จักรพรรดิมังกร - บทที่ 705 สรุปแล้วเป็นใครกันแน่
ภายในรถบัญชาการ สายตาของจ้าวหลงปินจับจ้องไปที่หน้าจอเขม็ง
หน้าจอแสดงสถานการณ์ในสำนักงาน เมื่อเห็นลูกชายของเขานอนอยู่บนพื้นด้วยสภาพเลือดอาบหน้าจ้าวหลงปินก็ทุบหนัก ๆ ลงที่เก้าอี้นั่งไปสองครั้งด้วยความโกรธจัด
ลูกตัวเองตั้งแต่เล็กแต่น้อย จะตีซักครั้งก็ยังไม่เคยตีด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้กลับต้องมาโดนคนอื่นทุบตีจนมีสภาพน่าอเนจอนาถขนาดนี้ แล้วจะให้ทนได้ยังไง!โทสะนี้ต้องได้ระบายออกไป! ความโกรธของจ้าวหลงปิน พุ่งไปถึงขั้นที่ไม่สามารถควบคุมได้อย่างสมบูรณ์แล้ว
“ทีม 5 ตัวประกันที่อยู่ด้านในไม่ได้ตกอยู่ในอันตราย เริ่มการโจมตีได้ ทีม 6 จะให้การสนับสนุนพวกคุณเต็มที่ ลงมือเดี๋ยวนี้!”
“รับทราบ! เตรียมพร้อมโจมตี จบการสื่อสาร! ” หัวหน้าทีม 5 รับคำสั่ง คู่ต่อสู้ตั้งท่าโจมตี ในขณะที่เขากำลังจะลุกขึ้นเพื่อบุกจู่โจมเข้าไป หน้าต่างเหนือหัวก็พลันถูกเปิดออก
หลี่โม่โผล่หัวออกมา มองสายตรวจแห่งหน่วยป้องกันระเบิดที่เวลานี้กำลังนั่งคุกเข่าด้วยสีหน้าตกตะลึงอยู่ใต้หน้าต่าง ก็ยกยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ยุทธวิธีของพวกนายนี่มันช่างไร้มาตรฐานจริง ๆ นะ เมื่อกี้ฉันมีถึง 32 วิธีการที่สามารถจัดการพวกนายให้เละได้ภายในสิบวินาที ให้ผู้อำนวยการของพวกนายมาหาฉันเหอะ กะอีแค่ตีลูกชายเขาไปทีสองที ต้องเล่นใหญ่ยกกำลังพลมาซะเอิกเกริกขนาดนี้ เป็นการใช้เงินภาษีของประชาชนที่สิ้นเปลืองเป็นบ้า!”
หัวหน้าทีม 5 ตกตะลึงจนตาค้าง เขาไม่เคยเห็นคนร้ายลักพาตัวที่ไหน ที่เย่อหยิ่งจองหองถึงขนาดนี้มาก่อน รู้ทั้งรู้ว่านั่นคือลูกชายของผู้อำนวยการของเรา ก็ยังกล้าลักพาตัวมาอีกเนี่ยนะ!
สายตรวจฝ่ายป้องกันระเบิดเหล่านี้ ไม่ได้รู้ถึงสถานการณ์ที่แท้จริงของเรื่องนี้ เพื่อเรียกระดมกำลังพล จ้าวหลงปินได้ออกคำสั่งให้ทุกคนมาจัดการกับเหตุการณ์ลักพาตัว ดังนั้น หัวหน้าทีมที่ห้าจึงเข้าใจผิดคิดว่าหลี่โม่เป็นผู้ร้ายลักพาตัว
คำพูดของหลี่โม่ถูกส่งสัญญาณไปยังรถบัญชาการ ทำให้จ้าวหลงปินเองก็ได้ยินอย่างชัดเจน
จ้าวหลงปินตบโต๊ะบัญชาการอย่างรุนแรง หยิบปืนพกออกมาแล้วลงจากรถบัญชาการ
“ทุกคนขึ้นอาวุธ! ตามฉันไปโจมตีพร้อมจับกุมตัวไอ้โจรลักพาตัวจองหองนั่นมาให้ได้!”
สายตรวจฝ่ายป้องกันระเบิดกลุ่มหนึ่งพุ่งขึ้นมาด้านหน้า รายล้อมอยู่รอบ ๆ จ้าวหลงปินขณะที่วิ่งตรงไปทางอาคารสำนักงานอย่างรวดเร็ว
สำนักงานถูกปิดล้อมไปด้วยบรรดาสายตรวจฝ่ายป้องกันระเบิด ปากกระบอกปืนที่ใช้ต่อต้านการจลาจล ถูกเล็งเป้าไปที่หลี่โม่ซึ่งอยู่ภายในสำนักงาน
แต่ใบหน้าของหลี่โม่กลับไม่ได้มีอาการตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย กลับกัน เขากำลังเล่นโทรศัพท์มือถือด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มด้วยซ้ำ มีแค่เฉินเสี่ยวถงเท่านั้นที่ยังคงวิตกกังวลเคร่งเครียด
จ้าวหลงปินรีบพุ่งเข้าไปในสำนักงาน เดินสองก้าวไปข้างตัวจ้าวหมิงหยางแล้วคุกเข่าลง: “หมิงหยาง ลูกได้รับบาดเจ็บแล้ว พ่อจะส่งลูกไปโรงพยาบาลนะ ใครที่มันทำร้ายลูก พ่อจะไม่ปล่อยให้หนีไปได้แม้แต่คนเดียว พวกมันต้องโดนกวาดล้างจนไม่เหลือซาก!”
จมูกของจ้าวหมิงหยางพลันแสบร้อน น้ำตาก็ไหลพราก ๆ ออกมาไม่หยุด : “พ่อ ผมโดนตีก็ยังไม่เท่าไหร่หรอก แต่เฉินเสี่ยวถงถึงกับไปติดตามไอ้สวะไร้ค่านั่นด้วย นี่คือสิ่งที่ผมเกลียดที่สุด! ผมสู้ไอ้สวะนั่นไม่ได้รึไง!”
ทันใดนั้น จ้าวหลงปินก็เงยหน้าขึ้นมองหลี่โม่ด้วยสายตาดุร้าย จากนั้นค่อยหันไปมองเฉินเสี่ยวถงที่อยู่ข้าง ๆ หลี่โม่
“เฉินเสี่ยวถง นี่มันเพราะอะไรกัน ? ความรู้สึกที่หมิงหยางมีให้เธอมาตลอด เธอไม่เข้าใจมันเลยจริง ๆ เหรอ? ฉันกับพ่อของเธอต่างก็เป็นเพื่อนเก่าที่สนิทสนมกันมานาน ตอนนั้นพวกเรายังถึงกับคุยเล่น ๆ กันว่าจะหมั้นหมายพวกเธอให้แต่งกันตั้งแต่ยังเล็ก ๆ ด้วยซ้ำ เธอ … เธอช่างทำให้ฉันกับหมิงหยางผิดหวังแล้วจริงๆ ”
เฉินเสี่ยวถงบิดมือตัวเองแน่น ก้มหน้างุดพลางพูดว่า: “คุณลุงจ้าว หนูรู้ค่ะว่าจ้าวหมิงหยางชอบหนู แต่หนูไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาเลย แล้วหนูก็บอกเขาไปตั้งหลายครั้งแล้วว่าระหว่างเรามันเป็นไปไม่ได้ แต่เขากลับเอาแต่….. .”
“เอาแต่อะไร? ลูกชายของฉันลุ่มหลงเธอถึงขนาดนั้น! ฮึ! ฉันจะคุยเรื่องนี้กับเธอทีหลัง วันนี้ฉันต้องพูดถึงเรื่องที่ลูกชายของฉันถูกทำร้ายก่อน ใครกันที่มันทำร้ายลูกชายฉันจนมีสภาพเป็นแบบนี้ ? นี่คืออาการบาดเจ็บสาหัสชัด ๆ นี่มันเข้าข่ายต้องสงสัยว่าพยายามฆ่าแล้ว!”
จ้าวหลงปินจงใจหักดิบเรื่องนี้ไปในทิศทางที่ร้ายแรงที่สุดตรง ๆ ตั้งใจว่าจะส่งหลี่โม่เข้าคุกไปก่อน แล้วปล่อยให้เขาถูกขังลืมอยู่ในนั้นแบบไม่ต้องเห็นเดือนเห็นตะวันอีก
“วิธีการของผู้อำนวยการจ้าวนี่ร้ายกาจจริงๆ นะเนี่ย ตั้งความผิดในอาชญากรรมที่ร้ายแรงขนาดนี้ ฉันคงรับไว้ไม่ไหวหรอกนะ” หลี่โม่พูดเบา ๆ ในลำคอ
“แกถึงขั้นกล้าลงไม้ลงมือกับลูกชายฉันซะโหดเหี้ยมขนาดนี้ ยังมีหน้ามากลัวว่าจะรับโทษไม่ไหวอีกงั้นเรอะ!” จ้าวหลงปินพูดอย่างดุร้าย
“ผู้อำนวยการจ้าว คุณลองตรวจสอบสถานการณ์ความเป็นจริงก่อน แล้วค่อยว่ากันดีกว่ามั้ย ? ถ้าคุณยังคงเพิกเฉยต่อข้อเท็จจริง แล้วหักดิบโยนข้อกล่าวหาต่อไปล่ะก็ งั้นฉันเองก็จะไม่เกรงใจแล้วนะ” หลี่โม่แสดงสีหน้าเหลืออด
วิธีการของจ้าวหลงปิน ทำให้หลี่โม่รู้สึกไม่พอใจอย่างมาก ผู้ชายคนนี้เห็นแก่ตัวจนถึงขั้นอาศัยหน้าที่ของตัวเองซึ่งเป็นผู้บังคับใช้กฎหมาย ปรับเปลี่ยนเรื่องราวจากขาวให้เป็นดำ ดูจะปกป้องลูกชายตัวเองมากจนเกินไปแล้วจริง ๆ
“ความจริงของเรื่องนี้จะต้องถูกสอบสวนอย่างแน่นอน นำตัวพวกเขาออกไป ส่งผู้บาดเจ็บไปรักษาที่โรงพยาบาล คดีนี้ฉันจะดูแลเองเป็นการส่วนตัว”
เมื่อสายตรวจได้ฟังคำสั่ง ก็ยกปืนขึ้นเตรียมพุ่งเข้าไปควบคุมตัวคนออกมา ในเวลานี้เอง ก็มีเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบดังกระชั้นเข้ามาใกล้
“ทุกคนอย่าขยับ พวกคุณถูกล้อมไว้หมดแล้ว!” เสียงตะโกนดังขึ้นเสียงหนึ่ง ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในการอารักขาหลี่โม่ ผู้คุ้มกันของสำนักหลงเหมินก็ปรากฏตัวขึ้น
สายตรวจทุกคนต่างหยุดชะงักอยู่กับที่ หันไปมองผู้คุ้มกันของสำนักหลงเหมินที่รีบร้อนเข้ามา
เพียงแค่ดูขั้นตอนที่เป็นระเบียบ การเคลื่อนไหวที่กระฉับกระเฉงของบรรดาผู้คุ้มกันของสำนักหลงเหมิน สายตรวจก็รู้ได้ทันทีว่า คนเหล่านี้ได้รับการฝึกฝนมาดีกว่าพวกเขามาก
จ้าวหลงปินขมวดคิ้วมุ่น พูดด้วยความรู้สึกไม่ค่อยพอใจว่า: “พวกนายอยู่ในหน่วยไหน? อย่ามาขัดขวางพวกเราขณะปฏิบัติหน้าที่ราชการ”
“นี่คือเอกสารรับรองของฉัน เรายึดที่นี่ไว้หมดแล้ว อันธพาลสี่คนนี้เป็นอาชญากรร้ายแรงที่ถูกออกหมายจับอย่างเป็นความลับ พวกเราได้รับสิทธิ์ขาดในการสอบสวนคดีนี้”
หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัย หยิบเอกสารรับรองของเขาออกมา แล้วส่ายไปส่ายมาตรงหน้าจ้าวหลงปิน
หลังจากพิจารณาดูแล้ว สีหน้าของจ้าวหลงปินก็เปลี่ยนไปอย่างมาก มีท่าทีลังเลครู่หนึ่ง ก็พูดขึ้นว่า “นี่เป็นเคสที่เราได้รับรายงานให้มาจัดการก่อน พวกเราต้องได้ดำเนินการตรวจสอบก่อน หยุดพวกเขาไว้ นำตัวทุกคนออกไป!”
ในเวลานี้ จ้าวหลงปินไม่อยากจับหลี่โม่อีกต่อไปแล้ว แค่คิดอยากจะพาลูกชายตัวเองออกไปก่อนให้ไวที่สุด เนื่องจากเอกสารที่หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยคนนั้นนำออกมาโชว์ เป็นระดับที่ใหญ่โตเกินคาด
ผู้คุ้มกันแห่งสำนักหลงเหมินที่มีหน้าที่คุ้มครองหลี่โม่อย่างลับ ๆ ล้วนแทรกซึมอยู่ในหน่วยงานลับบางแห่ง หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ พวกเขาทั้งหมดเป็นพวกที่มีใบอนุญาตในการสังหาร
ดังนั้น หลังจากที่จ้าวหลงปินได้เห็นเอกสารรับรองของหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัย ถึงได้มีท่าทางใจเสาะขึ้นมานั่นเอง
“คุณคิดว่าจะพาพวกนี้ไปได้ยังงั้นเหรอ? บริเวณโดยรอบนี้ถูกพวกเราปิดล้อมไว้หมดแล้ว สี่คนนี้เป็นอาชญากร ไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของสายตรวจอย่างพวกคุณที่จะสามารถสืบสวนได้” หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เมื่อสิ้นเสียงของหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัย เสียงคำรามของยานพาหนะก็ดังขึ้น ขบวนรถยาวเหยียดขับเข้ามาจอดที่ด้านนอกอาคาร กองกำลังที่ติดอาวุธหนักและอุปกรณ์ป้องกันครบมือก็ปรากฏตัวขึ้น
ดวงตาของจ้าวหลงปินสั่นไหว กัดฟันกรอดแล้วพูดขึ้นว่า “ถ้างั้นคนที่ได้รับบาดเจ็บ ฉันสามารถเอาตัวไปได้สินะ?”
“พวกนั้นเป็นอาชญากร คุณคิดว่าไงล่ะ?”
“นี่คือเรื่องของมนุษยธรรม ต่อให้เป็นผู้กระทำผิดก็มีสิทธิ์ได้รับการรักษาเหมือนกันนะ!” จ้าวหลงปินพยายามอย่างหนักเพื่อไขว่คว้าโอกาสนี้ หวังแค่ว่าจะพาลูกชายออกไปได้
“เรามีมืออาชีพที่จะให้การรักษาพวกเขาได้แน่นอน ผู้อำนวยการจ้าวไม่จำเป็นต้องกังวลใจไปหรอก อีกทั้งผู้อำนวยการจ้าวกับจ้าวหมิงหยางมีความสัมพันธ์เป็นพ่อลูกกัน ยังไงก็คงต้องขอให้ผู้อำนวยการจ้าวเป็นผู้ช่วยในการสืบสวนแล้วล่ะนะ” หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยงัดหมายจับขึ้นมา แล้วโบกส่ายไปมาตรงหน้าจ้าวหลงปิน
ชั่วขณะนั้น จ้าวหลงปินรู้สึกท้อแท้สิ้นหวังแล้ว ในใจเกิดความเข้าใจขึ้นมาอย่างกะทันหันว่า ทั้งหมดนี้จะต้องมีความสัมพันธ์บางอย่าง ที่มันเชื่อมโยงกับตัวตนของหลี่โม่อย่างแยกไม่ออกแน่นอน
ถ้าไม่ใช่เพราะหลี่โม่มีความสัมพันธ์กับบุคคลที่ยิ่งใหญ่ กับมีเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดา ย่อมเป็นไปไม่ได้แน่ ที่จะมีพวกนักฆ่าระดับพระกาฬแบบนี้มาปกป้องเขา
“หลี่โม่! สรุปว่าแกเป็นใครกันแน่? สถานะที่แท้จริงของแกคืออะไร?!” จ้าวหลงปินอยากได้รับความกระจ่างเหลือเกินแล้ว