จักรพรรดิมังกร - บทที่ 693 ลองให้เขาบุกฆ่าเข้ามาซักหน่อยแล้วกัน
เครื่องบินเจ็ตส่วนตัวเริ่มสไลด์ตัวบนรันเวย์ เสวียนอู่ผู้ซึ่งเดินมาตรงหน้าหลงโป เอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ในที่สุดก็ถึงเวลาให้ผมออกโรงซะที คุณจะให้ผมฆ่าครอบครัวของมันด้วยไหม?”
ตามแผนเดิม หลงโปตั้งใจไว้ว่าจะให้ลูกน้องที่เป็นยอดฝีมือไปดักซุ่มโจมตีหลี่โม่ แต่มาตอนนี้ หลงโปเปลี่ยนความคิดของตัวเองแล้ว
เนื่องจากการเคลื่อนไหวเล็ก ๆ ก่อนหน้านี้ของอู๋เต้าเหวินที่พยายามจะเข้าใกล้หลี่โม่ ทำให้หลงโปรู้สึกว่าหากเขาดำเนินการตามแผนเดิมต่อไป อาจเสี่ยงที่จะเกิดเรื่องเหนือคาด ไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ก็เป็นได้
เมื่อรวมกับข้อเท็จจริงที่ว่า หลงโปได้ติดต่อกับกู้เจี้ยนกั๋วในหลายวันที่ผ่านมา หลงโปจึงมีความรู้สึกว่าให้กู้เจี้ยนกั๋วพาเสวียนอู่ไปฆ่าหลี่โม่เลยตรง ๆ น่าจะเป็นแผนที่เหมาะสมกว่า
ในส่วนความแข็งแกร่งของเสวียนอู่ หลงโปเชื่อถือเต็มที่ ในบรรดาสิบอันดับยอดฝีมือที่ราชาใหญ่ส่งมาให้เขา เสวียนอู่นับเป็นหนึ่งในยอดฝีมือที่อยู่ในอันดับต้น ๆ เลยทีเดียว
“แกแสร้งทำเป็นเพื่อนของกู้เจี้ยนกั๋ว ตามกู้เจี้ยนกั๋วไปที่บ้านของหลี่โม่ซะ หลังจากฆ่าหลี่โม่แล้ว ให้เอาหัวของมันกลับมาด้วย ฉันจะใช้หัวของมันแทนกระโถน!”
หลงโปไม่สามารถระงับความโกรธในใจได้เลย ในดวงตาแทบจะมีเปลวไฟลุกขึ้นมาให้ได้แล้ว เกือบจะอดรนทนไม่ไหว อยากเห็นหัวกับตัวของหลี่โม่แยกกันอยู่กับตาตัวเองซะเดี๋ยวนี้
เสวียนอู่พยักหน้า ไม่พูดอะไรมาก แค่หันหลังแล้วเดินไปที่รถเอสยูวีที่จอดอยู่ไม่ไกล
หลงโปหันหน้าไปมองชายชราชุดดำที่อยู่ข้าง ๆ แล้วพูดว่า “ท่านเฮย คุณคิดว่าเสวียนอู่อยู่ระดับไหน? พอจะฆ่าหลี่โม่ได้รึเปล่า?”
ชายชราชุดดำเปล่งเสียงพูดแหบห้าว ฟังดูเหมือนโลหะสองชิ้นที่บดเบียดเสียดสีกันไปมา เป็นอะไรที่ฟังแล้วรู้สึกเสียดหูมาก
“พลังภายในของเสวียนอู่นั้นคือระดับสูง วิชาวรยุทธ์ก็ไม่อ่อนด้อย ส่วนเจ้าหลี่โม่นั่นฉันไม่เคยเห็นเขา จึงไม่รู้ระดับของเขา แต่ถ้าเขาเป็นแค่ชายหนุ่มอายุยี่สิบต้น ๆ จริง ต่อให้ฝึกวิชามาตั้งแต่ในท้องแม่ ความแข็งแกร่งของพลังภายในสูงที่สุดก็น่าจะอยู่ในระดับสูงอย่างน้อยเสวียนอู่ก็ต้องสู้ได้สูสีกับหลี่โม่นั่นแหล่ะ”
หลงโปคิดไตร่ตรองเงียบ ๆ ครู่หนึ่ง ก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า: “ดูเหมือนว่าครั้งนี้ที่เชิญท่านเฮยมาด้วยจะเป็นความคิดที่ถูกต้องจริง ๆ งั้นเราก็ให้เสวียนอู่ไปสำรวจเส้นทางก่อน ลองวัดระดับของหลี่โม่ดู ถ้าเสวียนอู่รับมือหลี่โม่ไม่ได้ ถึงเวลานั้นผมก็คงต้องรบกวนท่านเฮยช่วยออกโรงแล้ว”
“ตกลงตามนั้น ค่าตอบแทนที่คุณหลงมอบให้ฉันพอใจมาก รับเงินเขามาแล้ว ไปช่วยกำจัดภัยพิบัติที่มารังควานเขาก็นับว่าเป็นเรื่องที่สมควรแล้ว”
ท่านเฮยผู้นี้เป็นยอดฝีมือที่หลงโปเชิญมาจากเซียงซีด้วยเงินจำนวนมหาศาล ไม่เพียงทักษะด้านวรยุทธ์จะสูงมาก แต่ยังรวมไปถึงเชี่ยวชาญในศาสตร์วิชากู่เซียงซีอีกด้วย
เพื่อที่จะทำภารกิจให้สำเร็จ คือการฆ่าหลี่โม่ให้ได้ หลงโปยอมทุ่มทุนเอาเงินที่เก็บหอมรอมริบไว้ส่วนใหญ่ออกมา เพื่อจะเชิญท่านเฮยผู้นี้มาทำงานให้
แม้ว่าหลงโปจะไม่ได้มองแง่ดีเกี่ยวกับการต่อสู้ระหว่างเสวียนอู่กับหลี่โม่ แต่หลงโปก็ไม่ใส่ใจอะไรมากนัก เพราะเดิมที เขาก็คิดจะใช้เสวียนอู่เป็นตัวทดสอบอยู่แล้ว
ถ้าเสวียนอู่ชนะได้ย่อมดีที่สุด แต่ถ้าแพ้ขึ้นมา ก็ยังมีท่านเฮยเป็นกองหลังช่วยเสริมทัพให้ได้
หลงโปพาท่านเฮยกับลูกน้องของตัวเองออกจากสนามบิน ขับรถมุ่งตรงไปยังเมืองฮ่าน
………..
หลังจากรับกู้เจี้ยนกั๋วแล้ว เสวียนอู่ก็ขับรถไปที่คฤหาสน์บนยอดเขา ตามการชี้นำทางของกู้เจี้ยนกั๋ว
หลังจากเรื่องที่เกิดในงานเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่ คางเหวินซิงจึงแนะนำให้ส่วนกลางของชุมชนเพิ่มยามรักษาการณ์อีกแห่งที่หน้าคฤหาสน์ เพื่อรักษาความปลอดภัยให้ครอบครัวของหลี่โม่
ในเวลานั้นเสวียนอู่ขับรถไปถึงประตูทางเข้า ก็ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนหยุดเอาไว้ที่ป้อมยาม
กู้เจี้ยนกั๋วขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ที่นี่มีป้อมยามรักษาการณ์ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ครั้งก่อนที่มา ฉันยังไม่เห็นป้อมยามเลยนะ”
“ฮะๆ จะมีหรือไม่มีมันก็ไม่สำคัญหรอก ก็แค่เรื่องลงมืออัดคนให้เละ ถือซะว่าเป็นการอุ่นเครื่องไปก็แล้วกัน”
เสวียนอู่สะบัด ๆ ข้อมือ ดึงประตูเปิดออกแล้วลงจากรถ
ตอนที่ยามรักษาความปลอดภัยทั้งสองกำลังจะสอบถาม เสวียนอู่ก็ต่อยเข้าใส่พวกเขาตรง ๆ แบบไม่พูดพร่ำทำเพลง
รปภ.ทั้งสองเป็นคู่มือให้เสวียนอู่ได้เสียที่ไหนกัน เพียงชั่วขณะที่ไม่ทันได้ระวังตัว ก็ถูกเสวียนอู่ต่อยเข้าเต็ม ๆ จนล้มลงไปนอนกองกับพื้น
“หลี่โม่อยู่ไหน? ให้มันไสหัวออกมาหาฉันเดี๋ยวนี้!”
รปภ.ทั้งสองกระอักเป็นฟองเลือดจนกบปาก ตะเกียกตะกายลุกขึ้นด้วยความตื่นตระหนก แล้วรีบถอยหลังออกไปทันที
“พวกแกเป็นใครกันแน่! คุณหลี่ไม่ใช่คนธรรมดาที่ใครอยากเจอก็เจอได้หรอกนะ!”
“หนวกหูเป็นบ้า! แกอยากให้ฉันฆ่าแกรึไงวะ!”
รปภ.อีกคนไม่กล้าพูดอะไรมาก รีบวิ่งไปที่ประตูใหญ่หน้าทางเข้าคฤหาสน์ แล้วกดอินเตอร์คอมทันที
หลังจากที่แม่บ้านกับ รปภ. พูดกันได้สองสามประโยค ก็รีบร้อนไปรายงานกู้เจี้ยนหมินด้วยความตื่นตระหนก
ในเวลานั้นเสวียนอู่ก็ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า: “หลี่โม่มันจะออกมาเมื่อไหร่ ? ถ้าภายในสามนาทีหลี่โม่มันยังไม่ออกมาอีกล่ะก็ ฉันจะฆ่าล้างบางเข้าไปแล้วนะโว้ย!”
“เดี๋ยวก่อน! พวกเราเป็นแค่ยามรักษาความปลอดภัย เราไม่สามารถตัดสินใจแทนได้ ฉันได้แจ้งรายงานไปแล้ว คุณหลี่น่าจะออกมาเร็ว ๆ นี้แหล่ะ”
เสวียนอู่แค่นเสียงเย็นชาขึ้นมาเสียงหนึ่ง ยกเท้าข้างหนึ่งขึ้นกระทืบหินขนาดใหญ่ที่อยู่ริมทาง จนมันแตกกระจายกลายเป็นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
รปภ.สองคนตกใจกลัวจนฉี่ราด ลนลานถอยห่างออกไปจนไกลลิบ
กู้เจี้ยนกั๋วมองก้อนหินขนาดใหญ่ที่ถูกเสวียนอู่บดขยี้จนแหลกเป็นชิ้น ๆ ในใจก็แอบตกตะลึงในความสามารถของเสวียนอู่อย่างมาก
หลังผ่านความตกตะลึง ดวงตาของกู้เจี้ยนกั๋วก็เปล่งประกายวาบด้วยความตื่นเต้น
“นี่มันช่างเข้าทางฉันอย่างกับสวรรค์เป็นใจจริง ๆ กำลังง่วงนอนสัปหงกอยู่ดี ๆ ก็มีคนเอาหมอนมายื่นให้ถึงที่ คนที่ร้ายกาจขนาดนี้มาหาเรื่องหลี่โม่ถึงหน้าบ้าน จากนี้ก็แค่นั่งรอดูหมอคนนี้ฆ่าไอ้ลูกกระต่ายหลี่โม่นั่นไปซะก็พอ!” กู้เจี้ยนกั๋วยิ้มเย้ยหยันพลางพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วต่ำ
กู้เจี้ยนกั๋วยกยิ้มเต็มใบหน้า เดินหัวเราะร่าไปทางเสวียนอู่: “น้องชายช่างเก่งกาจซะจริง ๆ เลย ไอ้สารเลวหลี่โม่นั่นสมควรโดนจัดการ … ”
เสวียนอู่หรี่ตามองไปทางกู้เจี้ยนกั๋ว กระทืบเท้าลงบนพื้นหนัก ๆ ครั้งหนึ่งอย่างเหลืออด
ปึง!
หลังสิ้นเสียงดังสนั่น รอยเท้าลึก ๆ รอยหนึ่งก็ปรากฏขึ้นบนพื้นปูหินแกรนิตชนิดแข็ง พื้นหินแกรนิตรอบๆ รอยเท้านั้นเต็มไปด้วยรอยร้าวมากมายจนนับไม่ถ้วน
“ถ้ายังพล่ามอะไรไร้สาระอีก จุดจบของแกจะมีสภาพไม่ต่างจากนี้” เสวียนอู่พูดด้วยด้วยท่าทีที่แผ่ไอสังหารจนเต็มเปี่ยม: “แกเป็นญาติหน้าโง่ของไอ้หลี่โม่มันไม่ใช่รึไง รีบให้ไอ้หลี่โม่มันไสหัวออกมารอรับความตายซักทีสิวะ!”
เสวียนอู่มาที่นี่แบบไม่คิดว่าจะทำตามแนวคิดของหลงโปเลยซักนิด เขารู้สึกว่ามันยุ่งยากน่ารำคาญเกินไป อีกทั้งเสวียนอู่ก็มีความมั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเองอย่างเต็มเปี่ยม รู้สึกว่าตัวเองสามารถกวาดล้างหลี่โม่แบบขุดรากถอนโคนได้อย่างแน่นอน
กู้เจี้ยนกั๋วกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดฝืน หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วรีบโทรหาหลี่โม่ทันที
หลี่โม่มองดูเบอร์โทรของกู้เจี้ยนกั๋วที่ปรากฏบนโทรศัพท์มือถือ ก็ขมวดคิ้วมุ่นพลางกดรับโทรศัพท์
น้ำเสียงโกรธเกรี้ยวของกู้เจี้ยนกั๋วที่แผดออกมา ดังสนั่นราวกับสิงโตคำรามก็ไม่ปาน : “หลี่โม่ ไอ้ดาวหายนะตัวอัปมงคล คนที่เขาอยากฆ่าแกมารออยู่หน้าประตูนี่แล้ว แกยังไม่รีบออกมารอรับความตายอีกเหรอวะ!”
หลี่โม่ยิ้มน้อย ๆ หันไปมองกู้เจี้ยนหมินที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา พลางพูดขึ้นว่า: “ดูเหมือนว่าคนที่มาก่อกวนสร้างปัญหาที่ด้านนอก จะเป็นคนที่ลุงพามานะครับ คุณพ่อตา ผมควรจะสอนบทเรียนให้ลุงซักหน่อยดีมั้ย?”
“เธอ… ทำตามที่เห็นสมควรเถอะ แต่ยังไงก็อย่าฆ่าแกงกันให้ถึงตายเลยนะ แค่ให้บทเรียนเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็พอแล้วล่ะ” กู้เจี้ยนหมินพูดพลางขมวดคิ้วมุ่น
บทสนทนาระหว่างหลี่โม่กับกู้เจี้ยนหมิน ดังผ่านสัญญาณมือถือไปจนถึงหูของกู้เจี้ยนกั๋ว ทำให้เขาโกรธจัดจนสั่นเทิ้มไปทั้งตัว
“หลี่โม่! ถ้าแกไม่ออกมาภายในสามนาทีนี้ล่ะก็ คุณเสวียนอู่จะบุกเข้าไปแล้วนะโว้ย! ถึงตอนนั้นคนที่จะตายจะไม่ใช่แค่แกคนเดียว แต่เป็นทั้งครอบครัวของแก! รีบไสหัวออกมารับความตายซะ!” กู้เจี้ยนกั๋วแหกปากตะโกนใส่โทรศัพท์อย่างเดือดจัด
กู้เจี้ยนกั๋วปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก กระทืบเท้าเร่า ๆ พลางแผดเสียงตะโกน ไม่ลืมหันมาส่งยิ้มแหย ๆ ให้เสวียนอู่ด้วยเป็นครั้งคราว
หลี่โม่แสดงสีหน้าสัพยอกเต็มที่ พูดอย่างช้า ๆ ว่า: “น่าเสียดายจริงๆ นะ แค่ในสามนาทีฉันคงจะออกไปไม่ได้จริง ๆ นั่นแหล่ะ น่าจะออกไปได้ในประมาณสี่นาที หรือไม่ลุงก็ลองให้เขาบุกฆ่าเข้ามาซักหน่อยก็แล้วกัน”