จักรพรรดิมังกร - บทที่ 691 ฉันก็เป็นคนมีเมตตาคนหนึ่งเหมือนกัน
“ที่แกพูดมันหมายความว่ายังไง? เกิดเป็นคนอย่าโหดร้ายให้มันมากนัก หัดรู้จักเหลือทางถอยไว้บ้างนะโว้ย ถ้าแกคิดจะกำจัดกันทิ้งให้สิ้นซากจริง ๆ ล่ะก็ ฉันก็จะไม่ใช่ว่าจะไม่มีไพ่ตายหรอกนะ!”
มังกรดำเช็ดคราบเลือดที่มุมปาก หรี่ตามองไปทางหลี่โม่ ค่อย ๆ เดินถอยหลังไปสองก้าว จนกลับไปอยู่ข้าง ๆ เจินจาหนาน
เจินจาหนานยื่นมือออกไปคว้าเสื้อของมังกรดำ แล้วพูดอย่างวิตกจริตสุดขีด “มังกรดำ รีบขึ้นไปซัดมันเร็ว ๆ สิวะ ฆ่ามันซะ! จะปล่อยให้มันมีชีวิตอยู่ไม่ได้นะโว้ย! ถ้าวันนี้ฆ่ามันไม่ได้ วันหลังจะต้องถูกมันไล่ตามฆ่าแน่!”
“ขอโทษด้วยคุณชายเจิน!” ประกายโหดเหี้ยมปรากฏวาบขึ้นในดวงตาของมังกรดำ มือซ้ายคว้าเข้าที่แขนของเจินจาหนาน ออกแรงกระแทกเจินจาหนานออกไปเหมือนซัดอาวุธลับไปทาง หลี่โม่ จากนั้นก็หันหลังแล้วชักเท้าวิ่งหนีไปทันที
มังกรดำคิดจะใช้เจินจาหนานเป็นตัวช่วยประวิงเวลา เพื่อที่ตัวเองจะได้หนีไปได้
เจินจาหนานผู้ซึ่งถูกกระแทกจนลอยละลิ่วออกไป ในใจมีแต่คำด่าพ่อล่อแม่วิ่งพล่านอยู่ในหัวนับไม่ถ้วนที่อยากจะส่งออกไปให้มังกรดำ
“มังกรดำ! f*ck…โคตรพ่อโคตรแม่มึงเอ๊ย! ไอ้หมาเนรคุณเลี้ยงไม่เชื่อง! นี่มึงกำลังขุดหลุมดักกูชัด ๆ ! “เจินจาหนานแหกปากร้องตะโกนดังลั่น
“ถ้าคิดจะหนีก็พูดมาตรงๆ สิ ฉันก็ไม่ได้จะห้ามไม่ให้แกไปซะหน่อย ในเมื่อเล่นไปแบบไม่บอกไม่กล่าวอย่างนี้ เห็นทีฉันคงต้องให้ของขวัญแกซักหน่อยแล้ว”
หลี่โม่พูดพึมพำเบา ๆ ประโยคหนึ่ง แล้วเตะก้อนหินที่อยู่ข้างเท้าของเขาขึ้นไป หินก้อนนั้นพุ่งทะยานออกไปเหมือนกระสุนปืนที่ถูกยิงออกจากรังปืน พุ่งตรงดิ่งไปทางมังกรดำ
มังกรดำที่ตั้งหน้าตั้งตาวิ่งหนีอย่างบ้าคลั่ง ไม่ได้สังเกตเห็นก้อนหินที่ไม่เด่นสะดุดตา ซึ่งกำลังลอยเข้ามาจากทางด้านหลังเลยซักนิด
ชั่วขณะนั้นเอง เจินจาหนานก็ลอยละลิ่วไปถึงตรงหน้าของหลี่โม่พอดี หลี่โม่ยกขาขึ้นจนสูง จากนั้นก็ตวัดฝ่าเท้าลงพื้นทันที พื้นรองเท้าเหยียบเข้าที่แก้มของเจินจาหนานเต็มเปา ตวัดเอาเจินจาหนานลงไปเหยียบอัดลงกับพื้นเต็ม ๆ
เจินจาหนานที่ร่วงลงบนพื้นหนัก ๆ รู้สึกว่ากระดูกทั้งตัวแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ตอนที่ร่วงลงไป ทั้งเนื้อทั้งตัวเต็มไปด้วยความเจ็บปวดแสบร้อนจนแทบจะลุกเป็นไฟ
เมื่อรู้สึกว่าพื้นรองเท้าของหลี่โม่เหยียบลงบนแก้มของตนเองอีกครั้ง ความอับอายขายหน้าของเจินจาหนานก็ระเบิดขึ้นในทันใด
“หลี่โม่! แกรีบปล่อยฉันเดี๋ยวนี้เลยนะโว้ย! ตระกูลเจินของพวกเราไม่ใช่พวกที่จะให้ใครมาดูถูกได้ง่ายๆ นะ! ถ้าแกกล้าทำร้ายฉันแม้แต่ปลายขนซักเส้นล่ะก็ ปู่ของฉันต้องฆ่าแกแน่! ปู่ของฉันรู้จักผู้มีอิทธิพลของสำนักหลงเหมิน!
สำนักหลงเหมินน่ะ แกรู้จักมั้ย ? นั่นคือสำนักที่ทรงพลังอย่างไม่มีใครเทียบเทียมได้ ซ่อนเร้นปลีกวิเวกจากโลกใบนี้ ขอแค่สำนักหลงเหมินส่งยอดฝีมือมาซักคน ก็สามารถบดขยี้พวกแกทั้งตระกูลให้ตายแบบไม่เหลือซากได้แล้ว! ”
เพื่อจะรักษาชีวิตตัวเอง เจินจาหนานถึงกับโพล่งความลับของตระกูลออกมา หวังจะใช้ความลับของตระกูลมาทำให้หลี่โม่ตกใจ
หลี่โม่ได้ยินคำพูดของเจินจาหนาน กลับอดหัวเราะออกมาไม่ได้ เขาคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าเบื้องหลังตระกูลของเจินจาหนาน จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับสำนักหลงเหมินด้วย ไม่รู้เหมือนกันว่าตระกูลของพวกเขา เป็นลูกศิษย์ของราชามังกรท่านไหน
ราชามังกรทั้งแปดแห่งสำนักหลงเหมินล้วนมีอิทธิพลของตัวเอง แต่ละคนต่างก็มีตระกูลมากมายมาอาศัยพึ่งพาบารมี ราชามังกรหนึ่งคน สามารถเปลี่ยนรูปแบบของอุตสาหกรรมหนึ่งรูปแบบได้อย่างง่ายดาย
“สำนักหลงเหมินน่ะเหรอ นี่ทำให้ฉันกลัวแทบตายเลยนะเนี่ย ฉันเคยได้ยินมาว่าในสำนักหลงเหมินมีราชามังกรอยู่แปดคน ไม่รู้ว่าตระกูลเจินของแกพึ่งพาราชามังกรคนไหนอยู่ล่ะ?” หลี่โม่ถามด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ไม่มีท่าทีหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย
เจินจาหนานตกตะลึงอึ้งค้างอย่างสมบูรณ์ไปแล้ว แค่หลี่โม่รู้จักสำนักหลงเหมินก็เพียงพอที่จะทำให้เจินจาหนานตกใจได้แล้ว แต่หลี่โม่ยังรู้อีกด้วยว่า ในสำนักหลงเหมินมีราชามังกรอยู่แปดคน นี่ยิ่งทำให้เจินจาหนานตกตะลึงจนคุมสติไม่อยู่ไปโดยปริยาย
สำหรับคนส่วนใหญ่ ตลอดทั้งชีวิต อาจไม่เคยได้ยินถึงการดำรงอยู่ของสำนักหลงเหมินเลยแม้แต่ครั้งเดียว ยิ่งไม่มีทางจะรู้ได้ว่าในสำนักหลงเหมินมีราชามังกรอยู่แปดคน
ต่อให้เป็นเจินจาหนาน ก็เป็นเพราะสถานการณ์ที่บังเอิญมากจริง ๆ ถึงได้รู้ว่าตระกูลเกี่ยวข้องกับสำนักหลงเหมิน และอยู่ภายใต้อาณัติของราชาใหญ่ของสำนักหลงเหมิน
“แก แกรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง? นี่แกเป็นใครกันแน่ ? เป็นไปไม่ได้ที่คนธรรมดาจะรู้เรื่องนี้ สรุปแล้วแกมีสถานะอะไรกันแน่?!” เจินจาหนานถามด้วยความหวาดกลัว น้ำเสียงก็เริ่มจะสั่นสะท้านขึ้นมาแล้ว
เฉินชิงเหมยมองหลี่โม่ด้วยความประหลาดใจ แม้จะไม่รู้ว่าสำนักหลงเหมิน ราชามังกรทั้งแปด ที่สองคนนี้คุยกันคืออะไร แต่ก็ไม่อาจเลี่ยงผลการสรุปของเฉินชิงเหมยที่ว่า ตัวตนของหลี่โม่นั้นต้องไม่ธรรมดาไปได้
เจินจาหนานเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลเจิน ตระกูลเจินเป็นตระกูลที่มีอำนาจมากในแถบตะวันตกเฉียงใต้ สำนักหลงเหมินที่ตระกูลเจินยังต้องไปขอพึ่งพาบารมี แน่นอนว่านั่นต้องไม่ใช่อิทธิพลในระดับธรรมดา แค่ต้องใช้เหตุผลเชิงตรรกะง่าย ๆ มาลองวิเคราะห์ ในที่สุดเฉินชิงเหมยก็สามารถสรุปข้อเท็จจริงจำนวนหนึ่งออกมาได้ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ทำให้เธอตกใจมาก
“ฉันมีสถานะอะไรไม่สำคัญ แต่คนกาก ๆ อย่างแกควรจะสนใจชีวิตน้อย ๆ ที่แทบจะไร้ค่าของตัวเองก่อนจะดีกว่านะ” หลี่โม่โน้มตัวลงไปมองเจินจาหนาน
เจินจาหนานตกใจจนผงะ กลับมามีสติอีกครั้ง รู้ว่าสถานการณ์ของตัวเองตอนนี้อยู่ระหว่างความเป็นความตายเพียงแค่เส้นบาง ๆ กั้นแล้ว
เจินจาหนานน้ำตาไหลอาบนองออกจากสองตา พูดอ้อนวอนพลางร้องห่มร้องไห้ “คุณหลี่ครับ! ผมผิดไปแล้ว ที่เมื่อกี้ที่มังกรดำมันลงไม้ลงมือกับคุณ มันไม่เกี่ยวอะไรกับผมเลยนะ เมื่อกี้ผมมันปากพล่อยไปเอง ผม … ผมจะขอตบปากตัวเอง เป็นการชดใช้ให้คุณดีมั้ยครับ?”
เจินจาหนานพูดจบ ก็ยกมือขึ้นแล้วตบเข้าที่ปากตัวเองฉาดใหญ่ ตบจนปากแดงช้ำบวมเป่งขึ้นมาเลยทีเดียว
หลี่โม่มองเขาอย่างเย็นชา ไม่แสดงสีหน้าท่าทางอะไรออกมาทั้งสิ้น
เฉินชิงเหมยมองหลี่โม่ด้วยสีหน้าที่เหมือนคนสติหลุดไปแล้ว ยังคงไม่ฟื้นจากการให้เหตุผลตัวเองเกี่ยวกับสถานะอันแสนลึกลับของหลี่โม่
สำนักหลงเหมินเป็นองค์กรประเภทไหน ? ดูเหมือนว่าหลี่โม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับสำนักหลงเหมินไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เจินจาหนานประกาศออกมาแล้วชัด ๆ ว่ามีสำนักหลงเหมินอยู่เบื้องหลัง หลี่โม่ก็ยังกล้าทำกับเขาอย่างนี้ นั่นแสดงให้เห็นว่าคนหนุนหลังของหลี่โม่ต้องเหนือชั้นขึ้นไปแบบห่างไกลเลยทีเดียว!
เฉินชิงเหมยมองไปที่ดวงตาของหลี่โม่ที่ค่อย ๆ หรี่ปรือลง ในสมองไม่รู้ว่าแล้วกำลังคิดอะไรอยู่
เจินจาหนานตบปากตัวเองอยู่เป็นนาน มือทั้งเจ็บทั้งแสบไปหมด แต่หลี่โม่ก็ยังคงไม่เรียกให้หยุด ทั้งไม่แสดงท่าทีอะไรออกมาให้เห็น ซึ่งทำให้เจินจาหนานเสียใจชนิดยากจะหาอะไรเปรียบแล้วในตอนนี้
เจินจาหนานที่เวลานี้รู้สึกว่าตัวเองยกแขนไม่ไหวแล้ว จำใจต้องหยุดลงในที่สุด มองหลี่โม่อย่างวิตกจริตแล้วพูดว่า “คุณหลี่ แขนของผมไม่มีแรงแล้ว ตบไม่ไหวแล้วจริง ๆ คุณรู้สึกหายโกรธบ้างรึยังครับ?”
“อื้ม ตบไม่ไหวก็ไม่ต้องตบแล้ว ฉันยังนึกว่าแกจะตบซักทีสองทีก็หยุดแล้วซะอีก ไม่นึกว่าแกจะซื่อตรงขนาดนี้”
เจินจาหนานสติแตกอย่างสิ้นเชิงแล้วจริง ๆ คิดไม่ถึงว่าตบหน้าตัวเองอยู่ตั้งนาน สุดท้ายจะได้รับประโยคแบบนี้มาประโยคหนึ่ง ถ้ารู้ว่าจะเป็นยังงี้ก็ไม่ต้องเปลืองแรงตบปากตัวเองแล้ว ไอ้เวรนี่เป็นปีศาจชัดๆ!
“คุณหลี่ คุณปล่อยผมไปเถอะนะครับ คุณเอาชีวิตผมไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก ถ้าผมกลับไปแล้ว ยังสามารถไปพูดกล่อมคุณปู่ให้ร่วมมือกับกลุ่มหยุนจงหลันกรุ๊ป แล้วมอบผลประโยชน์ส่วนใหญ่ให้กับหยุนจงหลันกรุ๊ปทั้งหมด แบบนี้ดีมั้ยครับ?” เจินจาหนานพูดด้วยความหวาดกลัวลนลาน
“ฟังดูไม่เลวนะ แต่ฉันไม่เชื่อแก”
“แต่คุณต้องเชื่อผมนะ! สิ่งที่ผมพูดมาจากก้นบึ้งของหัวใจเลย เมื่อกี้คุณก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอว่าผมซื่อตรงขนาดไหน ผมเป็นคนซื่อสัตย์มาก ไม่เคยพูดโกหกเลยซักครั้ง ผมพูดอะไรไว้ก็จะต้องทำให้ได้ตามนั้นอย่างแน่นอน”
หลี่โม่ลูบคางตัวเอง “ฉันก็เป็นคนมีเมตตาคนนึงล่ะนะ แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ชอบเรื่องที่มันต้องนองเลือดซักเท่าไหร่ ยิ่งเรื่องฆ่าคนด้วยแล้ว ฉันล่ะไม่ชอบเลยจริง ๆ งั้นแกก็กลับไปบอกปู่แกซักประโยคละกัน”
เจินจาหนานคิดไม่ถึงว่า ตัวเองจะเหมือนได้เกิดใหม่หลังเผชิญกับความตาย จึงรีบพูดด้วยความตื่นเต้นเกินบรรยายว่า “คุณหลี่เชิญพูดมาได้เลยครับ ผมสาบานว่าจะเอาไปพูดแบบครบถ้วนไม่มีตกหล่นซักคำแน่นอน”
“ไปบอกปู่ของแกนะว่า ฉันต้องการหลักฐานที่แสดงถึงการทำชั่วของคนกลุ่มหนึ่ง ขอแค่เขาสามารถมอบมันให้ฉันได้ เรื่องนี้ก็จะถือว่าเลิกแล้วกันไป แต่ถ้าเขาไม่ยอมให้ งั้นตระกูลเจินของแกก็เตรียมล้างคอรอวันถูกทำลายจนพินาศได้เลย”