จักรพรรดิมังกร - บทที่ 779 ต้องสู้ตายอย่างเดียว
“แต่ว่าแกแข็งแกร่งแค่ไหน ก็ยังต้องตายอยู่ในมือของฉันอยู่ดี”จากนั้นบนใบหน้าของลี่เสียงเฟยปรากฏรอยยิ้มที่โหดร้ายออกมา และพูด
เขาไม่พอใจใครทั้งนั้น แม้ว่าจะเป็นฝีมือที่หลี่โม่แสดงออกมาให้เห็นในตอนนี้ อย่างมากที่สุดก็ทำให้เขาแปลกใจเล็กน้อยเท่านั้นเอง เขายังมีความมั่นใจสามารถที่จะทำภารกิจให้สำเร็จ
หม่าติงที่ซ่อนตัวอยู่ที่หน้าต่างก็เริ่มที่จะนั่งบนภูดูเสือกัด(เปรียบถึงการรอคอยโอกาสเพื่อฉกชิงผลประโยชน์เมื่อคนอื่นพลาดพลั้ง) ถ้าเกิดเรื่องราวมีการเปลี่ยนแปลงไป เขาค่อยพลิกแพลงตามสถานการณ์ ไม่รู้ว่าทำไม เขากลับคาดหวังว่าหลี่โม่จะชนะ
เขาไม่ชอบหน้าลี่เสียงเฟยมานานมากแล้ว ถ้าหลี่โม่สามารถที่จะช่วยเขาสั่งสอนสักหน่อย ถ้าอย่างนั้นก็จะถึงอกถึงใจ แต่เขาก็กลัวว่าภารกิจของลี่เสียงเฟยล้มเหลว เขากลับไปคงจะถูกลูกพี่ตำหนิอย่างแน่นอน
หลี่โม่พูดอย่างราบเรียบว่า: “แกเป็นคนที่เทพสังหารส่งมาเหรอ”
“ใช่ ก่อนหน้าที่แกจะตาย แกต้องจดจำชื่อของฉันไว้ ฉันชื่อลี่เสียงเฟย เสือแห่งภาคตะวันตกเฉียงเหนือ”ลี่เสียงเฟยมองด้วยความอวดดีอย่างไม่มีอะไรเทียบได้ และพูด
เขากลับไม่รู้ว่า เพราะว่าความอวดดีของตัวเองนี้ จะทำให้ตัวเองเสียใจไปตลอดชีวิต
“เสือแห่งภาคตะวันตกเฉียงเหนือเหรอ?”หลี่โม่นิ่งอึ้งเล็กน้อย ชื่อนี้ค่อนข้างแปลก ราวกับว่าเคยได้ยินชื่อนี้จากที่ไหนสักแห่ง
ลี่เสียงเฟยบอกเรื่องราวปีนั้นของตัวเองออกมา ในสายตาของเขารู้สึกว่าเป็นเกียรติ แต่อยู่ในสายตาของหลี่โม่ อีกฝ่ายเป็นเพียงการเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง
เมื่อหลี่โม่ได้ยินว่าอีกฝ่ายทำเรื่องชั่วร้ายมากมายขนาดนี้ในภาคตะวันตกเฉียงเหนือ สีหน้าก็อดไม่ได้ที่จะดูไม่ดี อาจจะเป็นเพราะว่าทำงานร่วมกับหัวหน้าจางมานานมาก เขาก็มียังมีความยุติธรรมอยู่บ้าง
คนคนนี้ เขาไม่สามารถที่จะปล่อยไปได้ จำเป็นต้องส่งมอบตัวให้หัวหน้าจางจัดการ ไม่อย่างนั้น ด้วยการกระทำที่ชั่วร้ายของอีกฝ่าย ไม่รู้ว่ายังจะก่อเรื่องราวอะไรอีก
ลี่เสียงเฟยเตะตวัดไป ขวาเหมือนราวกับสายฟ้า ความเร็วเร็วจนไม่สามารถที่จะหักห้ามไว้ได้ เขามั่นใจมากว่าท่าเตะตวัดนี้สามารถที่จะเตะจนหลี่โม่สูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหวได้
หลี่โม่ก็เตรียมพร้อมสำหรับการตัดสินล่วงหน้าไว้แล้ว ในขณะที่อีกฝ่ายลงมือ เขาก็พุ่งพรวดออกไป ต่อจากนั้นทำให้อีกฝ่ายล้มลงอยู่บนพื้น โดยกดแขนทั้งสองของอีกฝ่ายไว้
ท่วงท่าเทคนิคล็อกข้อต่อนี้ ทำให้ลี่เสียงเฟยรับมือไม่ทัน สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาถึงได้รู้ว่าตัวเองประมาทเกินไป เขาพยายามดิ้นรน แต่ว่าพละกำลังของหลี่โม่ค่อนข้างมากเกินไปจริงๆ
ลี่เสียงเฟยพูดอย่างเย็นชาว่า: “มีความสามารถแกปล่อยฉัน”
หลี่โม่กระตุกมุมปาก เขารู้ว่าอีกฝ่ายไม่พอใจ เขาไม่รีบร้อน และปล่อยอีกฝ่ายไปราวกับแมวกำลังเล่นกับหนู
ไม่ว่าลี่เสียงเฟยจะพยายามมากแค่ไหน ก็ถูกเทคนิคล็อกข้อต่อของหลี่โม่กำราบหลายครั้ง ลี่เสียงเฟยบ้าคลั่งขึ้นมา เสียเปรียบอย่างต่อเนื่องไม่น้อย เขาก็อายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี รู้สึกว่าขายหน้าเป็นอย่างมาก
“แกไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉัน”ประโยคเดียวของหลี่โม่ ทำให้ลี่เสียงเฟยไม่มีพอใจอย่างยิ่ง
เดิมทีท่วงท่าเทคนิคล็อกข้อต่อนี้ถ้าเกิดล็อกข้อต่อของศัตรูไว้ ศัตรูไม่สามารถที่จะหลุดพ้นไปได้ ลี่เสียงเฟยอดทนต่อเสียงลั่นดังกรอบแกรบของข้อต่อ สีหน้าเจ็บปวดจนฝืนสลัดหลุดพ้นออกไป
หลี่โม่ถึงได้รู้สึกว่าอีกฝ่ายน่าสนใจเล็กน้อย แม้ว่าอีกฝ่ายจะมีความกล้าเล็กน้อย น่าเสียดายล้วนใช้ในทางที่ผิด
ลี่เสียงเฟยกระโจนเข้าไป เตรียมที่จะอุ้มหลี่โม่กระแทก จากนั้นก็เป็นสนามของเขาแล้ว แม้ว่าความฝันจะสวยงามมาก แต่ความจริงกลับเปราะบางเป็นอย่างมาก
ตอนที่เขาเตรียมที่จะอุ้มหลี่โม่กระแทกลง หลี่โม่ก็กระโดดขึ้นสูงอย่างตัวเบา เตะไปที่ด้านหน้าของลี่เสียงเฟย
สีหน้าของลี่เสียงเฟยเปลี่ยนไปอย่างมาก เจ็บจนถอยหลังไปสองสามก้าว มองดูหลี่โม่ด้วยความสยดสยอง สีหน้าที่เหิมเกริมของเมื่อกี้นี้ ก็มลายหายไปหมดในทันที
เขาเริ่มตื่นตระหนก มองดูหลี่โม่ราวกับกำลังเผชิญหน้ากับศัตรู ในใจก็เริ่มที่จะตั้งใจถอนตัวแล้ว เขากำลังเตรียมที่จะแอบหนีไป แต่ทางออกกลับถูกหลี่โม่ขวางไว้
ลี่เสียงเฟยกัดฟัน กัดฟันต้องสู้ตายอย่างเดียว เขาลงมืออย่างไม่หยุดหย่อน ความเร็วของการออกหมัดในแต่ละครั้งก็เร็วกว่า เกือบจะมองเห็น มีเพียงภาพติดตา
หม่าติงที่มองดูสถานการณ์การต่อสู้ก็ตกตะลึง ทั้งสองคนนี้ต่อสู้กันได้อย่างดุเดือดเกินไป ถ้าเปลี่ยนเป็นเขา ภายในไม่กี่วินาทีเขาก็ตายไปแล้ว
เขาแอบดีใจที่ตัวเองไม่ได้เข้าร่วมไปด้วย ไม่อย่างนั้น ก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะถูกทำร้ายจนน่าสังเวชใจแค่ไหน เขามองหลี่โม่ด้วยสายตาที่ตกตะลึง
ความเร็วในการออกหมัดของลี่เสียงเฟยทำให้หม่าติงตกใจมากพอ สิ่งที่ทำให้เขาตกใจมากที่สุดคือความเร็วในการหลบหลีกของหลี่โม่ เขาเห็นได้ชัดเจนว่าลี่เสียงเฟยชกไม่โดนหลี่โม่สักหมัด
ลี่เสียงเฟยยิ่งต่อสู้ยิ่งเหน็ดเหนื่อยมากขึ้นเรื่อยๆ หายใจหอบอย่างต่อเนื่อง เขาคนทั้งคนก็ปิดกั้นตัวเอง เขาวิชาป้องกันที่รุนแรงดุเดือดของเขาเป็นไปไม่ได้ที่จะถูกคนหลบหลีกไปได้ทั้งหมด แต่ว่าวันนี้ ตำนานของเขาถูกหลี่โม่ทำลายแล้ว
หลี่โม่เห็นอีกฝ่ายตื่นเต้นมากขนาดนี้ จำเป็นต้องให้อีกฝ่ายสงบลงมา: “แกควรจะใจเย็นหน่อย”
ลี่เสียงเฟยนิ่งอึ้งเล็กน้อย ไม่เข้าใจว่าหลี่โม่กำลังพูดอะไร เขาเห็นเพียงเงาดำผ่านไปอย่างรวดเร็ว ต่อจากนั้นขมับของเขาก็ถูกกระแทกในทันที ดวงตาทั้งสองของเขามืดลงในทันที และหมดสติไป
หม่าติงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทั้งหมดนี้ถูกบดขยี้อย่างสมบูรณ์ เขาวิ่งหนีไปด้วยความตกใจ ไม่อย่างนั้น เขาก็จะมีจุดจบเหมือนกับลี่เสียงเฟย
“เธอกลับไปก่อนเถอะ”หลี่โม่มองเฉินเสี่ยวถงแวบหนึ่ง และพูด
เดี๋ยวจะมีคนมาที่นี่อีกมากมาย เขาจำเป็นต้องเบี่ยงเบนความสนใจของเฉินเสี่ยวถงก่อนถึงจะได้
เฉินเสี่ยวถงพยักหน้าอย่างว่าง่าย ถึงได้บิดก้นเดินออกไป หลี่โม่ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ ยัยเด็กคนนี้จนถึงตอนนี้ก็ยังยั่วยวนเขา
หลี่โม่เปลี่ยนความคิดมาบนตัวของลี่เสียงเฟย ค้นตัวของอีกฝ่ายว่ามีสิ่งของอันตรายหรือเปล่า ปรากฏว่าทันทีที่ค้น เขาก็ค้นพบมีดสั้นหนึ่งเล่ม และยังโทรศัพท์หนึ่งเครื่อง
อาจจะเป็นเพราะว่าตอนที่ลี่เสียงเฟยลงมือเคยชินกับการนิ่งเงียบ หลี่โม่เห็นเข็มขัดของอีกฝ่ายมีแสงสว่าง ก็หยิบออกมา ปรากฏว่าเป็นหมายเลขโทรศัพท์ที่ไม่รู้จัก
“เป็นยังไง ภารกิจสำเร็จหรือเปล่า?”
หลี่โม่เพิ่งจะรับสาย ทางนั้นก็เริ่มเข้าสู่หัวเรื่องในทันที
“แกคิดว่าไง?”
หลี่โม่ยิ้มเจ้าเล่ห์ ก็ไม่ได้อ้อมค้อมกับอีฝ่าย
“ทำไมเสียงของนายถึงได้เปลี่ยนไป? ไม่สิ! แกเป็นใครกันแน่”
เห็นได้ชัดว่าเสียงของหลี่โม่ ทำให้คนในโทรศัพท์มึนงง และเสียงของก็ค่อนข้างระมัดระวัง
“แกจะฆ่าฉันไม่ใช่เหรอ แกไม่รู้จักฉันเหรอ?”
หลี่โม่แสยะยิ้ม
จากนั้นทางนั้นก็ตกอยู่ในความเงียบ หลี่โม่พูดต่อว่า: “ถ้าหากแกยังมาก่อปัญหาอีก ก็อย่าโทษฉัน”
เขาไม่ได้พูดเรื่องไร้สาระมากเกินไป ต่อจากนั้นก็วางสายโทรศัพท์ หวังว่าคำเตือนนี้สามารถที่จะยับยั้งอีกฝ่ายได้ แม้ว่าผลจะไม่ชัดเจน แต่ก็ได้ผลเล็กน้อย
ในห้องทำงานของเทพสังหาร
เทพสังหารก็ไม่ได้โง่ ตั้งแต่ที่ได้ยินเสียงของหลี่โม่ เขาก็รู้ว่าภารกิจของลี่เสียงเฟยล้มเหลว เขาโกรธจนโยนโทรศัพท์ลงบนพื้นในทันที
เขาให้ความคาดหวังกับเทพสังหารเป็นอย่างมาก ปรากฏสิ่งที่ทำให้เขาคาดไม่ถึงคือ เทพสังหารไม่นึกเลยว่าจะดำเนินการล้มเหลว ผลลัพธ์แบบนี้ ทำให้เขาไม่สามารถยอมรับได้
เขากัดฟันแน่ ในใจก็กล้ำกลืนความเคียดแค้นนี้ไว้ไม่ได้
“เจ้านาย คุณอย่าได้โมโห ฉันมาช่วยให้คุณใจเย็นลง”หลังจากที่พูดจบ เลขานุการของเทพสังหารก็นั่งยองๆ ด้วยน้ำเสียงที่มีเสน่ห์มาก
ตอนนี้เทพสังหารโกรธเป็นอย่างมาก และการกระทำแบบนี้ของเลขานุการสาว กลับเป็นเหมือนเติมเชื้อเพลิงลงในกองไฟ เขาโกรธจนเตะเลขานุการออกไป และตะโกนว่า: “ไสหัวออกไปซะ!”
เลขานุการที่แต่งตัวไม่เรียบร้อยคนนั้นตกใจจนวิ่งออกจากทำงานของเทพสังหารอย่างตื่นตระหนก