จักรพรรดิมังกร - บทที่ 712 ไม่ฟังคำพูดกล่อม
ขณะที่ก้มหน้าลงมองกลับไปกลับมาบนร่างกายอันเย้ายวนมีเสน่ห์ของกู้หยุนหลัน น้ำลายของชาวบ้านปากแหลม หน้าเหมือนลิงคนนั้นก็เกือบจะไหลหยดออกมาอยู่แล้ว คิดอาศัยจังหวะก่อนที่กู้หยุนหลันจะจากไป จ้องมองเธออีกครั้งเพื่อสนองต่อความต้องการในหัวใจตัวเอง
กู้หยุนหลันสังเกตเห็นว่าสายตาของชาวบ้านคนนั้น ดูมีบางอย่างผิดปกติ จึงขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย
หลี่โม่จูงมือกู้หยุนหลัน ในตอนที่กำลังจะเดินไปขึ้นไปตามถนนบนภูเขา ชาวบ้านที่มีปากแหลมแก้มเหมือนลิงก็พูดขึ้นอีกครั้ง
“ช่วงนี้บนภูเขามีเรื่องแปลก ๆ ทางที่ดีพวกคุณควรจ้างไกด์นำทางจะดีกว่านะ ไม่งั้นเกิดหลุดเข้าไปในที่ที่มันอันตรายโดยไม่ได้ตั้งใจ อาจไม่มีชีวิตรอดกลับมาก็ได้”
หลี่โม่ไม่สนใจชาวบ้านคนนั้น พากู้หยุนหลันเดินขึ้นไปบนภูเขาอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นว่าหลี่โม่ไม่สนใจตัวเอง ชาวบ้านคนนั้นก็หันหน้าไปถ่มน้ำลายลงพื้น : “ถุย! คนเค้าอุตสาห์เตือนด้วยความหวังดีแท้ ๆ ยังไม่เห็นคุณค่าอีก รอให้ขึ้นไปเจอดีบนภูเขาซะก่อนเถอะแล้วจะรู้สึก”
พวกชาวบ้านที่นั่งยอง ๆ อยู่ข้าง ๆ ต่างพากันหัวเราะผสมโรง
“ชายหญิงคู่นั้นต้องขึ้นภูเขาไปหาความตื่นเต้นชัวร์ เลยไม่อยากให้พวกเรานำทาง แต่สาวสวยคนนั้นดูไปแล้วโคตรแจ่มเลยว่ะ”
“ ก็นั่นน่ะสิ! สวยกว่าแม่ม่ายน้อยในหมู่บ้านคนก่อนหน้านี้เป็นร้อยเท่า น่ากลัวว่าชีวิตนี้ฉันคงไม่มีโอกาสได้แอ้มสาวสวยขนาดนี้ได้แน่ ๆ เลยโว้ย”
“ก็ไม่แน่หรอกเว้ย พวกพี่เฉียนอยู่ในหมู่บ้านนะ ดีไม่ดีแค่กระดิกนิ้วทีเดียว ก็อาจจะคว้าแม่พวกสาวสวยนั่นมา….ก็ได้นะโว้ย ฮิ ๆ ๆ ๆ”
ดวงตาของชาวบ้านพวกนั้นสว่างวาบขึ้นมาทันที สีหน้าเปลี่ยนเป็นตื่นเต้นกระเหี้ยนกระหือรือ
ชาวบ้านพวกนี้ ล้วนแต่เป็นพวกนักเลงขี้เกียจสันหลังยาวในหมู่บ้าน เวลาปกติมักทำเรื่องชั่วร้ายลับ ๆ ล่อ ๆ ประเภทลักขโมย ข่มขืน และต้มตุ๋น ในเวลานี้เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา คนส่วนใหญ่จึงคิดว่านี่อาจเป็นโอกาสอันดี
ชาวบ้านที่มีปากแหลมแก้มเหมือนลิงลังเลไปพักหนึ่ง ก็พูดขึ้นว่า “พวกแกอย่าหลับหูหลับตาทำเป็นเล่นไปนะโว้ย คนอย่างพวกพี่เสียน ไม่ใช่ประเภทที่พวกเราจะไปหาเรื่องได้นะ”
ชาวบ้านคนอื่น ๆ ต่างหันมามองชาวบ้านปากแหลม แก้มเหมือนลิงด้วยสีหน้าเหยียดหยาม
“ไอ้ลิง ถ้าแกขี้ขลาดก็ไสหัวกลับบ้านไปนอนเลยไป๊! บนภูเขามีปีไหนบ้างวะที่ไม่มีคนมาตายแบบหาสาเหตุไม่ได้? กว่าจะได้เจอผู้หญิงชั้นยอดขนาดนี้สักครั้ง ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลยนะโว้ย ต้องคว้าโอกาสลองชิมดูซักครั้งในชีวิตสิวะ”
“ ก็นั่นน่ะสิ จะว่าไป ถ้าทำให้พี่เสียนพอใจได้ แค่กอดต้นขาพี่เสียนไว้ให้มั่น หลังจากนี้ก็มีแต่จะได้อยู่ดีกินดีไปตลอดชีวิตล่ะเว้ย”
“ไอ้ลิง แกรีบไสหัวไปไกล ๆ เลยไป๊! พวกเราจะทำอะไร แกก็ไม่ต้องมาสอดปากไม่เข้าเรื่อง ถ้าแกกล้าปูดเรื่องนี้ออกไปล่ะก็ รับรองเลยว่าแกได้ศพไม่สวยแน่”
พวกนักเลงในหมู่บ้านที่เหลือมองไอ้ลิงด้วยสายตาข่มขู่ ไอ้ลิงกระทืบเท้า ถอนหายใจเฮือก แล้วหันหลังวิ่งกลับไปที่หมู่บ้าน
พวกนักเลงในหมู่บ้านมองตามแผ่นหลังของไอ้ลิง แล้วพากันหัวเราะเยาะเย้ยไอ้ลิงขึ้นมาอีกครั้ง
หลังหัวเราะเยาะเย้ยเสร็จ มีคนหนึ่งล้วงโทรศัพท์ออกมา แล้วกดเลขหมายอย่างช่ำชอง
โทรศัพท์ถูกเชื่อมต่อ หลังจากการสนทนากันไม่กี่ประโยค ชาวบ้านคนนั้นก็วางสาย พวกที่เหลือก็เข้ามารวมตัวกันแล้วพูดกระซิบกระซาบ
สุดท้ายพวกชาวบ้านเหล่านั้นก็ยืนขึ้นพร้อมกัน แล้วเดินไปตามถนนบนภูเขา ในขณะที่ช่วงเวลาเดียวกันนั้น ไอ้ลิงก็กำลังวิ่งอย่างรวดเร็วราวเหาะได้ขึ้นไปบนภูเขา
ที่เมื่อกี้เห็นว่าไอ้ลิงวิ่งกลับไปที่หมู่บ้าน แต่จริง ๆ แล้วพอวิ่งไปได้ครึ่งทาง เจ้าตัวก็เปลี่ยนเส้นทาง แล้ววิ่งขึ้นไปตามทางลัดเพื่อไล่ตามพวกหลี่โม่ไป
แม้ว่าไอ้ลิงจะมีหน้าตาเหมือนลิง ปากแหลมแถมมีนิสัยขี้เกียจ แต่ในใจก็ยังพอนับได้ว่ามีความเมตตาอยู่บ้าง เขาทนไม่ได้ที่จะเห็นหลี่โม่กับกู้หยุนหลันต้องตกไปอยู่ในเงื้อมมือของพี่เสียน ดังนั้นเขาจึงคิดอยากจะไปส่งข้อความถึงทั้งสอง
“แฮ่ก ๆ ๆ ๆ”
ไอ้ลิงกระโดดอย่างคล่องแคล่วไปบนเส้นทางขึ้นเขา ทั้งพลิ้วไหว รวดเร็ว จนดูเหมือนลิงที่กำลังวิ่งอยู่บนภูเขาจริง ๆ ยังไงยังงั้น
เมื่อวิ่งพ้นออกมาจากกอหญ้า ในที่สุดไอ้ลิงก็มาถึงถนนบนภูเขา เขายืนหอบแฮ่ก ๆ พลางมองดูหลี่โม่กับกู้หยุนหลันที่ค่อย ๆ เดินขึ้นภูเขาไปอย่างสบาย ๆ ไม่รีบร้อน
หลี่โม่แค่คิดว่าอยากจะพากู้หยุนหลันไปเดินเที่ยวรอบ ๆ ภูเขาสักรอบ ดังนั้น ตลอดทางที่ขึ้นมา เขาจึงค่อย ๆ เดินอย่างช้า ๆ
เมื่อเห็นไอ้ลิงวิ่งพรวดพราดออกมาจากข้างหน้าแบบกะทันหัน กู้หยุนหลันก็รู้สึกประหลาดใจมาก จับมือหลี่โม่แน่นโดยไม่รู้ตัว เอนตัวเข้าไปจนชิดหลี่โม่ ราวกับว่ามีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย
“หลี่โม่ ทำไมชาวบ้านปากแหลมแก้มเหมือนลิงคนนั้น ถึงได้วิ่งมาข้างหน้าเราแบบนี้ล่ะ? เขาคงไม่ได้คิดจะมาทำอะไรแย่ ๆ หรอกนะ?”
“เขาผอมกะหร่องเป็นไม้เสียบผีอย่างนั้น จะทำเรื่องเลวร้ายอะไรได้ ? มีฉันอยู่ทั้งคน เธอไม่ต้องกลัวหรอก” หลี่โม่พูดจบ ก็พากู้หยุนหลันตรงเข้าไปหาไอ้ลิง
ไอ้ลิงหอบหายใจเข้าไปหลายเฮือก แสดงสีหน้ากังวลใจก่อนจะเอ่ยปากเตือนหลี่โม่ว่า
“พวกคุณรีบหนีไปเร็วเข้าเถอะ! อย่าขึ้นไปบนภูเขาเลยนะ เมื่อกี้มีคนรายงานพี่เสียนแล้ว ถ้าพวกคุณขึ้นภูเขาไป พวกคุณมีหวังได้ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของพี่เสียนแน่”
“พี่เสียน? นั่นมันเป็นของบ้าบออะไรกัน?” หลี่โม่ถามพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ
“ของ…ของบ้าบอเหรอ? พี่เสียนจะเป็นของบ้าบอไปได้ยังไงอ่ะ? เฮ้ย! ไม่ใช่! พี่เสียนไม่ใช่ของบ้าบออะไร ถุย! ก็ไม่ใช่อีกนี่หว่า…..”
หลังจากที่ไอ้ลิงพูดวนเวียนไปมาได้สองสามประโยค ดวงตาทั้งสองข้างกลอกกลิ้งเบิกโพลง เหมือนสมองที่มีอันน้อยนิด ถูกทำให้สับสนงงงันไปโดยปริยายแล้วในตอนนี้
หลังจากพูดอะไรที่ไม่เข้าใจไปสองสามประโยค ไอ้ลิงก็ส่ายหัวแรง ๆ โบกมือทั้งสองข้างแล้วพูดว่า: “อั้ยหยา! ไม่พูดถึงเรื่องนี้แล้ว! พี่เสียนเป็นของบ้าบอรึเปล่าฉันก็ไม่รู้อ่ะนะ แต่ยังไงก็เถอะ พวกคุณสองคนรีบหนีไปเร็วเข้าเหอะน่า อย่าขึ้นไปบนภูเขาอีกเลย”
หลี่โม่กลับมองไอ้ลิงด้วยแววตาที่แสดงว่ารู้สึกสนใจ
หลี่โม่รับรู้ได้ว่าไอ้ลิงตามมาหยุดเขาไว้ด้วยความจริงใจ ในขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกสนใจคำว่าพี่เสียนที่ไอ้ลิงพูดถึงอยู่บ้าง
“นายชื่ออะไร? พอจะบอกฉันหน่อยได้มั้ยว่าพี่เสียนที่ว่านั่นมันทำอะไรเหรอ? ทำไมนายถึงได้กลัวเขาขนาดนั้น?”
“ทุกคนเรียกฉันว่าไอ้ลิง นายก็เรียกฉันว่าไอ้ลิงก็ได้ พี่เสียนเป็นคนที่โหดเหี้ยมมาก ๆ ในหมู่บ้านของเรา ตอนยังเป็นเด็ก เคยได้ไปเรียนวิชากังฟูที่วัดมาก่อน ตอนนี้หมู่บ้านของเราถูกพี่เสียนคุมไว้หมดแล้ว ยาสมุนไพรดี ๆ ที่เก็บมาได้ทั้งหมด จะต้องส่งมอบให้พี่เสียน ถ้าไม่ยอมให้ล่ะก็จะถูกพี่เสียนทุบตีจนน่วมเลยล่ะ
ในมือเขามีลูกน้องที่นับกันเป็นน้องชายอยู่หลายสิบคน แถมยังมีปืนลูกซองด้วย ทุกวันนี้ไม่รู้ว่าเขาทำอะไร เขาพาคนไปปิดภูเขาไว้แถบนึง ขอแค่พวกเขาแจ้งข้อความไปให้พี่เสียน ฉันก็แน่ใจได้เลยว่าพวกคุณต้องโชคร้ายแน่แล้ว ดังนั้น พวกคุณควรรีบหนีไปเร็ว ๆ เข้าเหอะน่า ไม่งั้น คุณผู้หญิงคนสวยคนนี้น่ากลัวว่าจะ…..”
คำพูดหลังจากนั้น ไอ้ลิงไม่ได้พูดออกมาจากปาก แค่ส่งสายตาสื่อความหมาย “นายเข้าใจใช่ป่ะ?” ไปให้หลี่โม่แวบหนึ่ง
หลี่โม่พยักหน้าน้อย ๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มจาง ๆ ว่า “ขอบใจนายมากนะ ภูเขาน่ะยังไงก็ต้องเข้าไปอยู่ แต่พวกเราจะระวังให้มากขึ้นก็แล้วกัน”
“นาย… ทำไมถึงไม่ฟังคนเค้าเตือนมั่งเลยล่ะเนี่ย? ช่างเถอะ ๆ ถือซะว่าฉันทำตัวเป็นคนดีแบบเสียเปล่าไปละกัน ! เดาว่าคนข้างล่างคงใกล้จะไล่ตามมาทันแล้วล่ะมั้ง? ฉันต้องไปก่อนล่ะ”
หลังจากที่ไอ้ลิงพูดจบ ก็รีบพุ่งตัวเข้าไปที่กอหญ้าริมทาง หันหน้ามาเหลือบมองหลี่โม่แวบหนึ่ง : ” ทางที่ดีรีบตามฉันมาดีกว่านะ ไม่งั้นคงได้เจอเรื่องซวยหนักจริง ๆ แน่ ”
หลี่โม่โบกมือให้ไอ้ลิง ไอ้ลิงมองส่งหลี่โม่ด้วยสายตาจนใจ วิ่งลงจากภูเขาไปตามเส้นทาง
กู้หยุนหลันมองหลี่โม่ด้วยความกังวล: “หลี่โม่ หรือว่าพวกเราลงเขาไปกันดีกว่ามั้ย? ไว้วันหลังค่อยไปเที่ยวภูเขากันใหม่ก็ได้”
“ทำแบบนั้นได้ยังไงล่ะ? กว่าจะได้ออกมาเที่ยวเล่นกับเธอแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ นะ พวกเราต้องเที่ยวให้สนุกสิถึงจะถูก”
“แต่ดูเหมือนไอ้ลิงจะไม่ได้พูดโกหกนะ เข้าไปในภูเขาอาจเป็นอันตรายจริง ๆ ก็ได้ เรื่องเที่ยวน่ะจะทำเมื่อไหร่ก็ได้ ยังไงก็คิดถึงความปลอดภัยมาเป็นอันดับหนึ่งกันเถอะ”
กู้หยุนหลันจับมือหลี่โม่แน่น ส่งสัญญาณขอร้องให้หลี่โม่กลับไป
ยังไม่ทันที่หลี่โม่จะได้พูดอะไร ที่ด้านหลังของทั้งสอง ก็ปรากฏเสียงหอบหายใจดังฟืดฟาด ๆ ดังใกล้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง
นักเลงในหมู่บ้านเหล่านั้น ได้ไล่ตามพวกเขามาจนทันแล้ว
“โย่ว! มีสาวสวยอยู่ข้างหน้านะโว้ย เร่งฝีเท้าเข้าพี่น้องทั้งหลาย จับสาวสวยได้เมื่อไหร่ ก็ได้สนุกกันมันส์หยดล่ะเว้ย”
“ฮ่า ๆ ๆ ใครจับได้ก่อนคนนั้นก็ล่อก่อนเลยนะโว้ย มาแข่งกันดีกว่าว่าใครจะมีปัญญากว่ากัน!”