จักรพรรดิมังกร - บทที่ 755 ราชันต์รถแห่งหนานยู่
“นายต้องขอบคุณฉัน ฉันช่วยชีวิตนายไว้ คราวนี้ฉันก็ไม่ติดค้างนายแล้ว”เฉินชิงเหมยเริ่มพูดคุณงามความดีอย่างได้ใจ
หลี่โม่ยิ้มเล็กน้อย: “งั้นต้องขอบคุณเธอมากๆ”
เฉินชิงเหมยรู้ที่ไหนกันว่า ต่อให้เธอไม่เข้าไปยุ่ง หลี่โม่ก็สามารถที่จะหลบไปได้
“ลงรถ”หลี่โม่พูดด้วยสีหน้าเฉยเมย
หม่าติงแกล้งทำเป็นท่าทางหวาดกลัวมาก และพูดว่า: “ผมจะลงรถเดี๋ยวนี้แหละ คุณอย่าฆ่านะ”
ตอนที่เขาปลดเข็มขัดนิรภัย ทันใดนั้นหยิบกริชออกมาจากเข็มขัด และแทงตรงไป
หลี่โม่หรี่ตาเล็กน้อย เมื่อกี้นี้เขาก็สังเกตการณ์อีกฝ่ายทุกการกระทำมาโดยตลอด กลลวงลอบโจมตีแบบนี้ ย่อมช่วยเขาไม่ได้เป็นธรรมดา
หม่าติงเบิกบานใจ คิดว่าทำสำเร็จแล้ว ความจริงหลี่โม่จับข้อมือของหม่าติงไว้ กริชนั้นอยู่ห่างจากหน้าอกของหลี่โม่เพียงไม่กี่นิ้ว
ไม่ว่าหม่าติงจะพยายามแค่ไหน ก็ไม่สามารถแทงเข้าไปได้
หลี่โม่พลิกข้อมือของฝ่ายตรงข้าม หลังจากที่หม่าติงเจ็บปวด กริชในมือก็ตกลงไปที่เท้า และหม่าติงก็เจ็บจนน้ำตาไหลออกมา: “คุณปู่ ไว้ชีวิตด้วย”
“ใครให้แกมา”หลี่โม่ยังคงเพิ่มกำลัง และถามเสียงดัง จัดการกับคนประเภทนี้ ต้องใช้ไม้แข็งถึงจะได้
“เทพสังหารเป็นคนส่งผมมา”หม่าติงตอบด้วยสีหน้าท่าทางที่เจ็บปวด
“เทพสังหารเป็นใคร?”หลี่โม่นิ่งอึ้งเล็กน้อย ในความทรงจำของเขา ไม่เคยได้ยินชื่อคนแบบนี้มาก่อน
“เทพสังหารนายก็ไม่รู้เหรอ?”
หลี่โม่ก็เพิ่มความกำลังอีกครั้ง
“เทพสังหารก็คือเจ้านายบริษัทนักฆ่าของพวกเรา บีบต่อไปมือของฉันก็จะหักแล้ว”หม่าติงพูดจบในรวดเดียว และเจ็บจนสีหน้าก็ซีดเซียว
“ทำไมแกถึงต้องฆ่าฉันด้วย?”หลี่โม่ถามไถ่อีกครั้ง
“เป็นภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากเทพสังหาร ผมก็ไม่แน่ใจ”
“เขาจะส่งคนมาอีกหรือเปล่า?”
“อาจจะส่งมา ถ้าคนในสำนักเย่ปางของพวกเราได้รับภารกิจนี้ ถ้าหากภารกิจไม่สำเร็จ คงจะไม่มีทางวางมืออย่างแน่นอน”
“ยินดีด้วย แกรอดชีวิตแล้ว”
หลี่โม่เห็นว่าท่าทางของอีกฝ่ายไม่เหมือนกับโกหก ก็คลายแรงลงในทันที
หม่าติงลูบข้อมือ ในใจก็ยังหวาดกลัวมาก ถ้าหากเมื่อกี้นี้เขาพูดผิดสักประโยคหนึ่ง ถ้าอย่างนั้นเขาก็ตายแล้วไม่ใช่เหรอ? เมื่อคิดถึงผลที่ตาม เหงื่อเย็นบนหน้าผากก็ไหลออกมา
“คุณปู่ คุณไว้ชีวิตผมด้วย ผมไม่กล้าอีกแล้ว”ตอนนี้หม่าติงไม่สนใจศักดิ์ศรีอีกต่อไปแล้ว ถึงยังไงในถิ่นทุรกันดาร ก็ไม่มีใครรู้?
“กลับไปบอกเทพสังหารคนนั้น ให้เขาไม่ต้องยุ่งเรื่องนี้อีก ไม่อย่างนั้นรับผิดชอบต่อผลที่ตามเอง”เหตุผลที่หลี่โม่ไม่ฆ่าอีกฝ่ายก็ง่ายมาก เขายังจะเก็บอีกฝ่ายให้ไปส่งต่อคำพูด
“ครับๆๆๆ”หม่าติงรู้ว่าเทพสังหารไม่มีทางวางมือ แต่ถ้าวันนี้เขาไม่รับปาก คงจะตายอยู่ที่นี่อย่างแน่นอน
หลี่โม่โบกมือพูดว่า“เอาล่ะ แกไปได้แล้ว”
หม่าติงถอนหายใจราวกับยกภูเขาออกจากอก เดินไปสิบก้าวก็หันมาสามครั้ง ตอนที่พบว่าหลี่โม่ไม่ได้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เขาถึงได้วิ่งหนีสุดชีวิต
“ที่แท้นายก็สุดยอดมากขนาดนี้ คนมากมายขนาดนี้ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาย”เฉินชิงเหมยเผยให้เห็นท่าทางที่ชื่นชม เมื่อกี้นี้อีกฝ่ายเหมือนราวกับเทพเจ้าที่ลงมายังโลก ทำให้เธอมุ่งหวังอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ถ้าหากเธอรู้เรื่องราวที่หลี่โม่เคยประสบก่อนหน้านี้ คงจะจะอ้าปากค้างด้วยความตกใจ
หลังจากที่ส่งเฉินชิงเหมยกลับไปที่บ้าน เฉินชิงเหมยมองไปที่หลี่โม่อย่างอาลัยอาวรณ์ และพูดด้วยเสียงต่ำ: “วันหลังชวนนายทานข้าวได้หรือเปล่า?”
เดิมทีหลี่โม่อยากจะปฏิเสธ แต่หลังจากที่เขาเห็นท่าทางที่จริงจังของเฉินชิงเหมย ก็ไม่อยากทำให้อีกฝ่ายเสียใจ จึงพยักหน้าอย่างขอไปที
เฉินชิงเหมยตื่นอย่างไม่มีอะไรเทียบได้ เดินไปรอบๆหลายครั้ง ถึงได้กระโดดไปเดินกลับไป หลี่โม่จับต้นชนปลายไม่ถูกเล็กน้อย เป็นไปได้ไหมว่าเขาจะมีเสน่ห์มากขนาดนี้จริงๆเหรอ เขาก็ไม่ได้ให้ความสำคัญ อีกฝ่ายกลับมีความสุขจนกลายเป็นแบบนี้
ตอนที่หลี่โม่เตรียมขับรถออกไป ก็ได้รับโทรศัพท์จากคางเหวินซิง
“อาจารย์ครับ คืนนี้ว่างหรือเปล่า วันนี้ที่คลับของผมจัดการแข่งขัน”
คางเหวินซิงพูดเชิญทางโทรศัพท์อย่างสุภาพมาก คาดหวังมากว่าหลี่โม่สามารถที่จะมาคลับของเขาได้
“ก็ได้”
ลูกศิษย์เปิดราซิ่งคลับ เขาเป็นอาจารย์ ก็ต้องไปเข้าร่วมด้วย
“เยี่ยมมากเลยอาจารย์ ผมจะรอคุณ คุณมาเร็วหน่อยนะครับ”
คางเหวินซิงวางสายอย่างมีความสุข
หลี่โม่ผ่านไปพอดี ก็ไปดูคลับที่ลูกศิษย์เปิดหน่อยจะเป็นไรไป
“พี่เหวินซิง มีเรื่องอะไรน่าตื่นเต้นขนาดนั้น”ทายาทมหาเศรษฐีที่สนิทกับคางเหวินซิงมากถามไถ่ด้วยความสงสัย
คางเหวินซิงตอบอย่างภาคภูมิใจว่า: “วันนี้อาจารย์ของฉันจะมาเยี่ยมเยียนราซิ่งคลับ นายว่าฉันจะไม่มีความสุขได้ยังไง?”
“อะไรนะ? พี่เหวินซิงมีอาจารย์ด้วยเหรอ? งั้นทักษะการขับรถของเขาคงจะสุดยอดมาก”ทายาทมหาเศรษฐีเหล่าเริ่มซุบซิบนินทากันขึ้นมา
คางเหวินซิงก็พูดโดยไม่ปิดบังแม้แต่น้อยว่า: “นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว ทักษะการขับรถอาจารย์ของฉัน แม้ว่าไม่ใช่ที่หนึ่งของในโลก แต่ว่าฉันกล้ารับประกันว่า อาจารย์ของฉันจะได้รับที่หนึ่ง ไม่มีใครกล้าได้ที่สอง”
ทายาทมหาเศรษฐีทุกคนก็เชื่อมากอย่างไม่สงสัย คางเหวินซิงอยู่เมืองฮ่านเรียกได้ว่าเป็นเจ้าชายน้อยแห่งการแข่งรถ ผู้ที่สามารถที่จะทำให้เจ้าชายน้อยแห่งการแข่งรถไหว้เป็นอาจารย์ได้ แสดงให้เห็นว่าทักษะการขับรถยอดเยี่ยมเพียงใด
“ฮ่าๆ ขี้อวดจริงๆ คนพ่ายแพ้ตกรอบ”ทันใดนั้น เสียงที่ไม่ค่อยเห็นด้วยดังขึ้นมา คนที่เอ่ยปากเป็นคุณชายมหาเศรษฐีใส่ชุดแข่งรถสีแดง
เมื่อได้ยินอีกฝ่ายรื้อฟื้นเรื่องราวในอดีต คางเหวินซิงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน: “อู่จื้อหย่ง สามปีอยู่ทางตะวันออกของแม่น้ำ สามปีอยู่ทางตะวันตกของแม่น้ำ(หมายความว่าเรื่องราวเปลี่ยนแปลงรุ่งเรืองตกต่ำไม่แน่นอน) มีความสามารถพวกเรามาแข่งขันกัน”
เขาไม่ได้เริ่มท้าทายเองก่อนโดยไม่มีสมอง แต่ค่อนข้างมั่นใจ แม้ว่าเขายังไม่ได้เรียนรู้ถึงสาระสำคัญกับหลี่โม่ แต่ยังดีที่เรียนรู้ถึงผิวเผิน
“ได้สิ ฉันเกรงว่านายจะแพ้ไม่เป็น อย่าว่าแต่นายเลย ต่อให้เป็นอาจารย์ของนายมา นายก็เอาชนะฉันไม่ได้”อู่จื้อหย่งพูดอย่างจองหองพองขน
“พี่เหวินซิง ใจเย็นๆ เขาเป็นนักแข่งอันดับหนึ่งในเมืองฮ่าน”เพื่อนทายาทมหาเศรษฐีของคางเหวินซิงเริ่มโน้มน้าว
แม้ว่าคางเหวินซิงเป็นเจ้าชายน้อยแห่งการแข่งรถ แต่ชื่อเสียง ยังสู้ชื่อเสียงที่โด่งดังของนักแข่งอันดับหนึ่งในเมืองฮ่านไม่ได้
หลี่โม่เป็นเทพเจ้าในจิตใจของคางเหวินซิง สูงใหญ่โต ไม่สามารถดูหมิ่นได้ และอู่จื้อหย่งทำให้อาจารย์ของตัวเองเสียชื่อเสียงขนาดนี้ สีหน้าของคางเหวินซิงบูดบึ้ง ก็ต้องช่วยหลี่โม่กอบกู้ชื่อเสียง: “ใครว่าฉันไม่กล้าแข่งกับนาย ฉันจะแข่งกับนาย”
“ได้ ก็แข่งกันหนึ่งรอบ”อู่จื้อหย่งกอดอก และยิ้มอย่างดูถูก
หลังจากที่แข่งกันหนึ่งรอบ คางเหวินซิงชนะได้ที่หนึ่ง แต่อู่จื้อหย่งก็ไม่ได้ได้ใจเหมือนก่อนหน้านี้
อู่จื้อหย่งไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงได้พ่ายแพ้ ทั้งๆที่ไม่กี่เดือนก่อนอีกฝ่ายยังแพ้ให้กับเขา เขาตัดสินใจว่าอีกฝ่ายห้าปีสิบปีก็ไม่สามารถตามทันเขาได้
แต่ว่าเพิ่งผ่านมาไม่กี่เดือน ทักษะการขับรถของอีกฝ่ายก็พัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด หรือว่าอีกฝ่ายไหว้อาจารย์ที่ดีจริงๆงั้นเหรอ?
หลังจากที่คางเหวินซิงชนะ ก็มีความสุขมากๆ ราวกับว่าความเคียดแค้นที่พ่ายแพ้ให้อีกฝ่ายไม่กี่เดือนก่อนได้หายไปเป็นปลิดทิ้งเลย: “เป็นยังไงบ้าง คราวนี้นายยังเจ้าอารมณ์หรือเปล่า?”
“แก!”
วันพระไม่มีหนเดียวแบบนี้ ทำให้อู่จื้อหย่งเหมือนว่าเคยรู้จักกันมาก่อน เขากัดฟันแน่ ทันใดนั้นเขาก็เห็นร่างคนที่คุ้นเคย ความชื่นชมยินดีก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า: “อาจารย์? คุณมาได้ยังไง?”
ชายวัยกลางคนราวๆประมาณวัยสามสิบสาวเท้าก้าวเดินเข้ามา รูปร่างหน้าตาก็หล่อเหลาเล็กน้อย เขาตวาดด้วยความรังเกียจว่า: “ขายขี้หน้าฉันจริงๆ!”
“ราชันต์รถแห่งหนานยู่?!”ทุกคนอุทาน