จักรพรรดิมังกร - บทที่ 716 ร้ายกาจจนทำให้คนตกใจกลัว
จู่ ๆ สีหน้าของพี่เสียน ก็ดำคล้ำทะมึนซะยิ่งกว่าก้นหม้อ
แม่งเอ๊ย! นี่มันระดับยอดฝีมือชัด ๆ นี่มันใช้ลมปราณจี้จุดจากระยะไกลรึไงวะเนี่ย นั่นต้องเป็นคนระดับที่มีพลังภายในแข็งแกร่ง แล้วปลดปล่อยพลังนั้นออกมาข้างนอก ถึงจะทำให้เกิดผลลัพธ์แบบนี้ขึ้นมาได้!
คนที่แค่เคยได้ฝึกวิชากังฟูประเภทหมัดมวยภายนอกอย่างพี่เสียน ชั่วขณะนั้นก็ถึงกับมีความคิดที่จะหนีอยู่ในใจแล้วเรียบร้อย เมื่อเผชิญกับความแตกต่างด้านฝีมือที่ห่างชั้นกันไกลขนาดนี้ พี่เสียนก็ไม่มีความกล้าที่จะต่อสู้อีกต่อไป
ถ้ามีความกล้าหาญจริง ๆ ล่ะก็ พี่เสียนไม่มีทางจะยึดครองแค่ภูเขาลูกเดียว แล้วอวดอ้างตั้งตนเป็นใหญ่แบบนี้หรอก
พี่เสียนถอยหลังไปพลาง ปากก็ตะโกนใส่ชายสองคนที่ถือปืนลูกซองอยู่ข้าง ๆ ไปด้วยว่า “ยิงปืนสิวะ ยิงปืนเดี๋ยวนี้!”
ลูกน้องสองคนที่ถือปืนลูกซองในมือมีท่าทางลังเลใจ ข้างหน้ามีแต่พรรคพวกตัวเองทั้งนั้น
ถ้ายิงปืนออกไป ก็ไม่แน่ว่าจะยิงโดนหลี่โม่ แต่เป็นไปได้ว่าจะยิงโดนพวกเดียวกันแน่นอน
ลูกน้องที่อยู่ข้างหน้าได้ยินเสียงของพี่เสียนตะโกนว่าให้ยิงปืน จึงรีบเผ่นหนีกระจัดกระจายโดยแหวกเป็นสองทางทั้งซ้ายและขวาอย่างรวดเร็ว หลายคนที่อยู่ตรงกลางก็นอนราบลงไปกับพื้นโดยตรง เปิดวิสัยทัศน์การยิงออกมาสู่สายตา
วิสัยทัศน์การยิงเปิดออกสู่สายตาของลูกน้องที่ถือปืนทันที แววตาของทั้งสองส่องประกายแสงเย็นวาบ เหนี่ยวไกปืนขึ้นพร้อมกัน
ปืนลูกซองส่งเสียงดังติดต่อกันห้านัด เสียงดังเปรี้ยงปร้างสนั่นลั่นแคมป์ ทั้งสองคนต่างก็ยิงกระสุนหมดทั้งห้านัดพร้อมกัน
กระสุนตะกั่วในปืนลูกซองพุ่งกระจายออกไปในอากาศ เศษเม็ดตะกั่วขนาดเล็กจำนวนนับไม่ถ้วนก็กระเด็นเซ่นซ่านไปทั่วบริเวณ ระดมยิงใส่หลี่โม่แบบถี่ยิบ
เม็ดตะกั่วขนาดเล็กไม่ได้มีพลังทำลายล้างมากมายนัก แต่ชนะที่ปริมาณที่มากกว่า ถ้าโดนยิงเข้าล่ะก็ จะต้องมีบาดแผลเต็มตัวแน่นอน
สีหน้าของหลี่โม่นั้นสงบมาก ราวกับว่าเขาไม่ได้สนใจกระสุนพวกนี้ที่ยิงตรงมาที่เขาเลย
หลี่โม่ผลักมือทั้งสองข้างไปข้างหน้า โคจรพลังภายใน นำออกมาใช้อย่างสมบูรณ์เต็มที่ ตามด้วยมุมโค้งอย่างจำเพาะที่มือของหลี่โม่ผลักออก ก่อเกิดลมพายุอันรุนแรงพัดตรงไปยังพวกกระสุนตะกั่วที่ถูกยิงมา
กระสุนที่ถูกยิงมาไม่สามารถทะลุผ่านพายุที่รุนแรงนั้นได้เลย แต่กลับถูกพายุพัดหอบจนลอยกลับไปที่เดิมจนหมด
ภาพฉากที่ละเมิดต่อความเข้าใจขั้นพื้นฐานของทุกคนปรากฏขึ้น กระสุนที่ถูกยิงมาพลันพุ่งกลับไปหาคนสองคนที่ยิงปืน ด้วยระดับความเร็วที่เร็วยิ่งกว่าตอนที่ถูกยิงจากรังปืนเสียอีก
ปุ๊! ปุ๊!
กระสุนตะกั่วระเบิดเสื้อผ้าจนกระจุย เกิดเป็นเสียงเล็ก ๆ ของกระสุนที่เจาะเข้าไปในร่างกายดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง สองคนที่ถือปืนลูกซองก็ก้มหน้าลงด้วยสีหน้าหวาดกลัว แล้วจ้องมองร่างกายตัวเองอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
เลือดไหลออกมาช้า ๆ มีจุดเลือดเล็ก ๆ กระจายบนเสื้อผ้า ความเจ็บปวดก็แล่นปราดตามขึ้นมาทันที สองคนที่ยิงปืน ต่างก็ร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดผสมกับความหวาดกลัวเต็มหัวใจ
มือของทั้งคู่ไม่สามารถถือปืนลูกซองได้อีกต่อไป ในตอนที่ปืนลูกซองตกลงสู่พื้น ทั้งสองก็ส่งเสียงร้องคร่ำครวญแล้วล้มลงไปกับพื้น บิดตัวด้วยความเจ็บปวด ทำท่าเหมือนกับว่าพยายามจะสลัดพวกกระสุนตะกั่วพวกนั้นออกไปจากร่างกายให้ได้ยังไงยังงั้น
ลูกน้องกลุ่มหนึ่งมองไปที่มือปืนทั้งสอง รู้สึกว่ามุมมองทั้งสามที่เป็นสามัญสำนึกขั้นพื้นฐาน ถูกล้มล้างไปจนหมดแล้ว เห็นอยู่ชัด ๆ ว่ากระสุนพวกนั้นยิงไปใส่หลี่โม่แท้ ๆ แต่มันย้อนกลับมาโดนมือปืนสองคนนั้นได้ยังไง ? นี่มันเป็นเรื่องที่โคตรไม่วิทยาศาสตร์สุด ๆ
ความหวังสุดท้ายอันริบหรี่ในหัวใจแตกสลายลงทันที พี่เสียนตัดสินใจละทิ้งลูกน้องของตัวเองทั้งหมด หันหลังแล้ววิ่งหนีไปอย่างไม่ลังเล โกยแน่บเร็วจี๋ราวเหาะได้เข้าไปในภูเขา
ปากเล็กๆ ที่อ้าค้างด้วยความประหลาดใจของกู้หยุนหลัน เวลานี้ไม่สามารถหุบได้แล้วโดยปริยาย ตอนที่ปืนถูกยิงออกมาเธอกังวลใจแทบตาย แต่ผลสุดท้ายกลับกลายเป็นว่า เธอต้องตกตะลึงจนตาแทบจะหลุดออกจากเบ้าอยู่แล้ว
สรุปว่าหลี่โม่ทำได้ยังไงกันแน่ ? หรือว่าหลี่โม่จะมีเวทมนตร์ ? หรือว่าหลี่โม่จะฝึกวิชาเซียน ? กู้หยุนหลันยิ่งคิด ก็ยิ่งรู้สึกว่าหลี่โม่อยู่เหนือจากจินตนาการของตัวเองไกลออกไปขึ้นทุกที ราวกับว่ามันค่อย ๆ กลายเป็นปริศนาลึกลับข้อหนึ่ง ที่ตัวเธอเองต้องค่อย ๆ ไปค้นหาให้พบด้วยตัวเองทีละเล็กละน้อย
เมื่อพวกลูกน้องที่กระจัดกระจายอยู่รอบ ๆ เห็นว่าพี่เสียนเผ่นหนีไปอย่างกับถูกไฟลนก้น ทั้งหมดต่างก็หนีกระเจิดกระเจิงไม่ต่างจากพวกนกหนูแตกรัง ไม่กล้าเผชิญหน้ากับหลี่โม่อีกต่อไป
หลายคนที่นอนอยู่บนพื้นก่อนการยิง ในเวลานี้ ทุกคนต่างก็รู้สึกเสียใจภายหลังว่าทำไมตัวเองต้องนอนลงด้วยนะ? การลุกขึ้นจากพื้นเพื่อวิ่งหนี เป็นอะไรที่สิ้นเปลืองเวลาสิ้นดี ช่วงเวลาชี้เป็นชี้ตาย จุดสำคัญคือความเร็ว ขอแค่หนีได้เร็วกว่าคนข้าง ๆ ความเป็นไปได้ที่จะหลบหนีเอาชีวิตรอดได้ก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมากทีเดียว
หลายคนที่อยู่บนพื้นต่างตะเกียกตะกายลุกขึ้น แล้ววิ่งหนีจากที่เกิดเหตุไปอย่างรวดเร็ว ไม่กล้าแม้แต่จะหันหน้าไปดู เพราะกลัวว่าเมื่อหันหน้ากลับไป จะได้เห็นหลี่โม่ไล่ตามมาในระยะใกล้แค่เอื้อม
หลี่โม่แค่นยิ้มเย็นชาขณะไล่ตามไป ใช้วิชาแบบเดียวกับที่ใช้โจมตีพวกลูกน้องของไอ้หัวล้านเมื่อกี้ รวบรวมพลังภายในไว้ที่ฝ่ามือ แล้วเหวี่ยงออกไปใส่ด้านหลังของพวกที่กำลังวิ่งหนี ใช้พลังภายในทำลายเส้นชีพจรหัวใจ อีกไม่นานเส้นชีพจรของพวกนั้นก็จะถูกทำลายแล้วตายลงในที่สุด
พี่เสียนหนีเข้าไปในภูเขาลึก เขาทั้งทำงานและใช้ชีวิตอยู่ในภูเขานี้ตลอดทั้งปี ภูเขาอันกว้างใหญ่แห่งนี้ สำหรับเขาแล้ว ก็เป็นเหมือนบ้านหลังหนึ่งที่ตัวเองคุ้นเคยเป็นอย่างดี
หลังจากวิ่งหนีเข้ามาในภูเขานานพอสมควร พี่เสียนก็วิ่งไปที่จุดเซฟที่ตั้งไว้ล่วงหน้าได้สำเร็จ
อย่างที่คนเค้าว่ากันว่า กระต่ายเจ้าเล่ห์มีสามโพรง พี่เสียนก็มีที่ซ่อนมากมายในหุบเขา จุดนี้เป็นสถานที่ที่เขาใช้ซ่อนตัวบ่อยที่สุด
ในไม่ช้า พวกลูกน้องที่แตกกระเจิงหนีกันอุตลุด ก็วิ่งเข้ามาถึงที่ซ่อนทีละคน ทั้งกลุ่มทั้งแก๊งต่างก็มารวมตัวกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยอีกครั้ง
หลังหอบหายใจและปาดเหงื่อกันเสร็จ ทั้งกลุ่มต่างก็รู้สึกอกสั่นขวัญหายไปตาม ๆ กัน
“พี่เสียน ไอ้เด็กนั่นมันมีที่มาที่ไปยังไงกันแน่? แม่งร้ายกาจเป็นบ้า โคตรน่ากลัวเลย”
“น่ากลัวเกินไปแล้ว ฉันว่าวิชากังฟูของมันอย่างกับที่เขียนอยู่ในนิยายเทพเซียนพวกนั้นเลย มันไม่ควรจะเป็นกังฟูที่มีอยู่จริงบนโลกใบนี้ได้”
“หรือว่าไอ้เด็กนั่นจะเป็นเทพเซียนจริง ๆ แต่แม่งมันโคตรไร้สาระว่ะ พวกเทพเซียนเป็นแค่จินตนาการที่คนสร้างขึ้นทั้งนั้นแหล่ะ”
กลุ่มลูกน้องคุยกันเสียงดังเจี๊ยวจ๊าว ในตอนนี้ ทุกคนต้องพูดอะไรซักอย่างเพื่อคลายความรู้สึกกดดันในใจลงไปบ้าง
พี่เสียนสีหน้ามืดมนดำคล้ำ มืดสนิทราวกับว่าเขาสามารถบีบน้ำหมึกดำ ๆ ออกมาได้เลยทีเดียว วิธีการของหลี่โม่ทำให้พี่เสียนตกตะลึงจนตาค้างจริงๆ
ในความประทับใจของพี่เสียน ยอดฝีมือในวัดที่เขาไปฝึกวิชาหมัดมวยมา ก็ยังไม่สามารถทำได้ถึงขั้นให้กระสุนตะกั่วลอยกลับไปฆ่าคนยิงได้ อย่างมากที่สุดก็แค่ปล่อยพลังภายในออกมา สกัดกระสุนตะกั่วให้ยิงไม่โดนเท่านั้น
หรือว่าบางที กังฟูของหลี่โม่อาจสูงเท่ากับผู้คุมกฎอาวุโสในวัดแล้ว ? เมื่อคิดถึงตรงนี้ พี่เสียนก็รู้สึกหวาดหวั่นจนตับไตไส้พุงสั่นสะท้านไปหมด
สำหรับผู้คุมกฎอาวุโสในวัด มีการเล่าขานกันมาว่าเป็นยอดฝีมือแห่งการบำเพ็ญวิชา เป็นไปได้ไหมว่าหลี่โม่ก็จะหนึ่งในยอดฝีมือเหล่านั้น? แต่เขายังอายุน้อยขนาดนั้นแท้ ๆ ดูยังไงก็ไม่เหมือนเลยซักนิด อีกทั้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ก็ไม่ปรากฏผู้บำเพ็ญวิชาที่แท้จริงเลยซักคน
ระหว่างที่พี่เสียนกำลังคิด จู่ ๆ ลูกน้องในกลุ่มก็เริ่มวุ่นวายโกลาหล
“เจ้าแปด ทำไมปากของแกถึงมีเลือดไหลวะ? แกรีบนอนลงเร็วเข้า ให้พี่ใหญ่ตรวจชีพจรดูหน่อย”
สีหน้าของเจ้าแปดสับสนมึนงง ดูเหมือนว่าจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามีเลือดไหลออกจากปากตัวเอง จึงค่อย ๆ ยกมือขึ้นเช็ดที่ปาก เมื่อเห็นคราบเลือดบนมือ จู่ ๆ เจ้าแปดก็มีอาการหายใจไม่ออก
“นี่ นี่มัน…อ่อก!”
เจ้าแปดที่อยู่ในสภาวะแตกตื่นพูดยังไม่ทันจบประโยค ก็มีเลือดพุ่งออกมาจากปากเป็นสาย เลือดไหลออกมาเยอะมากจนน่ากลัว สีแดงสดอาบย้อมไปทั่ว เจ้าแปดจ้องมองเลือดสด ๆ ที่พุ่งออกมา ร่างค่อย ๆโอนเอนไปด้านหลังอย่างควบคุมไม่อยู่ แล้วล้มลงกับพื้นไร้ซึ่งลมหายใจในที่สุด
ทุกคนต่างแตกตื่นตกใจ แต่ในใจของพี่เสียนกลับยิ่งตกใจกว่า
พี่เสียนเห็นว่าที่มุมปากของพวกลูกน้องหลายคนมีเลือดไหลออกมาช้า ๆ อาการเหล่านี้ เป็นอาการของคนที่ถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บที่อวัยวะภายใน ถึงจะแสดงอาการแบบนี้ออกมาได้
เป็นไปได้ไหมว่า ไอ้หนุ่มคนนั้นมันจะแข็งแกร่งมาก จนถึงระดับที่ไม่เพียงแต่ใช้พลังภายในทำร้ายเข้าถึงอวัยวะภายในของคนได้ แต่ยังสามารถควบคุมเวลาบาดเจ็บได้อีกด้วย?
จู่ ๆ พี่เสียนที่กำลังตื่นตระหนกก็เหมือนนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ รีบยกมือขึ้นแตะที่ปากของตัวเอง ริมฝีปากนั้นแห้งมาก ไม่มีของเหลวอะไร ทำให้พี่เสียนรู้สึกสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย
บางทีอาจเพราะตนเองวิ่งเร็ว เพราะงั้นไอ้หนุ่มนั่นถึงไม่สามารถทำร้ายมาถึงตนเองได้ พี่เสียนคิดด้วยความปิติยินดี
ในเวลานี้ พวกกลุ่มลูกน้องต่างก็ค่อย ๆ ล้มระเนระนาดลงไปกันหมด ทุกคนล้วนกระอักเลือด แล้วหยุดหายใจไปในที่สุด