จักรพรรดิมังกร - บทที่ 767 อย่าลากฉันลงไปซวยด้วย
อ้าวเต๋อไล๋รู้ว่าพี่ชายจะมาที่นี่ในไม่ช้า ทันใดนั้นเขาก็อวดดีขึ้นมา
“แกตายแน่ เดี๋ยวพี่ชายฉันก็มา ตอนนี้พี่ชายฉันเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวให้ท่านเทียนแล้ว”
หลังจากที่ได้ยินอ้าวเต๋อไล๋พูด ทุกคนมองดูหลี่โม่อย่างเห็นใจ บอดี้การ์ดส่วนตัวของฉู่จงเทียน ตัวตนนี้ไม่ธรรมดาเลย ต่อไปที่เมืองฮ่าน แทบจะเรียกได้ว่ามีสิทธิ์ทำอะไรก็ได้
พวกเขาต่างก็อิจฉาอ้าวเต๋อไล๋ที่มีพี่ชายที่เก่งเช่นนี้
มีคนหวังดีไม่น้อยไม่ลืมที่จะพูดโน้มน้าวหลี่โม่: “คุณรีบไปเถอะ พี่ชายเขาเป็นลูกน้องของท่านเทียน เป็นคนที่สุดยอดมาก”
“ถ้าแกกล้าหนี ฉันก็กล้าตามไปหาแกถึงที่บ้าน” อ้าวเต๋อไล๋เอ่ยปากอย่างเย็นชา
เหตุการณ์ในวันนี้ทำให้เขาเสียหน้าอย่างมาก ถ้าให้หลี่โม่จากไปแบบนี้ ในใจเขาคงไม่เต็มใจแน่นอน
เดิมทีหลี่โม่ไม่ได้มีความคิดที่จะจากไปอยู่แล้ว รวมถึงยังมีท่าทีที่เล่นๆ กับอ้าวเต๋อไล๋ เมื่อกี้น้ำเสียงของอ้าวเต๋อไล๋ เห็นชัดๆ ว่าขู่
เขารู้ว่า เรื่องนี้ถ้าหากไม่จัดการให้ดีล่ะก็ อีกฝ่ายยังจะหาเรื่องเดือดร้อนต่อไป แทนที่จะเป็นแบบนี้ แก้วันนี้ไปเลยจะดีเสียกว่า
เฉินเสี่ยวถงหัวเราะคิกคัก กู้หยุนหลันชำเลืองมองอีกฝ่ายอย่างประหลาดใจ คิดไม่ออกว่าอีกฝ่ายสามารถหัวเราะในสถานการณ์เช่นนี้ได้
เฉินเสี่ยวถงกล่าวเบาๆ ว่า: “ลุงฉู่สนิทกับหลี่โม่อย่างมาก”
กู้หยุนหลันรู้ว่าหลี่โม่และฉู่จงเทียนเป็นเพื่อนกัน แต่เธอมักจะรู้สึกว่าความสัมพันธ์ยังไม่ดีถึงขั้นนั้น
สุดท้ายแล้วพี่ชายของอ้าวเต๋อไล๋คือบอดี้การ์ดส่วนตัวของฉู่จงเทียน จะต้องได้งานสำคัญๆ จากฉู่จงเทียนแน่นอน
ในตอนนี้ ไม่รู้ว่าใครในฝูงชนบอกว่าคนของท่านเทียนมาแล้ว แล้วทุกคนก็หันไปโดยไม่รู้ตัว จับตาดูอ้าวเทียนที่ลงจากรถเป็นสิ่งแรก
อ้าวเทียนเพลิดเพลินกับความรู้สึกเป็นที่สนใจของผู้คนอย่างมาก เขาเดินอย่างเคร่งขรึมและทรงพลัง มีลูกน้องเดินตามหลัง 10 กว่าคน
อาเปียวมาเพื่อขู่เท่านั้น เขาสวมแว่นกันแดด กวาดสายตาไปรอบๆ ต่อมา ตอนที่เขามองเห็นหลี่โม่ แว่นกันแดดก็แทบจะตกลงมา
คุณชายหลี่โม่มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? เขามีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี หรือเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับหลี่โม่งั้นเหรอ?
ต้องรู้ว่าแม้แต่ท่านเทียนก็ยังให้ความเคารพและให้เกียรติหลี่โม่ เขาเดินไปอยู่ด้านหลังสุดโดยที่ไม่รู้ตัว และสังเกตการณ์ก่อน
“พี่ชาย มาแล้วเหรอ” อ้าวเต๋อไล๋รีบวิ่งเหยาะๆ มาอย่างเร็ว ส่งบุหรี่ให้อ้าวเทียนหนึ่งมวน
หลังจากที่อ้าวเทียนรับบุหรี่มา คาบไว้อยู่ที่ริมฝีปาก ลูกน้องข้างกายเขาคนหนึ่งหยิบไฟแช็กออกมาและจุดบุหรี่ให้อ้าวเทียน
อาเปียวถอดแว่นตากันแดดของเขาโดยไม่รู้ตัว พร้อมกล่าวทักทายหลี่โม่
หลี่โม่ก็จำอาเปียวได้ เขาค่อยๆ ยกมือขึ้น อาเปียวเข้าใจว่าคุณหลี่ไม่ต้องการเปิดเผยตัวตนของเขา เขาจึงทำได้แค่เพียงหุบปาก
เขามองอ้าวเทียนอย่างเห็นใจ ทำได้เพียงแค่ขอให้อีกฝ่ายแสวงหาความสุขได้ด้วยความสามารถของตัวเอง
อ้าวเทียนพูดอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า: “ใครเป็นคนทำน้องชายฉัน”
อ้าวเต๋อไล๋แทบรอไม่ไหวที่จะชี้ไปที่หลี่โม่ แล้วกล่าวว่า: “พี่ชาย เขานั่นแหละ พี่ต้องช่วยผมแก้แค้นนะ”
อ้าวเทียนจับจ้องมองไปที่ตัวหลี่โม่ เขามองหัวจรดเท้า ยิ่งไม่สนใจ เป็นอย่างที่น้องชายเขาพูดจริงๆ แค่คนจนที่ไม่มีภูมิหลังเพียงแค่ชกต่อยเป็นเท่านั้น
ตอนที่ทุกคนหันไปมองหลี่โม่ ต่างก็คิดว่าอีกฝ่ายโง่เกินไปแล้ว เมื่อกี้รีบหนีไปก่อนก็ได้ ตอนนี้อยากหนีก็หนีไม่ได้แล้ว
“ฉันได้ยินมาว่าแกไม่ได้เห็นฉันอยู่ในสายตาเลยสินะ?” อ้าวเทียนถามด้วยใบหน้าที่เย็นชา
หลี่โม่ขมวดคิ้ว เขาไม่เคยพูดประโยคนี้มาก่อน เมื่อเขาเห็นอ้าวเต๋อไล๋ทำท่าทางที่ทำสำเร็จ เขาก็เข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว
อ้าวเต๋อไล๋เพื่อที่จะยั่วยุพี่ชายให้เกิดความโกรธ ถึงได้พูดใส่ความเรื่องไม่ดีให้กับหลี่โม่
อาเปียวอดไม่ได้ที่จะขวางอ้าวเทียนไว้ กะพริบตาส่งซิกให้: “ช่างเถอะ ก็แค่เรื่องเล็ก อย่าใส่ใจกับเรื่องเล็กๆ นี้เลย”
“พี่เปียว เรื่องนี้จะช่างมันได้ยังไง เขาไม่เห็นผมในสายตาเลยนะ” อ้าวเทียนคิดว่าหลี่โม่ไม่พูดอะไรก็คือยอมจำนนแล้ว เขาก็ไม่อยากหยุดทำเช่นนี้ เขาคิดว่าพี่เปียวมาเพื่อทำให้พวกเขาดูโหดและดุดัน แต่ดันกลายเป็นพ่อพระโดยที่ไม่รู้ตัว
อ้าวเต๋อไล๋ก็รู้ว่าอาเปียวเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของท่านเทียน เขาปั่นหัวให้เรื่องลุกลามใหญ่โตกว่าเดิม: “พี่เปียว ทำแบบนี้เป็นใครใครก็เคืองกันทั้งนั้น”
อาเปียวอยากจะพูดอะไรบางอย่างในตอนนี้ หลังจากที่พวกคุณรู้จักตัวตนของหลี่โม่ พวกคุณก็ไม่อยากยอมก็ต้องยอม
แต่หลี่โม่ให้เขาเก็บความลับไว้ เขาก็สามารถเก็บไว้เอาได้
“พี่เปียว ดวงตาคุณไม่เป็นไรใช่ไหม ทำไมต้องกะพริบตาอยู่ตลอดด้วย?” อ้าวเทียนเกาหัวไปด้วยกล่าวไปด้วย
อาเปียวพูดไม่ออกเลย และขี้เกียจที่จะช่วยเหลืออีกฝ่ายแล้ว อีกฝั่งอยากหาเหาใส่หัวก็เชิญเถอะ เขาส่งซิกให้ชัดเจนขนาดนี้แล้วยังดูไม่ออกอีก พระเจ้าก็ช่วยอีกฝ่ายไม่ได้หรอกนะ
อ้าวเทียนเปลี่ยนประเด็นมาจนถึงตัวหลี่โม่ เขากำหมัดแน่นเสียงดังกรอบแกรบ: “ตอนนี้ แกยังคุกเข่าทันนะ”
อาเปียวตะลึงอยู่ที่เดิม ให้หลี่โม่คุกเข่างั้นเหรอ? นี่มันเป็นเรื่องที่ผิดมหันต์เลยนะ?
เขาไม่ได้เอาเรื่องวันนี้ไปบอกฉู่จงเทียน เขาอยู่กับท่านเทียนมานาน และเข้าใจความคิดของท่านเทียนมากแค่ไหน ถ้าเขาบอกท่านเทียน ท่านเทียนจะต้องสั่งสอนคนที่ดูถูกคุณหลี่แน่นอน
“มา นี่คือพี่เปียว พี่ชายของฉัน” อ้าวเทียนแนะนำอาเปียวให้อ้าวเต๋อไล๋รู้จัก
สีหน้าอาเปียวเคร่งขรึม: “ใครเป็นพี่น้องแก อย่ามาตีสนิทนะ”
อีกฝ่ายอยากตาย เขายังไม่อยากตาย เขาตัดความสัมพันธ์กับอ้าวเทียนทันที
สีหน้าของอ้าวเทียนเก้ๆ กังๆ นิดหน่อย แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะแข็งกร้าวกับอาเปียว ท้ายที่สุดแล้ว ตัวตนและสถานะล้วนอยู่ที่นั่น
อ้าวเต๋อไล๋กล่าวอย่างคลุมเครือว่า: “พ่อหนุ่ม ถ้าตอนนี้แกไม่คุกเข่าลง ไม่งั้นแกจะถูกลงโทษนะ”
อ้าวเทียนยืนที่เดิมอย่างภาคภูมิใจ รอให้หลี่โม่คุกเข่าลง
หลี่โม่ยิ้มและกล่าว: “ถ้าฉันไม่คุกเข่าล่ะ?”
“งั้นก็ตายซะ” อ้าวเทียนกล่าวพึมพำด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เขาพุ่งไปข้างหน้าโดยไม่รู้ตัว ขอเพียงแค่ได้ทุบตีหลี่โม่ ถึงตอนนั้นหลี่โม่จะต้องคุกเข่าและตะโกนเรียกท่านปู่
หลี่โม่มองออกถึงความเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้ และสบโอกาส ต่อยออกไปหนึ่งหมัด
อ้าวเทียนรู้สึกเจ็บปวดใจ ทั้งตัวเขาถอยหลังไปไม่กี่ก้าว มองหลี่โม่ด้วยสายตาที่เหลือเชื่อ ทำไมอีกฝ่ายดูออกว่าเขาจะเคลื่อนไหวอย่างไร?
หลี่โม่ยิ้ม: “ดูเหมือนว่าฉู่จงเทียนมั่นใจในตัวคุณ ไม่อย่างนั้นก็คงจะไม่สอนทักษะการชกมวยของเขาให้คุณหรอก”
อ้าวเทียนยิ่งคิดยิ่งไม่ปกติ ฝ่ายตรงข้ามรู้เกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้นี้ได้อย่างไร? หลังจากที่ได้ยินรอบข้างประเมินเขาต่ำ สีหน้าของเขาดูแย่อย่างมาก
เดิมทีเขาต้องการออกหน้า ใครจะไปคิด ว่ากลับทำให้หลี่โม่กลายเป็นจุดสนใจ
ตอนนี้เขากำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ไม่ได้คิดถึงเรื่องอื่น ตอนนี้เขามีเพียงความคิดเดียวเท่านั้น ก็คือกำจัดหลี่โม่
ขณะที่อ้าวเทียนพุ่งเข้าไป จู่ๆ เขาพบว่าหลี่โม่หายไป ทันใดนั้นเหงื่อเย็นไหลออกมาจากหลังของเขา เขาบิดคออย่างเกร็งๆ เผชิญหน้ากับกำปั้นใหญ่ของหลี่โม่พอดีเลย
ทั้งตัวเขากระเด็นออกไป พุ่งออกไปเป็นแนวโค้งแล้ว