จักรพรรดิมังกร - บทที่ 696 ผ่อนคลายอารมณ์
ชั่วขณะนั้นกู้เจี้ยนกั๋วรู้สึกกลัวมากจริง ๆ หลี่โม่สามารถฆ่าเสวียนอู่ทิ้งได้ง่ายดายราวพลิกฝ่ามือเลยทีเดียว
เมื่อเหลือบมองร่างไร้วิญญาณของเสวียนอู่ ผมของกู้เจี้ยนกั๋วก็ลุกชี้ชันไปทั้งหัว รู้สึกเสียใจในภายหลังเป็นหมื่น ๆ ครั้งที่วิ่งออกมาเอาตัวไปพัวพันกับเรื่องนี้
“นี่ลุง เหมือนว่าฉันจะให้โอกาสลุงมาก็ไม่น้อยแล้วนะ ไหนลุงลองบอกมาหน่อยซิว่าทำไมถึงเป็นคนที่ไม่รู้จักเรียนรู้ ไม่รู้จักจดจำบทเรียนซะบ้างเลยล่ะ?” หลี่โม่พูดด้วยสีหน้าราบเรียบ
กู้เจี้ยนกั๋วตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า พูดลิ้นพันกันว่า “ฉัน ครั้งนี้ฉันสัญญาเลยว่าจะเรียนรู้แล้วจดจำบทเรียนนี้ให้ขึ้นใจอย่างแน่นอน ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะนะ ฉันจะไม่ทำตัวเป็นศัตรูกับหลานอีกต่อไปแล้ว!”
“ทำไมฉันถึงรู้สึกไม่ค่อยเชื่อกันนะ? ว่ากันว่าสันดอนขุดได้ สันดานขุดยาก คนอย่างลุงจะเปลี่ยนได้จริง ๆ น่ะเหรอ?”
“ได้ ได้แน่นอน! ถ้าวันหลังลุงยังทำตัวเป็นศัตรูกับหลานอีก ให้หลานจัดการกับลุงยังไงก็ได้!”
หลังจากที่กู้เจี้ยนกั๋วพูดด้วยความตื่นตระหนกจนจบ ก็ตะโกนขึ้นไปบนชั้นสองว่า: ” เจี้ยนหมิน แกรีบมาพูดแทนฉันหน่อยสิ ฉันรู้ตัวแล้วว่าฉันผิด หลังจากนี้ฉันจะทำตัวดี ๆ กับครอบครัวของแกแล้ว ฉันสัญญา!”
กู้เจี้ยนหมิน หวังฟางและคนอื่นๆ พากันเดินลงมา ทั้งสี่คนมองดูศพของเสวียนอู่อย่างใจคอไม่สู้ดี รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาเล็กน้อย
“หลี่โม่ นี่เธอฆ่า…คนเหรอ?” กู้เจี้ยนหมินเอ่ยถามด้วยสีหน้าซีดเผือด
“ไม่เชิงฆ่าเขา เป็นเขาไม่ระวังตัว โดนอาวุธลับของตัวเองจนตายโดยบังเอิญน่ะครับ ถือว่าเป็นการฆ่าตัวตายมากกว่า”
คำอธิบายของหลี่โม่ ถึงกับทำให้กู้เจี้ยนหมินพูดไม่ออกไปพักใหญ่ แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับลูกเขยที่แข็งแกร่งขนาดนี้ กู้เจี้ยนหมินเองก็ไม่มีความมั่นใจมากพอที่จะไปวิพากษ์วิจารณ์อะไรหลี่โม่มากมายนัก
“พี่ใหญ่ พี่กลับไปซะเถอะ จำคำที่พี่พูดในวันนี้ให้ดีก็พอ ถ้าวันหลังพี่ยังมาหาเรื่องก่อกวนหลี่โม่อีกล่ะก็ ฉันจะไม่ช่วยพูดให้พี่อีกแล้วนะ”
“เจี้ยนหมิน แกวางใจเถอะ จากนี้จะไม่มีปัญหาอะไรแบบนั้นแน่นอน นับจากนี้ฉันจะไม่มาหาเรื่องครอบครัวของแกอีกแล้ว ฉัน… ฉันไปได้รึยัง?”
กู้เจี้ยนกั๋วเหลือบมองหลี่โม่ด้วยใจระส่ำ รอคอยให้หลี่โม่เอ่ยปากปล่อยเขาไป
หลี่โม่ชี้ไปที่ศพของเสวียนอู่บนพื้นแล้วพูดว่า: “ลุงเป็นคนพาเขามา ตอนนี้ก็เชิญพาเขากลับไปซะเหอะ บอกหลงโปด้วยว่าถ้าอยากมีเรื่องกับฉัน ก็ให้มันมาเผชิญหน้ากับฉันตรง ๆ ได้ทุกเมื่อ
ไม่ต้องทยอยส่งคนมาตายเป็นเบือแบบนี้หรอก ฉันเกลียดเรื่องยุ่งยาก ทางที่ดีก็ให้มันยกโขยงกันมาให้ฉันจัดหนักทีเดียวทั้งโคตรเลยยิ่งดี แบบนั้นจะได้ประหยัดเวลาเก็บกวาดง่ายดีด้วย มันสบาย ฉันสบาย ทุกคนสบาย ลุงว่าจริงมั้ย? ”
“ใช่ !ใช่! ทุกอย่างที่หลานพูดต้องเป็นแบบนั้นแน่นอน ฉันจะไปบอกให้ตามนั้นเอง”
กู้เจี้ยนกั๋วเดินไปที่ศพของเสวียนอู่ด้วยความตื่นตระหนก เมื่อเห็นศพของเสวียนอู่ที่เริ่มเปลี่ยนแปลงไปกลายเป็นสีม่วงดำ ก็กลัวจนเกือบจะอ้วกออกมาอยู่แล้ว
กู้เจี้ยนกั๋วที่กล้ำกลืนอดทนต่อความกลัวในใจ ใช้สองมือออกแรงลากศพของเสวียนอู่บนพื้น พยายามใช้กำลังทั้งหมดที่มีลากเสวียนอู่ออกไปอย่างทุลักทุเล
หลี่โม่พูดปลอบใจพวกกู้เจี้ยนหมินไปหลายประโยค จากนั้นจึงโทรหาคางเหวินซิง เพื่อสั่งให้เขาส่งคนมาซ่อมคฤหาสน์
คฤหาสน์โดนเสวียนอู่ทำจนมีสภาพเป็นแบบนี้ไปแล้ว อย่างน้อยห้องโถงรับแขกก็คงต้องปรับปรุงใหม่หมด
กู้เจี้ยนหมินกับหวังฟาง กลับไปพักผ่อนที่ห้องด้วยใจที่ระส่ำระสายเล็กน้อย ทั้งกู้หยุนหลันกับเฉินเสี่ยวถงต่างก็ใจหายใจคว่ำกันไม่น้อย
“ฉันรู้สึกว่าบรรยากาศในบ้านมันมืดมนแปลก ๆ ถ้ายังไงพวกเราไปช้อปปิ้งกัน หรือไปร้องคาราโอเกะกันก็ได้ ดีมั้ย?” เฉินเสี่ยวถงเสนอไอเดีย
กู้หยุนหลันพยักหน้าอย่างรวดเร็วแล้วพูดว่า: “ไปร้องคาราโอเกะ ผ่อนคลายอารมณ์กันหน่อยก็ดี ฉันก็รู้สึกว่าบ้านเรามันค่อนข้างจะ… ”
หลี่โม่ส่งยิ้มจนใจมาให้ ขับรถพากู้หยุนหลันกับเฉินเสี่ยวถงออกจากบ้าน มุ่งหน้าเข้าเมืองเพื่อค้นหาที่ร้องคาราโอเกะ
………..
ป่ายเล่อฮุ่ย KTV เป็นหนึ่งใน KTV ที่ใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ของเมืองฮ่าน ประตูทางเข้าสูงใหญ่เหลืองอร่ามแวววาว ปรากฏร่างเพรียวบางงามระหงของพนักงานต้อนรับ ยืนเรียงรายอยู่ตลอดสองข้างทาง
พนักงานต้อนรับสวมรองเท้าส้นสูง สวมชุดกี่เพ้ายาวที่ผ่าลึกเป็นรูปทรงวี ผ่าสูงขึ้นไปจนถึงต้นขาเผยให้เห็นขาเรียวยาวขาวผ่องน่าหลงใหล
ส่วนชุดกี่เพ้าที่บรรดาพนักงานต้อนรับสวมบนร่างนั้น จะเป็นแบบคอวีลึกที่เปิดลงมาถึงช่วงท้อง ซึ่งน่ากลัวว่าถ้าผู้ชายส่วนใหญ่มาเห็น ทั้งนิ้วทั้งมืออาจจะอยู่ไม่สุขกันได้เลยทีเดียว
หลังจากที่พวกหลี่โม่ทั้งสามคนเข้าไปแล้ว พนักงานต้อนรับที่อยู่ตรงประตูทั้งสองแถวก็โค้งกายคำนับอย่างพร้อมเพรียงกัน ร่องเว้าที่หน้าอกก็ยิ่งกลายเป็นภาพสามมิติมากขึ้น: “ยินดีต้อนรับสู่ป่ายเล่อฮุ่ยค่ะ ”
กู้หยุนหลันกับเฉินเสี่ยวถง เห็นสไตล์การแต่งตัวของบรรดาพนักงานต้อนรับสาว ๆ เหล่านั้นแล้ว ก็อดหันมาสบตากันไม่ได้ ทั้งคู่ต่างก็รู้สึกว่าพนักงานต้อนรับของ KTV แต่งตัวโป๊ไปหน่อยจริง ๆ ไม่ว่าจะมองยังไงก็รู้สึกว่า ที่นี่ต้องมีบางอย่างที่ไม่ปกติแน่ ๆ
พนักงานต้อนรับคนหนึ่งเดินออกมาจากแถว ทักทายหลี่โม่อย่างกระตือรือร้น พูดด้วยน้ำเสียงหวานหยาดเยิ้มว่า “คุณผู้ชายท่านนี้ ไม่ทราบว่ากี่ท่านคะ? ต้องการห้องใหญ่ขนาดไหน?”
เมื่อเห็นดังนั้น เฉินเสี่ยวถงก็รีบก้าวไปขึ้นข้างหน้าแล้วคว้าแขนของหลี่โม่ หรี่ตามองพนักงานต้อนรับที่กำลังทำท่าจะเข้าใกล้หลี่โม่ รีบชิงพูดขึ้นว่า: “พวกเรามากันสามคน ขอห้องเล็กซักห้องก็พอแล้ว”
กู้หยุนหลันเห็นท่าทางเคร่งเครียดของเฉินเสี่ยวถง ก็แอบยิ้มพลางเดินไปอีกด้านหนึ่ง แล้วจับมือหลี่โม่ไว้
“ขอเชิญคุณลูกค้าทั้งสามท่านตามดิฉันมาทางนี้เลยค่ะ”
พนักงานต้อนรับยกแขนขึ้นเป็นท่าเชื้อเชิญ แล้วเดินนำทั้งสามคนเข้าไปด้านใน เมื่อเดินผ่านโถงล็อบบี้ตรงทางเข้า เลี้ยวเข้าไปก็จะเจอกับห้องโถงใหญ่ที่เป็นทรงกลม
มีช่องทางเดินเฉพาะอยู่ตรงกลางห้องโถงใหญ่ ช่องทางเดินมีบันไดมากมายตลอดสองข้างทาง บนขั้นบันไดนั้นจะมีเหล่าสาวงามนับร้อย ๆ คนนั่งอยู่ สไตล์การแต่งตัวแต่งหน้าก็จะต่างกันไป เช่น ชุด OL ชุดนักเรียน ชุดแม่บ้าน มีทั้งการแต่งหน้าแนวใส ๆ วัยแรกแย้ม มีทั้งแบบเย็นชา ทั้งแบบเย้ายวน เป็นต้น
“นี่คือบาร์เกิร์ลของเรา หากคุณลูกค้าต้องการสามารถ…” พนักงานต้อนรับสาวแนะนำอย่างกระตือรือร้น
“ไม่จำเป็น ไม่เห็นรึไงว่ามีพวกเราสองคนอยู่กับเขาแล้วน่ะ” เฉินเสี่ยวถงไม่รอให้พนักงานสาวพูดจบ ก็รีบชิงตัดบทเจ้าหล่อนทันที
ล้อเล่นน่า! ไม่ง่ายเลยกว่าจะมีโอกาสได้ออกมาร้องคาราโอเกะกับหลี่โม่ ใครจะไปอยากได้คนอื่นมาเป็นเพื่อนดื่มไม่ทราบ! ต่อไปต้องเลือกสาวบาร์เกิร์ลขึ้นมาจริง ๆ คนอย่างฉันเฉินเสี่ยวถง ก็ยังสวยเสียกว่าแม่สาวพวกนั้นเป็นกอง
พนักงานต้อนรับสาวยิ้มน้อย ๆ แล้วนำทางต่อไป พาพวกเขาไปที่ห้องส่วนตัว
ตอนที่เดินผ่านห้องส่วนตัวห้องหนึ่ง ประตูห้องนั้นก็เปิดออก มีชายหนุ่มที่ดื่มจนเมาหน้าแดงคนหนึ่งเดินออกมา
เดิมทีชายหนุ่มคนนั้นคิดจะไปห้องน้ำ แต่เมื่อเขาเห็นพวกหลี่โม่ทั้งสามคนเดินเข้ามาใกล้ ก็ผงะไปเล็กน้อย สายตาที่มองกู้หยุนหลันกับเฉินเสี่ยวถง มีประกายหื่นกระหายปรากฏรางๆ
พวกหลี่โม่ทั้งสามเดินเฉียดไหล่ผ่านชายหนุ่มขี้เมาคนนั้นไป ชายหนุ่มขี้เมาสะบัด ๆ หัวตัวเองแรง ๆ เหมือนกับพยายามจะทำให้ตัวเองมีสติ
เมื่อมองไปที่เงาแผ่นหลังของพวกหลี่โม่ที่เดินผ่านไป ชายหนุ่มขี้เมาก็พูดพึมพำเสียงเบากับตัวเองว่า: “สาวสวยคนนั้นดูเหมือนกู้หยุนหลันเลยไม่ใช่เหรอ? ผู้ชายคนนั้นก็ดูเหมือนคนที่คุณชายจูคิดจะจัดการเลย”
เมื่อเห็นพวกหลี่โม่เข้าไปในห้องที่อยู่ไม่ไกลกันนัก ชั่วขณะนั้นชายหนุ่มก็นึกเปลี่ยนใจ แม้แต่ห้องน้ำก็ไม่ไปแล้ว หันหลังกลับไปที่ห้องส่วนตัวทันที
ในห้องมีชายหนุ่มที่อายุอานามเท่า ๆ กันอยู่สี่คน ข้างกายแต่ละคนต่างโอบกอดผู้หญิงสองคนไว้ในอ้อมแขน
นอกจากนี้ยังมีผู้หญิงสองคนที่เมื่อครู่นี้ถูกชายหนุ่มขี้เมากอดอยู่ กำลังเต้นอย่างเร่าร้อนอยู่ที่หน้าจอยักษ์ในขณะนี้
เมื่อเห็นชายหนุ่มกลับมา จูเจียนเฉียงซึ่งนั่งอยู่ตรงกลางในตำแหน่งเซ็นเตอร์ก็พูดอย่างร่าเริงว่า: “หานเมิ่ง ทำไมแกกลับมาเร็วจังวะ? หรือว่าไปปลดทุกข์ที่หน้าประตูแล้ว?”
“คุณชายจู ผมยังไม่ได้ไปห้องน้ำหรอก ลองเดาซิว่าผมเจอใครที่หน้าประตู? ” หานเมิ่งพูดด้วยสีหน้าโอ้อวด
“เจอใครล่ะ? หรือว่ามีเด็กใหม่มาอีกรึไง?” จูเจียนเฉียงคว้าจับสองสาวงามในอ้อมแขนตัวเองอย่างดุดัน
“ผมเพิ่งออกไป ก็ได้เจอกู้หยุนหลันเข้าให้ ! ยังมีหลี่โม่คนที่คุณคิดจะจัดการด้วยนะ หลี่โม่มันมาที่นี่ แน่นอนว่าต้องเป็นสองคนนั้นไม่ผิด ไอ้เจ้าหลี่โม่นั่นมันมีหนึ่งไม่พอ ยังพ่วงมาถึงสอง ถึงกับพาสาวสวยมากับมันด้วยตั้งสองคน จุ๊ ๆ สาวสวยสองคนนั้นยังสวยหยาดเยิ้มอย่างกับนางฟ้านางสวรรค์เลยด้วยนะ “