จักรพรรดิมังกร - บทที่ 713 ก็แค่ตัวเรือดน่ารำคาญแค่นั้น
พวกนักเลงในหมู่บ้านต่างโห่ร้องแล้ววิ่งกรูกันขึ้นมา หลี่โม่ก้าวเท้าขึ้นมาข้างหน้า ดันตัวกู้หยุนหลันไปหลบไว้ข้างหลังเขา
กู้หยุนหลันมองดูพวกนักเลงในหมู่บ้านที่วิ่งกรูเข้ามาอย่างเคร่งเครียด รู้สึกกังวลใจอย่างมาก: “หลี่โม่ อย่าอวดเก่งเลยนะ ได้ยินมาว่าพวกชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในภูเขา ขึ้นชื่อเรื่องเกาะกลุ่มกันเหนียวแน่น ปกป้องคนในของตัวเองเป็นที่สุด ถ้าไปมีเรื่องกับพวกเขา ก็เหมือนมีเรื่องกับคนทั้งหมู่บ้าน ถ้ายังไงพวกเราแจ้งความกันเถอะ”
“ถ้ามัวรอจนสายตรวจมาถึง ดอกจำฉ่ายก็เย็นไปหมดแล้ว (เป็นสำนวนที่อธิบายเหตุการณ์ที่รอคอยความช่วยเหลือ แต่ความช่วยเหลือนั้นมาช้าเกินไปจนช่วยไม่ทัน คล้ายสำนวน น้ำไกลไม่อาจดับไฟใกล้) ภรรยาอย่ากังวลไปเลยน่า ก็แค่ฝูงปลาซิวปลาสร้อยเล็ก ๆ ฝูงนึง แค่ฉันดีดนิ้วทีเดียวก็จัดการได้หมดแล้วล่ะ ” หลี่โม่พูดอย่างสบายอกสบายใจไร้กังวล
นักเลงจากหมู่บ้านที่มีร่างกายกำยำแข็งแรงหลายคน พุ่งตัวมาถึงตรงหน้าหลี่โม่แล้ว พลันยื่นแขนที่หยาบหนาออกไป ชิงลงมือด้วยการทั้งคว้าทั้งตีไปที่หลี่โม่อย่างรุนแรง
หลี่โม่โบกแขนทั้งสองเบา ๆ ใช้กระบวนท่าไท่เก๊กออกไปสองสามท่า พวกนักเลงในหมู่บ้านที่พุ่งเข้ามาก็แผดเสียงร้องโหยหวน แล้วกลายสภาพเป็นน้ำเต้าที่ร่วงหล่นลงไปกองกับพื้น
“อ้าก! แขนฉันเจ็บฉิบหายเลยโว้ย! เหมือนมันจะหักอยู่แล้ว!”
“มือฉัน! ทำไมมือฉันไม่มีความรู้สึกแล้ววะ!”
เสียงร้องคร่ำครวญอย่างเจ็บปวดของพวกนักเลงจากหมู่บ้านดังระงม ปะปนกับความหวาดกลัวตื่นตระหนก ทุกคนกระเสือกกระสนดิ้นรนบนพื้นกันสุดชีวิต เพื่อจะอยู่ให้ห่างจากหลี่โม่ไกลอีกซักนิดก็ยังดี
“พวกแกมีปัญญากระจิบกระจอกแค่นี้ ยังมีหน้าคิดจะมาปล้นสวาทชาวบ้านอีกงั้นเหรอ?”
“เปล่านะ! พวกเราไม่…ไม่ได้คิดจะมาปล้นสวาท พวกเราไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นเลย! ทั้งหมดเป็นการเข้าใจผิด!” พวกนักเลงจากหมู่บ้านต่างร้องขอความเมตตาซ้ำแล้วซ้ำเล่า พูดแต่คำว่าเป็นการเข้าใจผิด
“แค่เข้าใจผิดก็ลงไม้ลงมือได้แล้วงั้นเหรอ? พวกแกไปคิดวิธีมาซะว่าจะยอมรับความผิดนี้ของตัวเองยังไง รอให้ฉันลงจากภูเขาไปเมื่อไหร่ ฉันจะไปตามหาพวกแก ถ้าท่าทางสำนึกผิดของพวกแกไม่ดีพอล่ะก็ ผลที่จะตามมาจะเป็นยังไง พวกแกก็คิดเอาเองละกัน!”
หลี่โม่พูดทิ้งท้ายไว้ประโยคหนึ่ง ก็หันหลังไปดึงตัวกู้หยุนหลันที่ยังคงยืนอย่างสับสนมึนงง เดินตรงเข้าไปในส่วนลึกของภูเขา
พวกนักเลงจากหมู่บ้านพากันมองตามแผ่นหลังของหลี่โม่ สายตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวแตกตื่น สยดสยอง และขุ่นเคืองผสมปนเปกัน
“สัดเอ๊ย! ไอ้เด็กเวรนี่แม่งลงมือโหดจริง ๆ เลยว่ะ พวกเราจะทำยังไงดีกันดีวะ? ถ้ารอให้มันลงจากภูเขาไปจริง ๆ น่ากลัวว่ามันจะมาตามคิดบัญชีกับพวกเราแน่”
“ จะรอให้มันออกจากภูเขาได้ไงล่ะวะ เราต้องรีบโทรหาพี่เสียน แล้วบอกไปว่าไอ้เด็กนั่นขึ้นภูเขาไปก่อกวนเรื่องดี ๆ ของเขา แบบนั้นรับรองเลยว่าพี่เสียนจะต้องฆ่าไอ้เด็กนั่นทิ้งชัวร์ ”
“ความคิดนี้ไม่เลว แกรีบโทรหาพี่เสียนเร็ว ๆ สิวะ แค่พี่เสียนลงมือพวกเราก็รอดตัวแล้ว แต่เสียดายที่ไม่มีโอกาสได้แอ้มสาวสวยขนาดนั้นซะแล้วว่ะ”
หลี่โม่กับกู้หยุนหลันเข้าไปจนถึงกลางภูเขาแล้ว ด้วยระดับความสูงที่เพิ่มขึ้น อุณหภูมิก็ค่อย ๆ ลดต่ำลง
กู้หยุนหลันเริ่มรู้สึกหนาวขึ้นมาเล็กน้อย จึงยกสองมือขึ้นมากอดไว้ที่หน้าอก ดูเหมือนวิธีนี้จะช่วยให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นมาได้บ้าง มือของหลี่โม่วางลงบนไหล่ของเธออย่างเป็นธรรมชาติ
“ไหล่เธอเย็นจัง รู้สึกหนาวหน่อย ๆ แล้วใช่มั้ย ? เดี๋ยวฉันช่วยทำให้อุ่นดีกว่านะ” หลี่โม่พูดพลางโอบกู้หยุนหลันเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขนอย่างนุ่มนวล
เมื่อรู้สึกถึงความร้อนจากร่างกายของหลี่โม่ กู้หยุนหลันก็รู้สึกว่าความหนาวเย็นที่รู้สึกเมื่อครู่ค่อย ๆ สลายหายไปจริง ๆ
แต่แม้ว่าความหนาวเย็นจะหายไป ความเขินอายกลับพุ่งจู่โจมเข้าที่หัวใจของเธอไม่หยุด กู้หยุนหลันหน้าแดงก่ำ แอบเหลือบตามองหลี่โม่: “คุณหนาวมั้ย?”
“ฉันจะหนาวได้ยังไงล่ะ? รู้สึกมั้ยว่าอ้อมแขนของฉันมันอุ่นมาก?”
หลี่โม่ยิ่งกอดกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นเรื่อย ๆ ใบหน้าอันพริ้มเพราของกู้หยุนหลันก็ค่อย ๆ แนบชิดเข้าที่ไหล่ของหลี่โม่มากขึ้นเรื่อย ๆ ความรู้สึกอบอุ่น นุ่มนวล และปลอดภัย ทำให้ชั่วเวลานี้ กู้หยุนหลันรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขมากจนเกินบรรยายแล้ว
บางทีนี่อาจเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุด นับตั้งแต่ยังเป็นเด็กจนกระทั่งเติบโตขึ้นมาของกู้หยุนหลันเลยทีเดียว นั่นเป็นเพราะมีหลี่โม่อยู่เคียงข้าง มีอ้อมกอดของหลี่โม่ เธอชอบความรู้สึกอันแสนสุขแบบนี้มากเหลือเกิน
เรือนร่างอบอุ่นนุ่มนิ่มกลิ่นกายหอมกรุ่นเอนซบอยู่ในอ้อมแขน หลี่โม่เดินโอบกู้หยุนหลานในวงแขนด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข พลางเดินไปข้างหน้าเงียบ ๆ
ทั้งสองต่างก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เพราะกลัวว่าเสียงพูดจะไปทำลายบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความรู้สึกอันแสนสวยงามนั้น
แล้วสุดท้าย ความงดงามนั้นจะถูกทำลายลงจนพังทลาย แหลกสลายไปในชั่วพริบตา
ปรากฏเสียงฝีเท้าดังซ่า ๆ ขึ้นที่กลางภูเขา แม้ว่าจะเป็นเสียงที่เบามาก แต่ก็ไม่สามารถรอดพ้นจากประสาทหูของหลี่โม่ได้
สายตาของหลี่โม่กวาดมองไปรอบ ๆ ทั้งสี่ทิศทันที
เงาร่างที่แข็งแรงกำยำหลายร่าง พุ่งเข้ามาในสายตาของหลี่โม่ ตำแหน่งยืนของเงาคนเหล่านั้นมีความเฉพาะเจาะจงมาก ทั้งหมดสร้างรูปแบบเป็นตาข่ายปากกว้างขึ้นมาปากหนึ่ง ตาข่ายในลักษณะที่เปิดกว้างนี้ หากหลี่โม่ยังคงเดินหน้าต่อไป จะต้องหลุดเข้าไปในตาข่ายนี้อย่างแน่นอน
หลี่โม่ยกยิ้มที่มุมปาก แขนโอบที่ไหล่ของกู้หยุนหลัน พลางเดินทอดน่องสบาย ๆ ไปทางตาข่ายนั้น เมื่อหลี่โม่เดินเข้าไปถึงกลางตาข่าย พวกกลุ่มคนที่ประกอบกันเป็นตาข่ายก็เริ่มเคลื่อนไหว
เงาร่างที่แข็งแรงโผล่ออกมาจากด้านหลังต้นไม้ที่หลบซ่อนอยู่ทีละคน ๆ หลังการกระโดดทะยานเข้ามาสองครั้ง ทั้งหมดก็เข้าล้อมกรอบหลี่โม่กับกู้หยุนหลันเอาไว้กลางวงล้อม
กู้หยุนหลันที่กำลังดื่มด่ำอยู่กับความสุข เพิ่งจะค้นพบความผิดปกติเอาในเวลานี้นี่เอง
“อ๊าย!” เสียงบอบบางหวานหูดังออกมาจากปากของกู้หยุนหลัน
หลี่โม่ตบที่ไหล่อันหอมกรุ่นของเธอเบา ๆ: “อย่ากลัวไปเลยคุณภรรยา แค่ตัวเรือดน่ารำคาญสองสามตัวแค่นั้นเอง”
ไอ้หัวล้านที่มีร่างกายใหญ่หนาเทอะทะ จ้องมองหลี่โม่ด้วยสายตาโหดเหี้ยม: “ตัวเรือดเรอะ? ไอ้เด็กเวรนี่บังอาจพูดว่าพวกเราเป็นตัวเรือดงั้นเหรอวะ!”
คนอื่น ๆ ที่เหลือต่างพากันหัวเราะขึ้นมาหลายครั้ง แข่งกันหัวเราะจนเสียงดังอื้ออึง
“เป็นตัวเรือดก็เป็นตัวเรือดสิวะ! ได้อึ๊บอีหนูที่สวยหยาดเยิ้มขนาดนี้ ให้กูเป็นตัวเรือดกูก็ยอมล่ะโว้ย”
“ ตัวเรือดกับสาวสวยแม่งโคตรเข้ากันเลยว่ะ งั้นพวกเราก็เป็นตัวเรือดไปแย่งตัวสาวสวยนี่มาก่อน แล้วค่อยฆ่าไอ้เด็กเวรนี่ทิ้งซะ! ”
หลี่โม่โอบกู้หยุนหลันไว้ในอ้อมแขนจนแน่น เอื้อมมือไปลูบไล้แผ่นหลังงามระหงของเธอเบา ๆ : “ไม่ต้องกลัวนะ ทุกอย่างปล่อยให้ฉันจัดการเอง”
หลี่โม่พูดปลอบใจกู้หยุนหลันไปประโยคหนึ่ง กู้หยุนหลันพยักหน้ารับ จ้องมองใบหน้าอันหล่อเหลาของหลี่โม่อย่างแน่วแน่
ไอ้หัวล้านกำหมัดทั้งสองข้างจนแน่น ออกแรงบดที่นิ้วมือหนัก ๆ จนกระดูกข้อต่อที่นิ้วมือส่งเสียงลั่นดังกร๊อบ ๆ
“ปล่อยให้แกจัดการ? อย่ามาพูดให้ขำเลยว่ะไอ้หนู ทางที่ดีแกทิ้งแม่สาวแสนสวยคนนี้ไว้ให้พวกเราจะดีกว่า แบบนั้นแกอาจจะได้ตายสบายขึ้นมาหน่อย”
หลี่โม่ยกมือซ้ายขึ้น มองไอ้หัวล้านพลางหัวเราะเบา ๆ “ฉันจะใช้มือแค่ข้างเดียว แกจะลองดูก็ได้นะว่าจะเอาชนะฉันได้รึเปล่า? ”
“เชี่ยแม่ง! ยังมีหน้าจะใช้มือแค่ข้างเดียว? กูฝึกหมัดมวยมาตั้งแต่เด็ก แม้แต่แชมป์มวยก็ยังถูกกูซัดน่วมจนต้องร้องหาพ่อ ไอ้เด็กเวรอย่างแกยังแกล้งทำเป็นเก่งจะใช้แค่มือเดียว? ” ไอ้หัวล้านพูดจบ ก็เงื้อหมัดขึ้นแล้วเหวี่ยงเข้าใส่หลี่โม่ทันที
หมัดนั้นแรงมาก เสียงลมที่เกิดจากแรงปะทะหมัดกับอากาศก็ดังมาก รวมถึงความเร็วหมัดก็เร็วมากเช่นกัน
ทั้งหมดแสดงให้เห็นว่าไอ้หัวล้านนั้นก็มีฝีมือมากพอตัวอยู่ ไม่ได้พูดลอย ๆ โอ้อวดปากเปล่า
หลี่โม่ยืนนิ่ง ๆ ไม่มีการขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย
กู้หยุนหลันหลับตาปี๋ ฝังใบหน้าลงบนแผงอกของหลี่โม่แน่น เพราะเธอไม่กล้าดูผลลัพธ์ของเรื่องนี้จริง ๆ
บนหน้าของไอ้หัวโล้นปรากฏรอยยิ้มย่ามใจ คิดในใจว่าหลี่โม่ถูกแรงหมัดอันรวดเร็วทรงพลังของเขาทำให้ตกใจกลัวจนเซ่อไปแล้วแน่ ๆ
“ฮ่า ๆ ๆ ยืนเซ่อพูดไม่ออกเป็นห่านใบ้เลยเหรอวะ? ใช้กำปั้นของแกมาสู้กับชั้นสิโว้ย” ไอ้หัวล้านตะโกนเสียงดังแล้วความเร็วของหมัดให้เร็วยิ่งขึ้น
ชั่วขณะก่อนที่หมัดของไอ้หัวล้านกำลังจะกระแทกใบหน้าหลี่โม่ พริบตานั้นหลี่โม่ก็ขยับมือ
ฝ่ามือของหลี่โม่เคลื่อนไหวอยู่ตรงหน้าเขา ผสมผสานกลายเป็นท่าป้องกันอันสมบูรณ์แบบ
“พลั๊วะ!”
หมัดของไอ้หัวล้าน ต่อยเข้าใส่ฝ่ามือของหลี่โม่อย่างจัง ฉากนี้ทุกคนคิดว่าหลี่โม่จะถูกซัดจนปลิวกระเด็นขึ้นไปในอากาศแน่แล้ว แต่กลับไม่ปรากฏฉากที่ว่านี้ กลับกลายเป็นไอ้หัวล้านส่งเสียงร้องโหยหวนอย่างน่าสังเวชขึ้นมาแทน
ไอ้หัวล้านรู้สึกว่าหมัดของตัวเองกระแทกเข้ากับแผ่นเหล็ก ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงค่อย ๆ แผ่มาจากด้านหน้าหมัด
ฝ่ามือของหลี่โม่ค่อยๆ กำเป็นหมัดแน่น กำเอาหมัดของไอ้หัวล้านไว้ในมืออย่างแน่นหนา
แรงบีบค่อยๆ เพิ่มมากขึ้น ปรากฏเสียงแตกหักของกระดูกดังกร๊อบ ๆ ออกมาให้ได้ยิน กระดูกนิ้วมือ กับกระดูกฝ่ามือของไอ้หัวล้าน ต่างก็ถูกหลี่โม่บดขยี้ลงไปต่อหน้าต่อตา
“อ้าก!!!”
ไอ้หัวล้านแหงนคอขึ้น ใบหน้าบิดเบี้ยวเหยเก แหกปากร้องด้วยความเจ็บปวดเหมือนใจจะขาดลงไปตรงนั้นซะให้ได้
ความเจ็บปวดยังไปกระตุ้นความดุร้ายของไอ้หัวล้านให้เพิ่มมากขึ้น หลังฝืนอดทนต่อความเจ็บปวดได้ ไอ้หัวล้านก็เหวี่ยงหมัดอีกข้างออกไปใส่หลี่โม่: “กูขอสู้ตายกับมึงแล้ว ! กูไม่เชื่อหรอกว่าจะฆ่ามึงไม่ได้!”