จักรพรรดิมังกร - บทที่ 694 ไม่บอกแล้วฉันจะรู้ได้ยังไงล่ะ
“หลี่โม่! แกมันรนหาที่ตาย! ไอ้ลูกกระต่ายเอ๊ย! แกเตรียมล้างคอรอโดนเชือดได้เลย!” กู้เจี้ยนกั๋ว ขว้างโทรศัพท์ทิ้งด้วยความโกรธ แล้วหันไปพูดกับเสวียนอู่ด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า: “พี่เสวียนอู่ก็ได้ยินแล้วใช่มั้ยครับ หลี่โม่มันไม่ไว้หน้าผมเลยซักนิด อีกเดี๋ยวคุณจะต้องช่วยผมจัดการมันนะครับ ฆ่ามันได้ก็ยิ่งดีเข้าไปใหญ่!”
เมื่อเห็นกู้เจี้ยนกั๋วในสภาพประจบสอพลอจนแทบจะเห็นหางกระดิก ดวงตาของเสวียนอู่ก็เต็มไปด้วยความรังเกียจ
“ในเมื่อมันอยากให้ฉันลองบุกเข้าไป งั้นฉันก็คงไม่เข้าไม่ได้แล้วจริง ๆ สินะ”
เสวียนอู่ถูกทำให้หงุดหงิดจนเหลืออดแล้ว เดินตรงไปที่ประตูคฤหาสน์ ยกเท้าข้างหนึ่งขึ้นเตะประตูเข้าไปแรง ๆ ครั้งหนึ่ง
เมื่อเห็นประตูแบบยืดไสลด์ซึ่งมีโครงที่สร้างจากโลหะ ถูกเสวียนอู่เตะจนพังถล่มลงไปกับพื้น กู้เจี้ยนกั๋วก็ต้องตกใจจนแทบช็อกอีกครั้ง
หลังจากเตะประตูพังไปหลายบานติดต่อกัน เสวียนอู่ก็เดินเข้าไปในห้องรับแขกของคฤหาสน์ นั่งลงบนโซฟาตรงตำแหน่งที่นั่งหลักด้วยท่าทางกร่างเต็มที่
กู้เจี้ยนกั๋วเดินตามหลังเข้ามาติด ๆ เป็นฝ่ายเสนอตัวบริการเสิร์ฟน้ำเทชาให้อีกฝ่ายมือเป็นระวิง
เสียงถีบประตูปลุกทุกคนในบ้าน กู้หยุนหลัน พวกหวังฟาง ต่างพากันออกจากห้องมาส่งสายตาเป็นเชิงไถ่ถามไปให้หลี่โม่กับกู้เจี้ยนหมิน ที่ยืนอยู่บนระเบียงทางเดิน
“กู้เจี้ยนกั๋วนี่จะมากเกินไปแล้วจริง ๆ นะ ถึงกับพาใครไม่รู้บุกเข้ามา หลี่โม่ ฉันว่าเธออย่าเพิ่งหุนหันพลันแล่นเกินไปล่ะ ให้ฉันออกไปคุยกับเขาดูก่อน” กู้เจี้ยนหมินรีบหยุดหลี่โม่ไว้ ตัวเองก็ตั้งใจว่าจะออกไปพูดกับกู้เจี้ยนกั๋วให้รู้เรื่อง
“พ่อครับ อย่าไปเลยจะดีกว่า คนที่เตะประตูเหล็กเข้ามาได้ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ ให้ผมออกไปจัดการเองเถอะ หยุนหลัน ดูแลพ่อกับแม่ของเธอด้วย อย่าปล่อยให้พวกท่านลงไป”
กู้หยุนหลันพยักหน้า พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วต่ำ “คุณต้องระวังตัวหน่อยนะ”
“วางใจเถอะ ไม่มีทางเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรอก ก็แค่พวกไก่กระเบื้องสุนัขดินเผา เท่านั้นแหล่ะ”
*( เป็นคำอุปมาถึงคนหรือสิ่งของที่มีลักษณะดูดีน่าเกรงขาม แต่เอาเข้าจริงกลับใช้ไม่ได้ ไร้ประโยชน์ หรืออ่อนแอแตกหักง่าย )
หลี่โม่พูดจบ ก็เดินไปที่บันไดแล้วรีบลงไปที่ห้องรับแขกเพื่อพบกับกู้เจี้ยนกั๋ว
ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่สถานะญาติของกู้เจี้ยนกั๋ว หลี่โม่คงจัดการเก็บกวาดกู้เจี้ยนกั๋วไปแบบไม่เหลือซากแล้ว จะได้ไม่ต้องมาทนยุ่งยากรำคาญใจเหมือนตอนนี้
แต่ถ้าเขาฆ่ากู้เจี้ยนกั๋วไปเลยตรง ๆ พ่อตาของเขาคงมีความรู้สึกที่ไม่อาจยอมรับได้ ยังไงวันนี้ก็ต้องสั่งสอนกู้เจี้ยนกั๋วให้หนัก ๆ ซักที ให้เขาได้รู้ว่าอะไรคือเส้นแบ่งที่ไม่ควรข้ามมาแตะต้อง
หลี่โม่เดินเข้าไปในห้องรับแขก กวาดตามองกู้เจี้ยนกั๋วที่กำลังเสิร์ฟชาเทน้ำแวบหนึ่ง จากนั้นค่อยเหลือบไปมองเสวียนอู่ ที่นั่งปักหลักเป็นเหมือนดั่งภูเขาไท่ซานอีกแวบหนึ่ง
เมื่อเห็นหลี่โม่เดินเข้ามา ดวงตาของเสวียนอู่กับกู้เจี้ยนกั๋วก็จ้องเขม็งไปที่หลี่โม่
กู้เจี้ยนกั๋วแค่นเสียงเย็นชาขึ้นมาเสียงหนึ่ง เงยหน้าขึ้นอย่างลำพองใจ แล้วพูดว่า: “หลี่โม่ ตอนนี้แกหยิ่งผยองน่าดูเลยนี่! คนของตระกูลหลงแกยังกล้าทำให้ขุ่นเคืองใจ วันนี้ฉันกับคุณเสวียนอู่ตัวแทนคนตระกูลหลงมาหาแก ก็เพื่อจะมาฟังคำอธิบายจากแก !”
“กู้เจี้ยนกั๋ว ที่แกทำอย่างนี้ ก็คือทำตัวเองไปอยู่ในฐานะเกลือเป็นหนอนแล้วว่างั้น? “หลี่โม่ยิ้มน้อย ๆ มองกู้เจี้ยนกั๋วด้วยสีหน้าราบเรียบ
“ฉันจะทำตัวเหมือนเกลือเป็นหนอนได้ยังไง? ฉันพยายามไกล่เกลี่ยกับคุณเสวียนอู่อยู่ตั้งนาน ถึงได้ข้อสรุปว่า ต้องฆ่าแกเท่านั้นถึงจะเป็นการช่วยให้ตระกูลกู้ไม่ต้องเจอกับหายนะ ถ้าไม่มีการขอไกล่เกลี่ยจากฉัน ตระกูลกู้มีหวังต้องได้ประสบหายนะร่วมกับแกไปด้วยแล้ว!”
“ฮะ ๆ จะบอกว่าแกมีความดีความชอบมากงั้นสิ ? ” หลี่โม่พูดสัพยอก
“ฉันกำลังจะบอกว่า แกมันไม่คู่ควรที่จะได้เป็นสมาชิกตระกูลกู้ของพวกเรา! แกยังไม่รีบคุกเข่ายอมรับการลงโทษจากคุณเสวียนอู่อีกเรอะ!”
เสวียนอู่หรี่ตาลงเล็กน้อย แผ่ไอสังหารทั่วทั้งร่าง ลุกขึ้นยืนแล้วเปล่งพลัง กล้ามเนื้อทั้งร่างของเขาพองตัวขึ้น จนทำให้เสื้อคลุมฉีกขาดเป็นชิ้น ๆ เผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่มีรอยแผลเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน
เมื่อเห็นรอยแผลเป็นบนร่างกายของเสวียนอู่ กู้เจี้ยนกั๋วก็อดสูดลมหายใจเย็น ๆ เฮือกใหญ่เพราะความตกตะลึงไม่ได้
“หลี่โม่ แกกล้าทุบตีทำร้ายหลงโปกับหลงห้าวเทียน วันนี้ฉันจะฆ่าแกในนามของตระกูลหลง!”
“ฮะ ๆ น้ำหน้าอย่างแกยังคิดอยากจะออกหน้าให้พวกนั้นงั้นเหรอ ? ออกจะไม่เจียมตัวไปหน่อยมั้ย? ถ้าแกอยากฆ่าฉัน แกคงต้องงัดเอาความสามารถทั้งหมดที่มีออกมาให้ดูหน่อยแล้วล่ะ”
หลี่โม่เหยียดนิ้วก้อยของตัวเองไปทางเสวียนอู่ แล้วทำท่างอนิ้วในลักษณะดูถูกเหยียดหยาม ชนิดที่ไม่ต้องมีคำบรรยายอะไรก็เข้าใจได้
“ได้ ! งั้นฉันจะแสดงให้แกดู ว่าความสามารถของฉันมันขนาดไหน!”
เสวียนอู่กระทืบเท้าทั้งคู่ลงที่พื้นหนัก ๆ หลังจากปรากฏเสียงปริแตกตามกันมาเป็นแถว ๆ พื้นหินอ่อนในห้องนั่งเล่นก็แตกเป็นเสี่ยง ๆ กระทั่งเสาที่ผนังห้องก็เต็มไปด้วยรอยร้าว ราวกับว่าถ้าเสวียนอู่ออกแรงเพิ่มอีกเพียงนิดเดียว เขาจะสามารถกระทืบทั้งบ้านให้พังทลายลงได้ด้วยพละกำลังนั้นเลยทีเดียว
“แกรู้ไหมว่าคฤหาสน์ของฉันแพงขนาดไหน? แกเล่นมาทำคฤหาสน์ของฉันพังเละแบบนี้ แกต้องชดใช้ค่าเสียหายด้วยชีวิตเท่านั้นแล้วล่ะ”
เสวียนอู่ยิ้มอย่างโหดเหี้ยมกระหายเลือด ก้าวเท้ายาว ๆ เข้าไปหาหลี่โม่
“ให้ฉันชดใช้ค่าเสียหายด้วยชีวิต ฮ่า ๆ ๆ งั้นแกคงต้องมีความสามารถนั้นก่อนแล้วล่ะ ฉันแสดงความสามารถของตัวเองให้แกเห็นแล้ว ตอนนี้ลองให้ฉันได้เห็นความสามารถของแกหน่อยเป็นไง!”
เสวียนอู่เหวี่ยงหมัดหนัก ๆ จนเกิดเสียงลมหวีดหวิวเข้าใส่ที่ลำคอของหลี่โม่ ฝ่ายหลี่โม่ไม่ได้หลบหลีกเลยแม้แต่น้อย แค่ยกมือขึ้นเบา ๆ เพื่อหยุดกำปั้นของเสวียนอู่ที่เหวี่ยงมา
กู้หยุนหลันที่ดูเหตุการณ์อยู่บนชั้นสองกรีดร้องออกมาเสียงหนึ่ง หลับตาแน่น คิดไปว่าหลี่โม่ประเมินศัตรูต่ำเกินไปแล้ว ทำไมเขาถึงใช้กลยุทธ์ที่นุ่มนิ่มไร้เรี่ยวแรงแบบนี้มารับมือกับหมัดหนัก ๆ ของเสวียนอู่ล่ะ? ดีไม่ดีถ้าหมัดนั้นของเสวียนอู่ต่อยโดนเข้าไป มือของหลี่โม่อาจจะหักเลยก็ได้
ในใจของกู้เจี้ยนหมินก็แอบปาดเหงื่อแทนหลี่โม่แล้ว คิ้วขมวดแน่นเป็นปม แทบจะพันทบรวมกันจนกลายเป็นก้อนเดียวให้ได้แล้ว
สีหน้าของกู้เจี้ยนกั๋วปรากฏอาการเริงร่ายินดี รอดูฉากที่หลี่โม่ถูกต่อยจนลงไปกลิ้งกับพื้น แล้วร้องห่มร้องไห้อ้อนวอนขอความเมตตา
ประกายแสงคมปลาบจากดวงตาของเสวียนอู่ผุดวาบ เหวี่ยงหมัดเข้าใส่ฝ่ามือนุ่มนิ่มปวกเปียกของหลี่โม่ คิดว่าถ้าตัวเองต่อยหมัดลงไป จะสามารถทำลายกล้ามเนื้อ เส้นเลือด รวมถึงกระดูกทั้งแขนของหลี่โม่ได้อย่างแน่นอน
ปึง!
ปรากฏเสียงดังสนั่นในวินาทีที่มือและหมัดทั้งสองปะทะกัน ดวงตาของเสวียนอู่เบิกโพลง รู้สึกเหมือนว่าหมัดของตัวเองต่อยไปกระทบกับแผ่นเหล็กหนา ๆ ซักแผ่นหนึ่ง
ไม่สิ! มันแข็งยิ่งกว่าเหล็กซะอีก ถ้าเหล็กโดนหมัดของเสวียนอู่ต่อยเข้าใส่ซักหมัด มันก็ยังสามารถถูกทุบจนเกิดรอยยุบขึ้นมาให้เห็นได้ แต่ฝ่ามือที่ดูอ่อนแอปวกเปียกของหลี่โม่กลับไม่เกิดเรื่องอะไรแบบนั้นเลยแม้แต่น้อย
ฝ่ามือของหลี่โม่คว้าจับกำปั้นของเสวียนอู่เอาไว้ได้ มุมปากยกโค้งปรากฏเป็นรอยยิ้มเย้ยหยัน
“นี่คือหมัดแบบเต็มกำลังของแกแล้วเหรอ? ดู ๆ ไปก็มีอานุภาพยิ่งใหญ่เกรียงไกรดีหรอก แต่ประสิทธิภาพจริงๆ น่ะเหรอ ก็ไม่ได้ดีไปกว่าหมัดของเด็กทารกซักเท่าไหร่เล้ย!”
เสวียนอู่หน้าแดงเห่อ ออกแรงเต็มสูบเพื่อพยายามจะดึงกำปั้นกลับมา แต่กลับไม่สามารถขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวได้เลยแม้แต่น้อย ฝ่ามือของหลี่โม่กลายเป็นเหมือนคีมปากจิ้งจกที่หนีบกำปั้นของเสวียนอู่ไว้อย่างแน่นหนา
หลี่โม่ยิ้มน้อย ๆ พลางพูดว่า “ทำไม? อยากถอนหมัดกลับแล้วเหรอ? ถ้างั้นแกก็พูดออกมาตรง ๆ สิ แกไม่พูดออกมาฉันจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ?”
ขณะที่พูด มือของหลี่โม่ก็ออกแรงบีบหนัก ๆ หมัดของเสวียนอู่พลันเกิดเสียงดังกร๊อบ ๆ ดังลั่น กระดูกฝ่ามือเขาถูกหลี่โม่บีบจนแตกละเอียดไปแล้ว
ความเจ็บปวดทำให้หน้าผากของเสวียนอู่ปรากฏเหงื่อเม็ดใหญ่ ๆ ผุดขึ้นมาไม่หยุด เขาฝืนอดทนไม่ส่งเสียงร้องเจ็บเลยซักแอะ แค่จ้องเขม็งไปที่หลี่โม่ด้วยดวงตาอาฆาตแค้น
เมื่อเห็นหลี่โม่ใช้เพียงกระบวนท่าเดียว ก็ทำให้เสวียนอู่ถูกบีบให้ยอมรับความพ่ายแพ้ได้ง่าย ๆ เหงื่อเย็น ๆ ก็พลันไหลบ่าออกมาจากหน้าผากของกู้เจี้ยนกั๋ว ในใจอดประหวั่นพรั่นพรึงไม่ได้
กู้เจี้ยนกั๋วไม่อยากจะเชื่อฉากที่ได้เห็นตรงหน้าเลยจริง ๆ ภาพฉากตรงหน้า มันดูน่าเหลือเชื่อเกินไปสำหรับเขา ให้ตายเขาไม่มีทางคิดได้แน่นอน ว่าหลี่โม่จะมีพลังที่ร้ายกาจมากขนาดนี้
นี่คือยอดฝีมือที่ตระกูลหลงส่งมาเชียวนะ! ไม่ใช่พวกกระจอกโนเนมตลาดล่างพวกนั้น!
“ดูเหมือนว่าเจ้าเสวียนอู่คนนี้จะมีความสามารถจริง ๆ นะเนี่ย! ไม่งั้นคงจะไม่เหยียบพื้นหินอ่อนซะแตกเป็นรอยได้ขนาดนี้ แต่ทำไมเขาถึงไม่ต่อยหลี่โม่ให้มันตายในหมัดเดียวไปซะล่ะ? ต่อให้ต่อยให้ตายในหมัดเดียวไม่ได้ ต่อยให้มันบาดเจ็บซักหน่อยก็ยังดีนะ!”