จักรพรรดิมังกร - บทที่ 786 ฉันเลี้ยงเอง
“เท่าไหร่”พี่เจี่ยหยิบบัตรธนาคารออกมา แล้วพูดกับหลี่โม่อย่างดูถูกว่า: “คนจน เงินวันนี้ที่ฉันจ่าย ชาตินี้นายก็คงจะจ่ายไม่ไหว”
“รวมทั้งหมดเป็นสิบล้าน”พนักงานเสิร์ฟค่อยๆบอกราคา และบวกรวมกับของขวัญเหล้าเหล่านั้นด้วย
“อะไรนะ คุณพูดอีกทีสิ”บัตรธนาคารในมือของพี่เจี่ยเริ่มสั่นเทาจนตกลงบนพื้น หลังจากที่ได้ยินราคา สีหน้าของเขาก็ซีดเซียวอย่างช่วยไม่ได้
สิบล้านเหรอ? นี่เป็นผลกำไรห้าปีของบริษัทเลยนะ จะต้องเก็บเงินค่าใช้จ่ายของเขาอย่างน้อยสิบกว่าปีถึงจะได้
เขาได้ทำการประเมินแล้ว สิ่งเหล่านี้ที่ไม่ว่าจะแพงแค่ไหน ก็ไม่มีทางที่จะเป็นสิบล้านได้ เขาสงสัยว่าตัวเองฟังผิดหรือเปล่า
ทุกคนต่างก็นิ่งอึ้ง และยังคงฝืนขี้โม้ว่า: “พี่เจี่ยใจกว้างเกินไปแล้ว ไม่นึกเลยว่าจะเลี้ยงสิบล้าน พี่เจี่ย พี่ขาดคนค่อยรับใช้หรือเปล่า”
เหงื่อเย็นที่หน้าผากของพี่เจี่ยไหลออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน ตอนนี้เขาไม่มีเงินเพียงพอ แม้ว่าจะขายรถก็ไม่มีประโยชน์ ยิ่งไปกว่านั้นช่วงนี้กำไรบริษัทเปิดใหม่ของพ่อเขาก็ไม่ค่อยดี
ถ้าหากเขาบอกเรื่องนี้กับพ่อของเขา พ่อของเขาคงจะโกรธจนตัดขาดความสัมพันธ์กับเขา
“สิบล้าน สั่งเยอะขนาดนี้เลยเหรอ เป็นไปไม่ได้ที่จะมากมายขนาดนี้”พี่เจี่ยมองเมนูอย่างสงสัย
หลังจากที่ดูเมนูแล้ว เขาถึงได้รับรู้อะไร นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย ทำไมเหล้าเหล่านั้นถึงได้คิดเงินเพิ่ม?
“นี่…..นี่มอบให้แล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมยังจะเก็บเงินด้วย?”พี่เจี่ยอดไม่ได้ที่จะชี้ให้เห็นถึงปัญหานี้ และพูด
คนอื่นๆก็ตกตะลึง มองไปที่พี่เจี่ยด้วยสายตาที่สงสัย เรื่องอะไรกันเนี่ย ไม่นึกเลยเหล้านั้นจะเก็บเงิน พวกเขายังคิดว่ามอบให้เพราะเห็นแก่หน้าของพี่เจี่ย
“เพราะว่าคุณทำให้แขกผู้มีเกียรติท่านนั้นขุ่นเคืองใจ ดังนั้นท่านเทียนจึงโกรธ ดังนั้นต้องเสียค่าใช้จ่าย”พนักงานเสิร์ฟตอบตามความจริง
“คุณอย่าล้อฉันเล่น ฉันอยู่ในห้องวีไอพีนี้ตลอด ทำให้แขกผู้มีเกียรติขุ่นเคืองใจที่ไหนกัน”พี่เจี่ยยิ้มอย่างขมขื่นแล้วพูด
ในห้องวีไอพีนี้ฐานะของเขาใหญ่ที่สุด แขกผู้มีเกียรติจะอยู่ในบรรดาของพวกเขาได้ยังไง ต่อให้มี คนที่มีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับเขา ก็แค่หลี่โม่และจาเจียเล่อ
แน่นอนว่า คนสองคนนี้ถูกเขาตัดขาดโดยตรง เขาไม่เชื่อว่าในบรรดาหลี่โม่และจาเจียเล่อจะมีใครที่มีความสัมพันธ์ดีขนาดนี้กับท่านเทียน
“ถึงยังไงฉันก็เห็นแล้ว”พนักงานเสิร์ฟพูดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
พี่เจี่ยรู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อย และพูดว่า: “คุณกำลังบีบบังคับให้คนอื่นซื้อไม่ใช่เหรอ ฉันไม่พอใจ ฉันจะบอกกับเจ้านายของพวกคุณ”
“เจ้านายของพวกเราก็คือท่านเทียน คุณจะพูดคุย สามารถที่จะคุยกับเขาได้”
พี่เจี่ยขี้ขลาดตาขาวในทันที เมื่อกี้นี้เขาได้ยินพนักงานเสิร์ฟบอกว่าเขาทำให้ท่านเทียนโกรธ ถ้าเขาพูดเรื่องแบบนี้กับฉู่จงเทียนจริงๆ นี่ก็ขุดหลุมศพของตัวเองไม่ใช่เหรอ?
เขาโง่แค่ไหน ก็ไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้นออกมาได้ ต่อให้ฉู่จงเทียนตั้งใจที่จะแกล้งเขา เขาก็ทำได้เพียงยอมรับ เขามีปัญหากับคนใหญ่โตแบบนี้ไม่ได้ด้วยซ้ำ
อีกฝ่ายกระทืบเท้าอยู่ในเมืองฮ่าน เขาก็ตายแล้ว
“งั้นทำไมเมื่อกี้นี้คุณไม่เตือนพวกเรา แบบนี้พวกเราก็ไม่เปิดแล้ว”พี่เจี่ยเริ่มเสียใจขึ้นมา และอดไม่ได้ที่จะต่อว่า
“ใครบอกให้พวกคุณเปิดได้เร็วขนาดนี้”
พี่เจี่ยหมดคำจะพูดในทันที สิบล้าน นี่จะให้เขาไปหาจากที่ไหนมา?
“เอ่อ คุณสามารถให้เวลาฉันหน่อยได้มั้ย พวกเรายังทานไม่หมด”พี่เจี่ยกระแอม
พนักงานเสิร์ฟกลับไปที่ประตูอีกครั้ง โดยถือเครื่องส่งรับวิทยุอยู่ในมือ ถ้าเกิดพี่เจี่ยจะหนี เธอก็จะแจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยด้านล่างได้ทันเวลา
พี่เจี่ยกลับไปที่นั่งอย่างสั่นเทาด้วยความกลัว และเฉียวย่านย่านบ่นว่า: “จะรออะไรอีก พวกเรากลับกันไปก็ได้แล้ว”
เฉียวย่านย่านคิดว่าสิบล้านสำหรับพี่เจี่ยเป็นสิ่งเล็กน้อยจนไม่ควรค่าที่จะนำมาใส่ใจ เธอคิดได้ที่ไหนกันว่า ตอนนี้ทั้งตัวของพี่เจี่ย มีเพียงไม่กี่ล้าน
“หุบปาก”พี่เจี่ยกำลังรู้สึกรำคาญ สุดท้ายเขาเงยหน้าขึ้น: “ทุกคน วันนี้ฉันยังมีธุระ พวกนายออกเงินจัดการเองเถอะ”
ทุกคนต่างก็นิ่งอึ้ง จากนั้นสีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไป ซึ่งเห็นได้ชัดว่าหมายความว่าปัดความรับผิดชอบให้กับพวกเขา
“พี่เจี่ย พี่บอกว่าวันนี้พี่จะเลี้ยงไม่ใช่เหรอ?”สุนัขรับใช้ของพี่เจี่ยอดไม่ได้ที่จะถาม
พี่เจี่ยพูดอย่างราบเรียบว่า: “ตอนนี้จู่ๆฉันก็ไม่อยากเลี้ยงแล้ว พวกนายก็ไม่อยากให้ฉันได้กำไรมากที่สุด พวกนายทุกคนรวบรวมกันหน่อย รวบรวมมาห้าล้าน”
คนอื่นที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ต่างคนต่างมองกันและกัน พวกเขาก็เข้าใจแล้วว่าพี่เจี่ยไม่มีเงิน
พนักงานเสิร์ฟเอ่ยปากพูดอีกครั้งว่า: “ถ้าหากภายในสิบนาทีไม่จ่ายเงิน ฉันจะเรียกคนแล้ว”
พี่เจียเช็ดเหงื่อเย็น เขาไม่อยากกินฟรีภายใต้เท้าของฉู่จงเทียน เขาตะโกนอย่างเย็นชา: “พวกนายรีบเอาเงินออกมาเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้น พวกเราจบเห่แน่”
คนพวกนี้ตระหนักถึงความรุนแรงของเรื่องราว ฝืนรวบรวมออกมาได้สองล้าน
พี่เจี่ยตบหน้าผาก สุดท้ายเขามองไปทางหลี่โม่และจาเจียเล่อแวบหนึ่ง และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “พวกนายสองคน อย่างน้อยก็ต้องออกให้ฉันหนึ่งล้าน”
“พี่เจี่ย นายบอกว่าจะเลี้ยงไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงให้พวกเราควักเงินอีก”หลี่โม่ยิ้มเจ้าเล่ห์
หลังจากที่พี่เจี่ยได้ยินเรื่องนี้ ความดันโลหิตก็เพิ่มขึ้นทันที
จาเจียเล่อก็ตื่นตระหนกอย่างกะทันหัน อาการป่วยของแม่ยังรักษาไม่หาย ตอนนี้ก็จะให้เขาเอาเงินออกมา นี่ก็บีบบังคับเขาให้ตายไม่ใช่เหรอ?
“เหอะ นายคงจะไม่ใช่ว่าเอาออกมาไม่ได้สักบาทเดี๋ยวนะ”ในเวลานี้พี่เจี่ย ยังคงไม่ลืมที่จะเยาะเย้ย
หลี่โม่ลุกขึ้น และพูดว่า: “ทำไมจะต้องทำให้ยุ่งยากด้วย อาหารของวันนี้ ฉันเลี้ยงเอง”
“อะไรนะ? นายเลี้ยงเหรอ?”
ทุกคนในงานต่างก็นิ่งอึ้ง พวกเขาแคะหูโดยไม่รู้ตัว คิดว่าตัวเองฟังผิด พวกเขาราวกับได้ยินเรื่องตลกมากที่สุดในโลก
พวกเขาทั้งหมดมองหลี่โม่ด้วยรอยยิ้มที่ดูถูก พวกเขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเอาความกล้ามาจากไป ไม่นึกเลยว่าจะบอกว่าเลี้ยงเหรอ?
พี่เจี่ยหัวเราะจนน้ำตาจะไหลออกมา และพูดถูกเหยียดหยาม: “นายก็ไม่ต้องขี้โม้แล้ว ฉันยังควักสิบล้านออกมาไม่ได้ นายบอกว่านายจะเลี้ยงเหรอ? นายขายทั้งตัวของนายก็ไม่คุ้มกับราคานั้น”
เฉียวย่านย่านพูดเยาะเย้ยว่า: “ความสามารถก็ไม่มี ก็มีแค่อุบายขี้โม้”
จาเจียเล่อไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหลี่โม่กันแน่ ไม่ใช่ว่าสมองมีปัญหาจริงๆ เขาเสียใจเล็กน้อยที่ไปยืมเงินของหลี่โม่
“พี่ ไม่งั้นเงินนี้ นายเอาไปหาหมอดีกว่า”จาเจียเล่อละอายใจเล็กน้อยที่จะรับไว้
หลี่โม่อดไม่ได้ที่จะเบิร์ดกะโหลกอีกฝ่ายหนึ่งที และพูดอย่างช่วยไม่ได้: “นายกำลังคิดอะไรอยู่ นายยังไม่เชื่อฉันเหรอ?”
“ไม่ใช่พวกเราทุกคนไม่เชื่อนาย นอกจากนายจะเปิดตาให้พวกเรา”พี่เจี่ยหัวเราะดังลั่น
“นั่นนะสิ ขี้โม้ ฉันว่างานของนายก็คือขี้โม้ มิน่าล่ะไม่ได้ทำงาน ขี้โม้จนไม่มีแล้ว”ทุกคนในที่นี้ก็เยาะเย้ย
“คุณรูดบัตรเถอะ”หลี่โม่เดินไปตรงหน้าของพนักงานเสิร์ฟคนนั้น และพูด
“คุณหลี่ ท่านเทียนบอกแล้วว่า ตราบใดที่คุณมา ไม่ว่าคุณจะใช้จ่ายเงินไปเท่าไหร่ พวกเราก็จะเบิกเงินจ่ายเอง”ท่าทีของพนักงานเสิร์ฟก็กลายเป็นเคารพขึ้นมา ยังไงก็ไม่กล้ารับไว้ ถ้าเธอรับไว้ ถ้าเกิดให้ท่านเทียนรู้เข้า เธอก็จะถูกลงโทษด้วย
กล้ามเนื้อบนใบหน้าของพี่เจี่ยและคนอื่นๆกระตุกหลายครั้ง และก็หัวเราะไม่ออกมา