จักรพรรดิมังกร - บทที่ 715 ยึดครองภูเขาทำตัวเป็นราชาไปก็แล้วกันเถอะ
ฮึ! ไอ้คู่ชายหญิงหน้าหมาสองคนนี้ยังจะมีอารมณ์มาจี๋จ๋าจีบกันอยู่อีกเหรอวะ! รอให้ได้เจอพี่เสียนก่อนเหอะ กูจะบี้พวกมึงให้เละเลยคอยดู! บังอาจทำให้มือกูเป็นแบบนี้ กูต้องแก้แค้นพวกมึงเป็นสองเท่า จะบดขยี้กระดูกทุกชิ้นในตัวของมึงเลยคอยดู ไอ้หลี่โม่!
ไอ้หัวล้านคิดในใจอย่างเคียดแค้น เท้าที่ก้าวเดินก็ค่อยๆ ก้าวยาวขึ้น ความเร็วก็ยิ่งเพิ่มขึ้นอย่างมาก แค่คิดว่าจะบรรลุเป้าหมายในการแก้แค้นให้เร็วที่สุด
เมื่อมองเห็นเต็นท์สีเขียวสองสามแห่งจากระยะไกล ๆ ไอ้หัวล้านก็มีท่าทางกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาในทันที
ถึงแล้ว! ถึงแคมป์ของพี่เสียนแล้ว ไอ้เด็กเวรนี่ได้ตายแหงแก๋แน่คราวนี้ !
ไอ้หัวล้านรีบวิ่งขึ้นไปสองก้าว แล้วตะโกนเสียงดัง: “พี่เสียน ไอ้คนที่จะมาแย่งยาอายุวัฒนะมันมาแล้ว! แถมฝีมือมันร้ายกาจมาก ทุกคนรีบเตรียมตัวระวังให้ดีล่ะ!”
ด้วยเสียงตะโกนของไอ้หัวล้าน เต็นท์พักแรมที่อยู่ห่าง ๆ นั้นก็เกิดความเคลื่อนไหว มีเงาร่างคนจำนวนมากโผล่ออกมาอย่างรวดเร็ว
พี่เสียนที่สวมชุดลายพรางนำทีมพวกลูกน้องออกมาจากแคมป์ หันมองไปทางไอ้หัวล้านที่กำลังร้องตะโกนแหกปากเสียงดังสนั่น
พี่เสียนสูงถึงหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร ผิวดำมะเมื่อมและมีใบหน้าที่ดูธรรมดา แต่ดวงตากลับสว่างจ้าจนผิดปกติ แสดงให้เห็นว่าเขามีบางอย่างที่ไม่เหมือนกับคนทั่วไป
ไอ้หัวล้านวิ่งไปได้แค่ครึ่งทาง ที่ปากก็มีเลือดพุ่งออกมาอย่างกะทันหัน จากนั้นมันก็เดินโซซัดโซเซแล้วค่อย ๆ ทรุดตัวล้มลงไปกองกับพื้น
พี่เสียนกับพวกลูกน้องถึงกับตกตะลึงไปพักใหญ่ ไม่มีใครคิดหรอกว่า ไอ้หัวล้านที่มีร่างกายแข็งแรงกำยำจะอยู่ดี ๆ ก็กระอักเลือด แล้วร่วงลงไปกองกับพื้นแบบนั้น
พี่เสียนหรี่ตาลงเล็กน้อย “ดูเหมือนว่าจะเจอตอแข็งเข้าแล้วว่ะ ทำซะไอ้เวรนั่นแหกปากร้องตะโกนดังลั่นได้ ตามกูไปดูซิว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”
กริ๊งกร๊าง! กริ๊งกร๊าง!
ปรากฏเสียงกระทบของโลหะดังระรัวต่อเนื่อง พวกคนของพี่เสียนรีบคว้ามีดมาเชเต้กับปืนลูกซองออกมา
* (มีดมาเชเต้ “Machete” เป็นมีดที่ช่วยทุ่นแรงผู้ใช้งานได้ดี มักใช้ในการเดินป่า ตัดไม้ เดิมทีเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการเกษตรเนื่องจากมีคุณสมบัติในการตัดและสับสูงมาก บ้างเรียกว่ามีดดาบ มีขนาดใบมีดกว้าง มีลักษณะเหมือนดาบแต่สั้นกว่า เหมาะนำไปใช้ฟันพวกวัชพืชหรือกิ่งไม้เวลาเดินป่า)
ผู้ชายราว ๆ 20 คนควงมีดมาเชเต้ในมือ ตามพี่เสียนออกไปหาหลี่โม่ด้วยท่าทางโหดเหี้ยมดุดัน
ชั่วขณะนั้น กู้หยุนหลันก็มองไปที่ศพไอ้หัวล้านด้วยความสงสัย: “หลี่โม่ ไอ้หัวล้านนั่นเป็นอะไรไปเหรอ? ทำไมจู่ ๆ ก็ล้มลงไปแบบนั้นล่ะ? ดูเหมือนว่าเมื่อกี้เขาจะกระอักเลือดด้วย”
“เดาว่าคงป่วยเป็นอะไรซักอย่างมั้ง? หรือไม่ก็อาจเพราะระหว่างวิ่งหนีแล้วเกิดบาดเจ็บภายในขึ้นมาก็ได้” หลี่โม่พูดเดาไปเรื่อยเปื่อย เรื่องการฆ่าคนด้วยกำลังภายในของเขาเรื่องนี้ หลี่โม่ไม่เคยมีความตั้งใจที่จะบอกออกไปอยู่แล้ว
พี่เสียนพาพรรคพวกเดินไปถึงศพของไอ้หัวล้านแล้ว มีคนสองคนนั่งยอง ๆ ลงไปแล้วพลิกศพไอ้หัวล้านที่นอนคว่ำหน้าอยู่ให้หงายขึ้นมา
หลังจากตรวจสอบไปสองครั้ง ทั้งสองคนนั้นก็ยืนขึ้น แล้วส่ายหน้าด้วยความงุนงง: “ไอ้หัวล้านตายแล้ว เหมือนว่ามันได้รับบาดเจ็บภายใน”
“บาดเจ็บภายใน?” พี่เสียนพูดเสียงเบา สายตาที่จ้องมองหลี่โม่เปลี่ยนเป็นระแวดระวังขึ้นมาทันที คนที่สามารถต่อยตีไอ้หัวล้านที่มีร่างกายแข็งแรงกำยำจนบาดเจ็บภายในได้ นั่นเป็นอะไรที่ค่อนข้างยากอยู่มาก
“ไอ้หนุ่ม แกมาจากทางไหนวะ ? ทางที่ดีพวกเราควรทำตัวเป็นน้ำบ่อไม่ยุ่งกับน้ำคลองจะดีกว่านะ ” พี่เสียนรู้สึกคาดเดาเบื้องลึกเบื้องหลังของหลี่โม่ไม่ถูกอยู่บ้าง ตั้งใจว่าจะเป็นฝ่ายถอยให้หลี่โม่ซักสามส่วนก่อน รอจนคาดเดาเบื้องลึกของหลี่โม่ได้แล้ว ที่เหลือค่อยว่ากัน
หลี่โม่พูดไปพลาง ก็เดินเข้าไปใกล้เรื่อย ๆ : “ฉันมาจากเส้นทางที่ถูกต้องไง ส่วนที่ว่าน้ำบ่อไม่ควรมายุ่งกับน้ำคลองอะไรนั่น มันก็ต้องดูกันว่าแกจะทำยังไงแล้วล่ะ”
เส้นทางที่ถูกต้อง? ไอ้เด็กนี่มันพูดพล่ามเรื่องไร้สาระอะไรของมันวะ ? อ่านนิยายกำลังภายในมากไปรึเปล่าวะนั่น ? พี่เสียนมองหลี่โม่ด้วยความรู้สึกที่แม้จะไม่พอใจ แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา ทว่าในใจกลับยิ่งมีความรู้สึกคาดเดาถึงเส้นสนกลในของหลี่โม่ไม่ได้มากขึ้นทุกที ๆ
“ดูเหมือนว่าแกก็อยากเป็นขาใหญ่ในยุทธภพว่างั้น ? แกอยากจะให้พวกเราทำอะไร ไหนลองพูดมาให้ฉันฟังหน่อยซิ!?”
“ขาใหญ่ในยุทธภพ? แค่ระดับอย่างแกถือว่าเป็นหนึ่งในขาใหญ่ในยุทธภพได้ด้วยเหรอ? แกจะยกยอตัวเองมากเกินไปหน่อยแล้วล่ะมั้ง?” หลี่โม่พูดพลางส่ายหน้าด้วยท่าทางเหยียดหยามกับคำอวดอ้างของพี่เสียน ที่ว่าตัวเองเป็นขาใหญ่ยุทธภพ ช่างเป็นอะไรที่น่าหงุดหงิดจากก้นบึ้งของหัวใจซะจริง ๆ เลย!
คนอย่างไอ้พี่เสียนพรรค์นี้ ก็แค่พวกนักเลงที่ดีแต่กดขี่ข่มเหงชาวบ้าน ทำตัวเป็นนักเลงคุมถิ่น หากินกับคนในพื้นที่แค่นั้นแหล่ะ
ลูกน้องที่อยู่ด้านหลังของพี่เสียน ต่างก็ไม่พอใจกับคำพูดของหลี่โม่ จึงพากันตะโกนโห่ร้องกันเสียงดังอื้ออึง
“ไอ้หนู! พูดจาหัดระวังปากไว้บ้างนะโว้ย ! ภูเขาลูกนี้เป็นถิ่นของพวกเราทั้งนั้น ทำไมพวกเราจะไม่ใช่ขาใหญ่วะ!”
“ถ้าจะนับมาตั้งแต่อดีต พี่เสียนของเราถึงขั้นก่อตั้งนิกายอะไรซักอย่างบนภูเขาลูกนี้ แล้วกลายเป็นปรมาจารย์ของนิกายได้เลยด้วย พวกเราก็อาจเป็นได้ถึงขั้นผู้อาวุโส ไม่ก็พวกผู้พิทักษ์อะไรทำนองนั้นด้วยซ้ำนะโว้ย!”
หลังจากหลี่โม่กับกู้หยุนหลันได้ฟังคำพูดพวกนี้ ก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
“ พวกแกยึดครองภูเขา ทำตัวเป็นราชาไปก็แล้วกันเหอะ การเป็นราชาภูเขาฟังดูยิ่งใหญ่กว่าการเป็นผู้พิทักษ์ ผู้อาวุโสอะไรนั่นเยอะเลยว่ะ!” หลี่โม่พูดพลางหัวเราะงอหาย จ้องมองพี่เสียนด้วยสายตารังเกียจ
พี่เสียนยกมือขวาขึ้น พวกคนที่อยู่ข้างหลังต่างก็หุบปากฉับ
“ ลูกน้องของฉันไม่มีการศึกษา ทำให้แกต้องมาเห็นเรื่องตลกแล้ว พวกเรามาคุยเรื่องสำคัญกันดีกว่า เรายังมีเรื่องที่ต้องทำในป่าผืนนี้ พวกแกเปลี่ยนไปเที่ยวเล่นที่อื่นกันซะเถอะ”
เมื่อเห็นการยอมถอยให้ครั้งแล้วครั้งเล่าของพี่เสียน บนใบหน้าของพวกลูกน้องพวกนั้นก็แสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา มีสองคนแอบหยิบปืนลูกซองขึ้นมา อดรนทนไม่ไหวคิดจะแอบโจมตีหลี่โม่แบบไม่ให้ได้ตั้งตัว
หลี่โม่ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ภูเขาลูกนี้ไม่ใช่พื้นที่ส่วนตัวของแก แน่นอนว่าฉันอยากไปไหน ฉันก็มีสิทธิ์ไปได้ทุกที่ ยิ่งไปกว่านั้น ฉันได้ยินมาว่าที่นี่มียาอายุวัฒนะอะไรทำนองนั้นอยู่ ฉันก็เลยอยากลองดูซักหน่อยว่า ฉันจะมีวาสนาได้มันมารึเปล่า?”
สีหน้าของพี่เสียนมืดทะมึนลงไปทันที : “ดูเหมือนว่าแกจะไม่ยอมไปจริง ๆ งั้นสินะ? พวกเราต้องใช้เวลาตั้งหลายวัน ทุ่มเททั้งหยาดเหงื่อแรงกายกันอย่างหนัก กว่าจะค้นพบที่นี่ แกคิดจะเผชิญหน้ากับพวกเราให้ได้อย่างงั้นใช่มั้ย ?”
ระหว่างที่พูด พี่เสียนก็เหยียดหลังมือซ้ายขึ้น แอบตั้งท่าเตรียมพร้อมโจมตีท่าหนึ่ง
เมื่อพวกลูกน้องเห็นว่าพี่เสียนเตรียมตั้งท่าพร้อมจะโจมตีแล้ว ทุกคนก็มีอาการกระเหี้ยนกระหือรือขึ้นมาทันที
คนแก๊งนี้เห็นหลี่โม่ขัดนัยน์ตามานานแล้ว บวกกับการที่มีกู้หยุนหลันอยู่ด้วย ในใจของทุกคนจึงมีความคิดที่จะฆ่าหลี่โม่ทิ้ง แล้วจับตัวกู้หยุนหลันมาสนองความอยากให้ฟินสะใจซักครั้ง
หลี่โม่ปล่อยมือจากเอวคอดกิ่วของกู้หยุนหลัน แล้วกระซิบที่ข้างหูของเธอว่า: “คุณภรรยายืนอยู่ที่นี่นิ่ง ๆ อย่าขยับล่ะ เดี๋ยวฉันขอไปจัดการเก็บกวาดขยะพวกนี้ก่อน แล้วจะไปเก็บยาอายุวัฒนะมาเติมเต็มประสิทธิภาพยาให้บริษัทนะ”
“ฉันว่าช่างมันเถอะ พวกนั้นคนเยอะกว่าเรานะ” กู้หยุนหลันพยายามเกลี้ยกล่อมหลี่โม่ให้รีบออกไป แต่เมื่อเห็นความแน่วแน่ในสายตาของเขา เธอก็ไม่พูดอะไรอีก
หลี่โม่สาวเท้าก้าวเดินไปทางพี่เสียน พี่เสียนส่งสัญญาณนิ้วซึ่งซ่อนอยู่ด้านหลัง ด้วยการกระดิกนิ้วสองครั้ง กลุ่มลูกน้องที่อยู่ด้านหลังต่างก็เคลื่อนไหว กวัดแกว่งมีดมาเชเต้ในมือแล้วพุ่งทะยานเข้าไปหาหลี่โม่ทันที
มีดมาเชเต้ที่พร่างพรายด้วยแสงอันเย็นยะเยียบที่ส่องกระทบกับใบมีด รูปแบบการโจมตีด้วยมีดนับยี่สิบเล่มในครั้งเดียวนั้น ช่างเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่ตระการตาน่าดูชมอย่างยิ่ง
กู้หยุนหลันมองดูเงาร่างของหลี่โม่อย่างเคร่งเครียด ในใจแอบนึกเสียใจในภายหลังที่เมื่อกี้ไม่ได้พยายามห้ามปรามเขา ถ้าเกิดหลี่โม่ได้รับบาดเจ็บจากเรื่องเหนือคาดขึ้นมา มันต้องเป็นอะไรที่เลวร้ายมากแน่ ๆ
ใบหน้าของพวกลูกน้องที่ถือมีดมาเชเต้แต่ละคน ต่างก็แสดงความตื่นเต้นและดุร้ายกระหายเลือดผสมกัน
“สับมันให้ตาย! โทษฐานที่ไอ้เด็กนี่มันปากพล่อยดีนัก ยังมีหน้าคิดจะมาแย่งยาอายุวัฒนะของพวกเราอีก”
“ยาอายุวัฒนะ เป็นของที่เถ้าแก่หวงสั่งจองไว้นะโว้ย ราคาสูงลิบลิ่วเทียมฟ้า คิดจะมาแย่งยาอายุวัฒนะของพวกเรา ก็เท่ากับคิดจะตัดทางทำมาหากินของพวกเราสิวะ”
” มัวพูดพล่ามไร้สาระกับมันทำไมมากมายวะ? รีบสับมันให้ตายเร็ว ๆ เข้าสิโว้ย พวกเรายังต้องไปฉกสาวสวยนั่นมาสนุกกันซักยกอีกนะเว้ย!”
หนึ่งในแก๊งลูกน้องพูดอย่างตื่นเต้น ตวัดมีดดาบในมือฟันเข้าใส่หลี่โม่แบบเต็มเหนี่ยว
หลี่โม่ยกมือทั้งสองข้างขึ้นมา นิ้วมือทั้งสิบเกิดการสั่นไหวเบา ๆ ฝ่ามือของเขาเคลื่อนผ่านคมดาบแสงในมุมแปลก ๆ แล้วโจมตีลงบนร่างของพวกลูกกระจ๊อกนั่นเต็ม ๆ
อ้าก! อ้าก! อ้าก!
เสียงร้องอันน่าสังเวชดังลั่นต่อกันไปเป็นทอด ๆ พวกลูกน้องชุดที่พุ่งเข้ามาข้างหน้า ต่างมือไม้อ่อนเปลี้ยจนทำมีดที่ถืออยู่ร่วงตกลงไปที่พื้น แต่ละคนต่างมือไม้ไร้เรี่ยวแรง ไม่สามารถถือมีดได้ไหวอีกแล้ว
เคร้ง! เคร้ง!
เสียงมีดมาเชเต้ร่วงตกลงพื้นดังขึ้นต่อเนื่องไม่หยุด พวกลูกน้องที่ตามมาข้างหลัง ต่างก็จ้องมองไปที่หลี่โม่ด้วยสายตาตะลึงลานหวาดกลัวจนหัวหด แต่ละคนมีสภาพเหมือนกับได้เห็นผีกันกลางวันแสก ๆ เลยทีเดียว