
“หลงโปงั้นเหรอ ดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่เข็ดสินะ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉันจะสั่งสอนเขาเอง”
หลี่โม่พูดจบ ก็ใช้พื้นรองเท้าบดขยี้ซีกหน้าของหลงห้าวเทียน ไม่นานใบหน้าอันอ่อนหวานของหลงห้าวเทียนก็เสียโฉมทันที
“อ๊าก! เจ็บโว้ย หน้าฉัน หน้าฉัน!”
หลงห้าวเทียนตวาดออกมาอย่างโมโห ใบหน้าคือสิ่งที่หลงห้าวเทียนให้ความสำคัญที่สุด แต่ตอนนี้โดนหลี่โม่ทำให้เสียโฉม ทำให้หลงห้าวเทียนเจ็บใจจนน้ำตาไหล
น้ำตาไหลลงมาถูกบาดแผล ยิ่งทำให้รู้สึกเจ็บบาดแผล หลงห้าวเทียนสลบไปพร้อมกับความเจ็บปวดและความโกรธ
เมื่อเห็นหลงห้าวเทียนสลบไป หลี่โม่แสยะยิ้ม และไม่คิดจัดการกับหลงห้าวเทียนอีก เขาเตะขาหลงห้าวเทียนจนหักทั้งสองข้าง ก่อนที่จะออกไป ให้เขาใช้ชีวิตอยู่บนรถเข็นไปตลอดชีวิต
กู้หยุนหลันกับเฉินเสี่ยวถงวิ่งเข้ามา และดึงหลี่โม่ออกมา
“รีบกลับกันเถอะ พวกเขาจะไม่มาแก้แค้นเราใช่ไหม” กู้หยุนหลันพูดอย่างเป็นกังวล
“ไม่ต้องกังวล ไม่มีเรื่องอะไรหรอก”
หลี่โม่พูดปลอบกู้หยุนหลัน จากนั้นจึงเรียกรถพาหญิงสาวทั้งสองกลับบ้าน
เมื่อกลับมาถึงคฤหาสน์ กู้เจี้ยนหมินกวักมือเรียกหลี่โม่ “หลี่โม่ มานี่หน่อย ฉันมีเรื่องลำบากใจจะคุยกับนายนิดหน่อย”
หลี่โม่เดินเข้าไปด้วยความสงสัย ไม่รู้พ่อตาจะคุยอะไรกับเขา
“พ่อมีอะไรเหรอ”
หลังจากกู้เจี้ยนหมินมองกู้หยุนหลัน ที่อยู่ข้างหลังหลี่โม่ และเหลือบมองหวังฟางที่นั่งอยู่ไม่ไกล เขาพูดอย่างมีเลศนัยว่า “นายตามฉันมา เราไปคุยกันที่ห้องหนังสือ”
หลี่โม่ยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่ จากนั้นจึงเดินตามกู้เจี้ยนหมินไปที่ห้องหนังสือ
หลังจากทั้งสองคนเข้ามาในห้องหนังสือ กู้เจี้ยนหมินมองไปข้างนอกห้องอย่างหวาดระแวง จากนั้นจึงปิดประตูห้องลง
“หลี่โม่ ฉันเจอปัญหาที่จัดการยาก เพื่อนผู้หญิงสมัยเรียนของฉัน เพิ่งโทรมาบอกว่า……”
หลี่โม่มองพ่อตาอย่างอึ้งๆ “พ่อ คงไม่ใช่เพื่อนสมัยเรียนธรรมดาใช่ไหม เป็นรักแรกของพ่อหรือเปล่า พ่อคงไม่ได้จะเปลี่ยนแม่ยายให้ผมหรอกนะ”
กู้เจี้ยนหมินหน้าแดง และโบกมือพัลวัน “จะเปลี่ยนแม่ยายให้นายได้ยังไงกันล่ะ ถึงพ่อตาของนายจะโลภไปหน่อย แต่ด้านอื่นๆ ก็ยังดีอยู่นะ เพื่อนสมัยเรียนคนนั้น คือรักแรกของฉันจริงๆ เธอไม่เคยขอความช่วยเหลือจากฉันเลย นี่เป็นครั้งแรกที่เธอมาขอความช่วยเหลือ ฉันรู้สึกกระอักกระอ่วนนิดหน่อย”
หลี่โม่แสร้งเอามือปาดเหงื่อ เขามองกู้เจี้ยนหมินอย่างไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี และรอให้กู้เจี้ยนหมินพูดต่อ
กู้เจี้ยนหมินเล่าเรื่องออกมาด้วยความกระอักกระอ่วน จากนั้นจึงยิ้มแหยและพูดว่า “เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละ ลูกสาวของเธอเป็นวัยรุ่นที่มีความสามารถ ไม่รู้ทำไมถึงโดนคนอื่นครอบงำ ตอนนี้พนันทรัพย์สินของครอบครัวกับคนอื่น ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอไปได้ยินชื่อเสียงของนายมาจากไหน เธออยากให้นายช่วยไกล่เกลี่ยเรื่องนี้ ให้ธุรกิจของลูกสาวเธอยังอยู่ต่อ ฉันไม่มีทางเลือก เลยจำใจรับปากไป”
หลี่โม่เกาหัว เขาคิดว่านี่ไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร ก็แค่รับมือกับพวกต้มตุ๋นเท่านั้น ลงมือสักนิดหน่อยก็จบแล้ว
อีกทั้งยังมีศักดิ์ศรีของพ่อตาด้วย ถ้าปฏิเสธคงจะไม่เหมาะ
“ได้ พรุ่งนี้ผมจะไป ผมจะจัดการเรื่องให้เรียบร้อย”
“ดีเลย ฝากนายด้วยนะ เดี๋ยวฉันจะส่งข้อความไปหาเธอ นายอย่าบอกหยุนหลันนะ ถ้าขืนเรื่องนี้หลุดไปถึงหูแม่ยายของนาย ฉันซวยแน่”
กู้เจี้ยนหมินพูดจบ ก็ตบบ่าหลี่โม่ เขาแสดงท่าทีซาบซึ้งและเชื่อใจโดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
หลี่โม่พยักหน้า และพูดอย่างจริงจังว่า “พ่อวางใจเถอะ ผมไม่บอกแน่นอน เรื่องนี้มีแค่ผมกับพ่อเท่านั้นที่รู้”
“โอเค เราออกไปกันเถอะ บอกไปว่าฉันคุยเรื่องหนังสือเรื่องภาพวาดกับนายแล้วกัน อย่าหลุดปากล่ะ”
กู้เจี้ยนหมินเอ่ยกำชับหลี่โม่ จากนั้นจึงเดินออกจากห้องหนังสือพร้อมกับหลี่โม่
เมื่อมาถึงห้องนั่งเล่น หวังฟางถามทั้งสองคนว่าแอบไปคุยอะไรกัน หลี่โม่กับกู้เจี้ยนหมินทำให้เรื่องจบลงอย่างสวยงาม
คนในครอบครัวนั่งดูทีวีกัน พูดคุยกันครู่หนึ่ง และแยกย้ายกันกลับไปพักผ่อนที่ห้อง
หลี่โม่ขึ้นมาบนเตียงและพูดเบาๆ ว่า “คุณภรรยา พรุ่งนี้ผมต้องไปช่วยพ่อตา ดูภาพๆ หนึ่ง คงไม่ได้ไปบริษัทกับคุณ”