จักรพรรดิมังกร - บทที่ 765 นี่แกบังคับฉันเองนะ
หลี่โม่ปรากฏตัวออกมาราวกับเจ้าชายขี่ม้าขาวเลยยังไงอย่างนั้น ทำให้กู้หยุนหลันและเฉินเสี่ยวถงเห็นถึงความหวังแล้ว
พวกเธอทั้งสองคนกวักมือเรียกหลี่โม่ ราวกับว่าต่อให้ปัญหาจะยากมากแค่ไหน ขอเพียงแค่หลี่โม่ปรากฏตัว ปัญหาต่างๆ ก็ได้แก้ไขอย่างง่ายดาย
อ้าวเต๋อไล๋ไม่ว่ายังไงก็คิดไม่เข้าใจว่ากู้หยุนหลันและเฉินเสี่ยวถงผู้หญิงรูปงามสองคนนี้ ทำไมถึงได้สนใจผู้ชายธรรมอย่างนี้ได้ล่ะ
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” หลี่โม่เดินเข้ามาถาม
เฉินเสี่ยวถงราวกับว่าเจอคนรักที่สามารถระบายความทุกข์ได้ยังไงอย่างนั้น เล่าต้นสายปลายเหตุรวมถึงสิ่งที่ผ่านมาทั้งหมดให้ฟังอย่างชัดเจน
เมื่อหลี่โม่ได้ยินว่ากู้หยุนหลันทำกำไลตกแตกและถูกพนักงานเคาน์เตอร์ตบหน้านั้น ทันใดนั้นเขาก็ระเบิดพลังอันเยือกเย็นออกมาทันที
พลังเช่นนี้ ทำให้คนที่อยู่ในที่เกิดเหตุรับรู้ถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดี อ้าวเต๋อไล๋คิดว่าตัวเองเห็นภาพหลอนแล้ว คนธรรมดาทั่วไป ทำไมถึงได้มีพละกำลังเช่นนี้ได้?
หลังจากที่อ้าวเต๋อไล๋เห็นว่าตัวตนของหลี่โม่เป็นแค่คนธรรมดาเช่นนี้ รีบพูดเย้ยหยันทันทีว่า : “ฉันก็ยังคิดว่าแฟนของสาวสวยทั้งสองคนนี้จะเป็นใครกัน ที่แท้ก็เป็นแค่คนที่จนดักดาน ”
หลังจากที่ผู้คนได้ยินแล้ว ต่างก็หัวเราะใส่หลี่โม่กันเกรียวกราวแล้ว พวกเขาคิดว่าหลี่โม่ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะคู่ควรกับกู้หยุนหลันและเฉินเสี่ยวถง
หลังจากที่เฉินเสี่ยวถงได้ยินอ้าวเต๋อไล๋พูดว่าตัวเองก็เป็นแฟนของพี่หลี่โม่ เธอก็เขินอายจนใบหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันที หลังจากที่เธอเหลือบมองหลี่โม่ว่าไม่มีอะไรที่ผิดปกติแวบหนึ่ง ในใจของเธอก็หวานซึ้งราวกับว่ากินน้ำผึ้งเลยยังไงอย่างนั้น
“กำไลอันนี้ราคาเท่าไหร่ ฉันจะจ่ายชดใช้ให้คุณ” หลี่โม่เอ่ยปากพูด
เมื่อกี้ที่พนักงานเคาน์เตอร์ตบหน้ากู้หยุนหลัน ตบฉาดนี้ เขาจะต้องเรียกคืนกลับมาให้กู้หยุนหลันแน่นอน แต่ว่าตอนนี้ เขาจะต้องจัดการเรื่องของกำไลก่อนแล้วค่อยว่ากัน
ใบหน้าของอ้าวเต๋อไล๋เผยรอยยิ้มที่เยาะเย้ยออกมา : “ฮ่าๆ เท่าไหร่เหรอ ฉันคงไม่ได้ฟังผิดหรอกใช่ไหม แกดูสิทั้งเนื้อทั้งตัวแกน่าจะไม่ถึงหนึ่งพัน แกจะจ่ายไหวเหรอ?”
ผู้คนต่างก็ส่ายหน้ากันแล้วพวกเขายังคิดว่าแฟนของกู้หยุนหลันและเฉินเสี่ยวถงจะมีเบื้องหลังที่สูงส่งแค่ไหนกัน ที่แท้ก็เป็นแค่คนจนดักดาน
พวกเขาลงความเห็นกันว่าคนจนดักดานคนนี้จะต้องไม่มีความสามารถที่จะปกป้องกู้หยุนหลันและเฉินเสี่ยวถงสาวสวยสองคนนี้ได้อย่างแน่นอน
อ้าวเต๋อไล๋มองไปยังหลี่โม่อย่างภาคภูมิใจอย่างมาก เขาได้คาดเดาถึงภาพฉากที่หลี่โม่คุกเข่าลงพูดขอโทษต่อหน้าเขาแล้ว งั้นก็จะมีเกียรติมากแน่นอน แถมยังทำให้ทำตนให้เป็นที่สนใจอีกด้วย
“คุณสนใจแค่เรื่องเสนอราคาก็พอ” หลี่โม่หยิบบัตรเอทีเอ็มออกมาหนึ่งใบ พูดกล่าว
เขารู้ว่าเรื่องนี้ความผิดอยู่ที่ตัวเอง ตัวเองก็ไม่ได้ขาดความรับผิดชอบ
อ้าวเต๋อไล๋เลียริมฝีปากแล้ว เขาจงใจเสนอราคาแพงมาก : “อย่างนี้นะ สิบล้าน เป็นยังไง”
ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่มีเชื่อว่าหลี่โม่จะควักเงินสิบล้านออกมาได้ จุดประสงค์ที่เขาทำแบบนี้ ก็แค่อยากให้หลี่โม่รู้จักถอยไปเมื่อเห็นสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่ว่าเขาดูถูกหลี่โม่เกินไปแล้ว
หลี่โม่รูดบัตรตรงที่เกิดเหตุ ผู้คนต่างก็ดูถูกเหยียดหยาม คิดว่าหลี่โม่ไม่มีเงินยังจะมาเสแสร้งอยูที่นี่อีก
ตอนที่เครื่องPOSส่งเสียงว่าได้รับเงินสำเร็จแล้ว อ้าวเต๋อไล๋คนทั้งคนอยู่ไม่นิ่งแล้ว ถ้าหากไม่ได้ยินเองกับหู เขาไม่กล้าที่จะเชื่อเลยว่าเป็นเรื่องจริง
กู้หยุนหลันและเฉินเสี่ยวถงกลับว่าไม่ได้ตกใจอะไรมาก พวกเธอต่างก็รู้ว่าเงินสิบล้านสำหรับหลี่โม่แล้วก็ไม่ถือว่าเป็นอะไรมากมาย ถ้าหากหลี่โม่ไม่มีเงินสิบล้านนี้ ถึงจะทำให้พวกเธอรู้สึกตกใจนะ
“คุณเอาเงินมาจากไหน?ฉันสงสัยว่าคุณน่าจะขโมยเงินมาแน่” อ้าวเต๋อไล๋กลับว่าใส่ความว่าหลี่โม่ขโมยเงินมา
พวกผู้คนที่พูดกันเมื่อกี้ว่าหลี่โม่ไม่มีทางหาเงินมาได้นั้น ในเวลานี้ต่างก็พูดไม่ออกราวกับว่าเป็นใบ้เลย ปิดปากกันอย่างอยู่เป็น ในเวลานี้ถูกตบหน้าเสียงดังเปรี๊ยะๆ
เฉินเสี่ยวถงช่วยพูดสนับสนุนหลี่โม่อีกแรงโดยทันที : “เมื่อกี้คุณพูดแล้วนะ ขอเพียงสิบล้าน เรื่องนี้ก็จบลงแล้ว ความจริงก็มาวางอยู่ตรงหน้าแล้ว คุณยังไม่เชื่ออีกเหรอ?”
สีหน้าของอ้าวเต๋อไล๋ดูแย่อย่างมาก ในใจของเขาไม่ยอมแพ้อย่างมาก ในสายตาของเขา เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้จะสามารถสำเร็จได้ กลับว่าเกิดเป็นผลลัพธ์เช่นนี้แล้ว
นี่ไม่ค่อยเหมือนกับสิ่งที่เขาคิดไว้เลย ในเมื่อเป็นแบบนี้ แผนการของเขาก็ถูกหลี่โม่ทำลายแล้วนะสิ
“ไม่ได้ เรื่องนี้จะจบลงแบบนี้ได้อย่างไรกัน กำไลอันนี้ของฉันสำหรับฉันแล้วมันมีประโยชน์อย่างมาก สิ่งนี้ไม่อาจจะวัดได้ด้วยเงิน”
อ้าวเต๋อไล๋เริ่มแสดงนิสัยที่หน้าไม่อายของตัวเองออกมาทันที กลับคำพูดอยู่บ่อยครั้ง
“คำพูดเชื่อถือไม่ได้ น่าอับอายชะมัด” เฉินเสี่ยวถงใช้นิ้วเกาๆ ไปที่หน้าอย่างไม่หยุดหย่อน
สีหน้าของอ้าวเต๋อไล๋เปลี่ยนไปเป็นอับอายอย่างมาก
ผู้คนต่างก็พากันวิพากษ์วิจารณ์อ้าวเต๋อไล๋ ถึงอย่างไรอ้าวเต๋อไล๋ก็ถือว่าเป็นบุคคลหนึ่งที่ค่อนข้างมีตัวตนอย่างมาก ถ้าหากคำพูดเชื่อถือไม่ได้ล่ะก็ ไม่ค่อยเข้าท่าเลยจริงๆ
อ้าวเต๋อไล๋จ้องมองไปยังคนอื่นๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์อย่างโมโห คนอื่นๆ หลังจากที่ได้เห็นการแสดงออกทางสายของอ้าวเต๋อไล๋แล้ว ต่างก็ไม่กล้าพูดออกมาสักคำเดียว กลัวว่าจะไปล่วงเกินทำให้อ้าวเต๋อไล๋โกรธแล้ว
“คุณต้องการจะทำยังไง?” หลี่โม่เอ่ยปากพูด
อ้าวเต๋อไล๋ยกมุมปากขึ้น เริ่มใช้แผนการชั่วแล้ว : “แต่ว่าก็มีอีกหนึ่งวิธี แกก็ซื้อกำไลที่เหมือนกันให้ฉัน จำเป็นจะต้องมีลักษณะที่เหมือนกันทุกอย่างถึงจะได้”
กู้หยุนหลันขมวดคิ้วพร้อมพูดว่า : “คุณจงใจทำให้คนอื่นลำบากใจใช่ไหม?”
กำไลข้อมือที่เหมือนกันมาก นี่มันเป็นเรื่องที่จะเป็นไปได้ยังไงกัน
ในใจของอ้าวเต๋อไล๋แอบดีใจ แต่ภายนอกยังคงแสร้งทำท่าทางทำอะไรไม่ถูก : “ผมก็ไม่มีทางเลือกอื่นเหมือนกัน ขอเพียงแค่หากำไลที่เหมือนกันมาให้ผมได้ เรื่องนี้ก็ถือว่าจบ”
หลังจากที่หลี่โม่เห็นว่าอ้าวเต๋อไล๋ชอบกลับคำพูดไปมา เขาก็รู้ว่าอีกฝ่ายจงใจที่จะทำให้เขาลำบากใจ
“ถ้าฉันทำไม่ได้ล่ะ?” หลี่โม่พูดย้อนถามไปหนึ่งประโยค
อ้าวเต๋อไล๋ยิ้มอย่างเยือกเย็นครู่หนึ่ง : “ง่ายมาก จะต้องให้สาวสวยสองคนนี้อยู่ที่นี่”
หลักๆ เลยเขาจงใจที่จะพุ่งเป้ามาที่กู้หยุนหลันและเฉินเสี่ยวถง ถ้าหากหลี่โม่ทำไม่ได้ งั้นเขาก็สามารถหาข้ออ้างที่จะพาตัวกู้หยุนหลันและเฉินเสี่ยวถงไปได้แล้ว
เขาแสดงออกทางสายตาไปยังลูกน้องของตัวเองครู่หนึ่ง ลูกน้องเหล่านั้นก็เข้าใจอะไรบางอย่างได้แล้วทันที เริ่มเดินไปยังกู้หยุนหลันและเฉินเสี่ยวถง คิดอยากจะใช้แรงบีบบังคับพาตัวไป
หลี่โม่ไม่เห็นด้วยโดยทันที เขาคว้าบอดี้การ์ดที่เตรียมจะยื่นมือออกไปจับกู้หยุนหลันไว้
“แกกล้าลงมือเหรอ?” อ้าวเต๋อไล๋ตกตะลึงเล็กน้อย พูดอย่างข่มขู่ว่า : “รู้จักข้อบกพร่องของตนเอง แกรีบไสหัวไปซะ ไม่งั้นแกจะต้องโดนต่อยด้วย”
“ฉันจะลงมือแล้วยังไงเหรอ?” หลี่โม่พูดจบ ต่อยไปที่หน้าของบอดี้การ์ดคนนั้นแล้ว
บอดี้การ์ดคนนั้นถูกต่อยจนรับมือไม่ทันเลยทันที เขาทั้งคนล้มหงายหลังลงไปนอนกับพื้นเลย
หลี่โม่ลงมือจัดการอย่างกะทันหันเกินไปแล้ว อีกอย่างต่อยบอดี้การ์ดให้ล้มในหมัดเดียว ทำให้อ้าวเต๋อไล๋ตกใจอย่างมาก ไม่นานเขาก็กลับมาสงบนิ่งแล้ว พูดกล่าวด้วยใบหน้าที่โมโหอย่างมากว่า : “นี่แกบีบบังคับให้ฉันต้องลงมือเองนะ”
บอดี้การ์ดที่อยู่ข้างหลังเขาต่างก็รอให้คุณชายพูดคำนี้ รีบไปลงมือจัดการหลี่โม่กันทีละคนคนแล้ว
คนที่อยู่ในที่เกิดเหตุล้วนแต่แอบถอนหายใจกัน ราวกับว่าเห็นภาพฉากที่หลี่โม่ถูกตีจนสะบักสะบอมยังไงอย่างนั้น พวกเขาส่ายหน้าเบาๆ หาเรื่องใครไม่หาเรื่อง กลับว่าไปหาเรื่องอ้าวเต๋อไล๋คุณชายตระกูลเศรษฐีคนนี้ อยากตายนักใช่ไหม?
พวกเขาต่างก็รู้ว่าอ้าวเต๋อไล๋มีพี่ชายที่เมืองฮ่านอยู่คนหนึ่ง แถมยังคลุกคลีอยู่กับลูกน้องของฉู่จงเทียนนั่นด้วย ดังนั้นอ้าวเต๋อไล๋ก็ยิ่งจะจองหองพองขน เพราะงั้นถึงได้ไม่สนใจอะไรเลย
แต่ว่าวินาทีถัดไป ทุกคนต่างก็รู้สึกทึ่งแล้ว ร่างกายของหลี่โม่มีความคล่องตัวอย่างไม่อาจเทียบได้ เคลื่อนไหวรอบบอดี้การ์ดเหล่านั้น ผ่านไปไม่นาน บอดี้การ์ดนั้นต่างก็ล้มลงไปนอนกับพื้นแล้ว