จักรพรรดิมังกร - บทที่ 737 เอาชีวิตของนายไปแลก
หลี่โม่เหลือบมองหยางเฉียนจิ้นอย่างเย็นชา “นายคิดอะไรกัน สามารถมาช่วยนายได้ ถือเป็นความโชคดีของนาย ฉันไม่ใช่บอดี้การ์ดของนายสักหน่อย ไม่มีหน้าที่ต้องปกป้องนาย”
“ท่านหลี่ครับ ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ผมหมายถึง…หมายถึง ท่านหลี่ไปส่งผมเถอะครับ ผมให้เงินคุณ ผมขอให้คุณปกป้องผมได้มั้ยครับ” หยางเฉียนจิ้นขอร้องอย่างน่าสงสาร
หลี่โม่ค่อยๆส่ายหน้า “เป็นไปไม่ได้ ฉันยังมีเรื่องที่สำคัญกว่า นายไม่ต้องคิดมากแล้ว น่าจะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรอก”
หยางเฉียนจิ้นเห็นว่าหลี่โม่ปฏิเสธอย่างเด็ดขาด ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ทำเพียงแค่ถอนหายใจไม่หยุด
เมื่อถึงชั้นหนึ่ง ประตูลิฟต์ค่อยๆเปิดออก
ด้านนอกไม่มีอะไรผิดปกติ หลี่โม่ส่งสัญญาณมือให้กับหยางเฉียนจิ้น แล้วก็เดินออกไปข้างนอกก่อน
รถตู้ด้านนอกคนนั้นไม่อยู่แล้ว เหลือเพียงรถบรรทุกของบริษัทขนย้ายเท่านั้น
สี่คนนั้นที่แต่งตัวเป็นพนักงานขนย้าย เห็นว่าหลี่โม่ออกมา ก็ตื่นตระหนกในทันที “เหี้ย ไอ้นี่มันออกมา งั้นก็หมายความว่า….”
“ว่าเหี้ยอะไร รีบเข้าไปหลบในคอนเทนเนอร์กันสิวะ ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีชีวิตรอดแล้ว”
ทั้งสี่คนรีบเข้าไปในคอนเทนเนอร์อย่างรีบร้อน แล้วก็ปิดประตูคอนเทนเนอร์อย่างแน่นหนา
หลี่โม่เหลือบมองรถบรรทุกทีหนึ่ง ไม่ได้สนใจสี่คนที่หลบซ่อนตัวอยู่ แล้วก็พาหยางเฉียนจิ้นออกจากเขตคอนโด
ลูกน้องของฉู่จงเทียนมารอที่หน้าเขตคอนโดแล้ว เมื่อเห็นหลี่โม่ ลูกน้องคนนั้นก็รีบวิ่งมา “คุณหลี่ครับ ฉู่จงเทียนให้ผมเป็นคนมาส่งหยางเฉียนจิ้นครับ”
“อืม หยางเฉียนจิ้นก็มอบหมายให้พวกนายละ”
“สามารถบริการให้กับคุณหลี่ถือเป็นเกียรติของผมครับ พวกผมจะไปส่งเขาออกจากทางทะเลเดี๋ยวนี้ครับ”
“ไปเถอะ” หลี่โม่ตบบ่าหยางเฉียนจิ้นทีหนึ่ง จากนั้นก็เดินออกไปที่ถนนคนเดียว
ลูกน้องพาหยางเฉียนจิ้นขึ้นนั่งรถธุรกิจ ภายในรถธุรกิจมีหนุ่มร่างใหญ่นั่งอยู่หลายคน แต่ละคนดูแล้วน่าเกรงขามมาก
หยางเฉียนจิ้นเห็นความน่าเกรงขามของพวกหนุ่มร่างใหญ่ ก็ถือว่าสบายใจขึ้น ยังมีหนุ่มร่างใหญ่ปกป้องอยู่เยอะขนาดนี้ น่าจะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแล้วมั้ง
หยางเฉียนจิ้นเดินตามกันไปที่รถธุรกิจ จากนั้นรถธุรกิจก็ขับไปยังที่ห่างไกล
มองดูรถธุรกิจที่ห่างไกล หลี่โม่ส่ายหัวเบาๆ
“หยางเฉียนจิ้นน่าจะตายอย่างไม่ต้องสงสัยแล้ว ช่างเถอะ ไม่มีเวลาจะไปช่วยเขา”
หลังจากที่หลี่โม่พึมพำประโยคหนึ่ง ก็ล้วงเอาโทรศัพท์โทรหาเบอร์ของพี่ฮัว
หลังจากที่โทรติด ก็มีเสียงหวานของพี่ฮัวดังมา เสียงเบื้องหลังฟังแล้วดูโหวกเหวกมาก เหมือนว่าพี่ฮัวจะอยู่พวกร้านไนต์คลับหรือKTVประมาณนี้
“ฮัลโหล หลี่โม่ ทำไมนายถึงมีเวลาโทรหาฉันแล้วละ จัดการเรื่องเสร็จแล้วใช่มั้ย?”
“เรื่องผมไปจัดการแล้ว แต่ว่าทำไม่สำเร็จ”
“ฮืม? ไม่ใช่มั้ง จากฝีมือของนายแล้ว จัดการกับหยางเฉียนจิ้น น่าจะเป็นเรื่องง่ายดาย นายคงไม่ใช่ว่าอยากจะเพิ่มราคาหรอกนะ”
หลี่โม่เงยหน้ามองดวงดาว พูดนิ่งๆว่า “ไม่ได้จะขึ้นราคา แต่เพราะว่ายังมีคนอีกสองกลุ่มที่มาฆ่าหยางเฉียนจิ้น ผมอยากให้พี่ฮัวให้คำอธิบายกับผมสักหน่อย”
“อะไรนะ!” เสียงตกใจของพี่ฮัวดังมา ตามมาด้วยเสียงพวกประเภทแก้วตกแตกดังมา
“นายจะให้ฉันอธิบายอะไรให้นาย? ฉันก็หาแค่นายคนเดียวให้ไปฆ่าหยางเฉียนจิ้น”
หลี่โม่ยิ้มอ่อน ในสมองปรากฏภาพสีหน้าในตอนนี้ของพี่ฮัว
พี่ฮัวที่ปรากฏในสมองของหลี่โม่ ไม่มีสีหน้าโมโหอะไรเลย แต่น่าจะเป็นสีหน้ายิ้มแย้ม รอยยิ้มหวาน
พี่ฮัวในตอนนี้กำลังยิ้มอยู่จริงๆ แต่ว่าไม่ใช่รอยยิ้มหวานเหมือนที่หลี่โม่คิด แต่เป็นรอยยิ้มขมขื่น
พี่ฮัวจะไม่ยิ้มขมขื่นได้ยังไงกัน หลี่โม่สามารถโทรหาเธอได้ ก็แสดงว่าคนที่พี่ฮัวจัดส่งไป น่าจะพ่ายแพ้ไปแล้ว
เดิมทีคิดอยากจะให้หลี่โม่มีปัญหาเพราะไปยุ่งเรื่องของคนอื่น จากนั้นก็ถูกคนอื่นเขาฆ่าตาย แต่ตอนนี้พี่ฮัวกลับมีความรู้สึกหนึ่งที่โดนความเจ้าเล่ห์ซ้อนความเจ้าเล่ห์มากกว่า
“พี่ฮัว พวกเรามาคุยกันตรงๆเลยเถอะ คุณให้ผมไปฆ่าหยางเฉียนจิ้นเพื่ออะไรกันแน่”
พี่ฮัวขมวดคิ้วเล็กน้อย ลังเลไปสักพักแล้วพูดว่า “นายอยากรู้? อยากรู้ก็มาหาฉัน เพียงแค่นายทำตัวดี พี่สาวบอกนายได้ทุกอย่าง”
เสียงมีเสน่ห์ของพี่ฮัวสามารถทำให้ผู้คนละลายไปหมด แต่ว่าสีหน้าของหลี่โม่นิ่งเฉยมาก
ไม่ใช่เพราะน้ำเสียงของพี่ฮัวไม่มีเสน่ห์พอ แต่เพราะว่าหลี่โม่ได้ยินถึงความอันตรายจากน้ำเสียงมีเสน่ห์ของพี่ฮัว
จากความคาดเดาของตัวเองแล้ว ทำให้หลี่โม่รู้ว่าสถานที่ที่พี่ฮัวอยู่นั้นเป็นสถานที่ที่น่ากลัวอย่างมาก
น่ากลัวมาก หลี่โม่จะกลัวมั้ย? แน่นอนว่าไม่กลัว
“เหอะๆ ได้สิ ผมเองก็อยากจะคุยต่อหน้ากับพี่ฮัวพอดีเลย แต่ว่าน่าจะไปช้าสักหน่อย”
“ช้าแค่ไหน? คืนนี้พี่สาวรอนายได้ทั้งคืน รอนายจนเช้า” พี่ฮัวพูดเสียงหวาน
“ไม่จำเป็นต้องถึงเช้าครับ ช้าสุดเที่ยงคืนผมก็สามารถไปหาคุณได้แล้ว”
“เหอะๆๆ เจ้าวายร้าย เลือกเวลาเป็นจริงๆ งั้นพี่สาวก็ไปอาบน้ำหอมๆรอนายมาละ”
“งั้นก็ตามนี้ อย่าลืมส่งที่อยู่ของคุณมาให้ผม”
หลี่โม่วางสาย ถอนหายใจออกยาวๆ รู้สึกว่าคุยกับผู้หญิงนี่เหนื่อยจริงๆ
หลังจากที่เก็บโทรศัพท์ หลี่โม่ก็ขับรถรีบไปที่ท่าเรือร้าง
ดมกลิ่นคาวเลือดอ่อนๆที่ถูกลมแม่น้ำพัดโชยมาจากริมแม่น้ำ หลี่โม่ส่ายหัวเล็กน้อย
หลี่โม่คาดเดาว่า พวกซือคงหมิงหลังจากที่จากไปแล้วไม่ยอมฟังคำเตือนของเขา แต่ก็ยังมาที่ท่าเรือร้างเหมือนเดิม
กลิ่นคาวเลือดในลมแม่น้ำของตอนนี้ 80%นั้นเป็นของพวกเขา
พวกซือคงหมิงพวกนั้นอาจจะตายไปแล้ว หลี่โม่คิดว่าความคาดเดาของตัวเองมีความเป็นไปได้สูงมาก
ดาบสั้นถือไว้ในมือขวา และในระหว่างนิ้วข้างซ้ายของหลี่โม่ ได้หนีบแผ่นมีดสี่แผ่นที่แหลมคมไว้แล้ว
สามารถจัดการกับกลุ่มของซือคงหมิงพวกมันได้ หลี่โม่คาดการณ์ว่าจะดูถูกกำลังของอีกฝ่ายไม่ได้ ดังนั้นจึงทำวิธีรับมือที่ระมัดระวังไว้
เร่งฝีเท้าเดินไปยังท่าเรือร้าง กลิ่นคาวเลือดยิ่งอยู่ยิ่งแรง
ฟิ้วๆ!
เสียงลูกศรธนูดังขึ้น หลี่โม่กระโดด หลับลูกศรได้สองดอก จากนั้นก็ตีลังกา แล้วเข้าไปอยู่ในดงหญ้าข้างทาง
หลี่โม่ไม่ได้หยุดอยู่ในดงหญ้า แต่กลับเคลื่อนตัวอย่างไวในดงหญ้า เคลื่อนย้ายไปยังท่าเรือร้างอย่างรวดเร็ว
ระยะห่างจากท่าเรือร้างใกล้เข้ามาแล้ว หลี่โม่สามารถเห็นคนที่ยืนอยู่ที่ท่าเรือแล้ว
กลุ่มชายชุดดำกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ที่ท่าเรือ ในมือทุกคนล้วนถือดาบยาวที่ส่องประกายไว้
คนที่ยืนอยู่ตรงหน้ากลุ่มชายชุดดำ คือหนุ่มร่างใหญ่คนหนึ่งที่ใส่ชุดสีม่วงหนุ่มร่างใหญ่มองเห็นได้เพียงครึ่งตัว ในมือว่างเปล่าไม่ถืออาวุธอะไรสักอย่าง
คนที่ถืออาวุธเก่ง หรือว่าคนที่ไม่ถืออาวุธเก่ง? คนทั่วไปส่วนมากมักจะคิดว่าคนที่ถืออาวุธนั้นเก่ง
แต่ว่า ยอดฝีมือส่วนมากนั้นไม่ค่อยเต็มใจจะใช้อาวุธ นอกจากว่าจะพบเจอกับคู่ต่อสู้ที่คู่ควรกับการใช้อาวุธ
หนุ่มร่างใหญ่เสื้อม่วง คิดว่าครั้งนี้จะไม่พบกับคู่ต่อสู้ที่ไม่คู่ควรกับการที่เขาจะใช้อาวุธ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เอาอาวุธของเขาออกมา
และตรงหน้าของหนุ่มร่างใหญ่เสื้อม่วงก็คือศพห้าศพ นั่นก็คือศพของพวกซือคงหมิงทั้งห้าคน
หนุ่มร่างใหญ่เสื้อม่วงมองไปยังทางที่หลี่โม่อยู่ ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มขึ้น “ไอ้หนุ่ม ออกมาเถอะ ให้ฉันเอาชีวิตของแกไปแลก!”