จักรพรรดิมังกร - บทที่ 790 เรื่องดี
“ตอนนี้นายยังมีทางเลือกอื่น นั่นก็คือย้ายไปโรงพยาบาลอื่น” หัวหน้าแผนกแพทย์แสยะยิ้มแล้วพูด
เขารับเงินของทายาทหนุ่มมหาเศรษฐีมามากขนาดนี้ ก็ย่อมก็อยู่ข้างชายหนุ่มทายาทมหาเศรษฐี นอกจากนี้ จาเจียเล่อเพียงแค่จ่ายค่ารักษาพยาบาล ยิ่งไปกว่านั้นไม่ได้ให้ซองแดงกับเขา
สิ่งเล็กน้อยและสิ่งใหญ่หลวงควรจะเลือกสิ่งไหน เขาก็รู้ดีกว่า
“เพื่อนของฉันจองห้องผู้ป่วยไว้ พวกคุณก็ไล่ผู้ป่วยออกไปแบบนี้เลยเหรอ มากเกินไปหรือเปล่า”หลี่โม่เอ่ยปากพูด
เขาเคยได้ยินมาไม่น้อยว่าหัวหน้าแผนกแพทย์ใจดำ เขาคาดไม่ถึง ไม่นึกเลยว่าจะเห็นกับตาตัวเอง เขาอดไม่ได้ที่จะเป็นเดือดเป็นร้อนแทนจาเจียเล่อขึ้นมา
“ฉันเป็นหัวหน้าแผนกแพทย์ ฉันเป็นใหญ่ มีความสามารถนายก็ร้องเรียนฉันสิ”ผู้อำนวยการโรงพยาบาลก็หัวเราะ
เขาไม่ได้กังวลเลยว่าจะมีใครปล่อยข่าวลือวิพากษ์วิจารณ์ออกไป หลังจากที่เห็นเสื้อผ้าที่หลี่โม่และจาเจียเล่อใส่ ก็ยิ่งไม่ได้ให้ความสำคัญ
ถึงยังไงสองคนนี้ ก็ไม่สามารถที่จะโวยวายให้กลายเป็นเรื่องใหญ่โตได้
ชายหนุ่มทายามหาเศรษฐีอาศัยความรวย พูดข่มขู่หลี่โม่และจาเจียเล่อว่า: “ฉันให้พวกนายหนึ่งหมื่น พวกนายรีบไสหัวออกไปซะ ถ้าพวกนายยังเอะอะโวยวายต่อไป ได้เจอดีแน่”
เมื่อจาเจียเล่อได้ยินแบบนี้ กัดฟัน แต่กลับทำอะไรไม่ได้ เขาเห็นว่ายังมีเวลาเพียงพอ เขารู้หลักการที่ว่าคนจนสู้คนรวยไม่ได้ ทำได้เพียงกล้ำกลืนความโกรธแค้นแล้วเดินจากไป
“ตอนนี้ย้ายโรงพยาบาลไม่ทันแล้ว”หลี่โม่ขมวดคิ้วพูด
จาเจียเล่อถอนหายใจ: “พี่หลี่ งั้นควรทำยังไงกันดี ตอนนี้โรงพยาบาลไม่มีห้องว่างแล้ว”
หลี่โม่เข้าใจความรู้สึกของจาเจียเล่อ ในฐานะเพื่อนของอีกฝ่าย เขาจะต้องช่วยเหลืออีกฝ่ายอย่างแน่นอน เขาตบไหล่ของอีกฝ่ายแล้วพูดว่า: “วางใจได้ ฉันไม่มีทางปล่อยให้นายลำบากใจเปล่าๆ”
เขาถามฉู่จงเทียนแล้ว โรงพยาบาลนี้เป็นสาขาในเครือของโหวเต๋อหยาง เขาบอกเรื่องราวกับโหวเต๋อหยางแล้ว
หลังจากที่โหวเต๋อหยางได้ยินเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ ก็ไม่ได้ใจเย็นในทันที ไม่นึกเลยว่าจะมีคนกล้ารังแกเพื่อนของคุณหลี่ เขาก็ย่อมไม่สามารถที่จะเฝ้าดูด้วยความนิ่งดูดาย
“ฉันโทรหาผู้อำนวยการโหวแล้ว ถ้าหากคุณไม่สละห้องผู้ป่วยออกมา เกรงว่าตำแหน่งอาชีพของคุณก็รักษาไว้ไม่ได้”นี่เป็นคำเตือนสุดท้ายที่หลี่โม่ให้กับหัวหน้าแผนกแพทย์
“ฮ่าๆ นายกำลังขู่ฉันเหรอ? นายคิดว่านายเป็นใคร นายมีเบอร์โทรของหมอเทวดาโหวเหรอ? ฉันว่านายเพ้อเจ้อไปหน่อยแล้ว”หัวหน้าแผนกแพทย์เยาะเย้ย
เขาราวกับได้ยินเรื่องตลกที่ใหญ่ที่สุดในโลก ปกติเขาเป็นคนข่มขู่คน มีใครกล้าข่มขู่เขาที่ไหนกัน
เขาสงสัยว่าหลี่โม่ปัญญาอ่อนหรือเปล่า อุบายแบบนี้ เขาก็ย่อมไม่มีทางหลงกลเป็นธรรมดา
หลี่โม่ไม่ได้พูดอะไร ดึงจาเจียเล่อไว้ ให้อีกฝ่ายรออยู่ที่นี่อย่าได้วิ่งเพ่นพ่านไปไหน
ตอนนี้จาเจียเล่ออยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ถ้าตอนนี้ย้ายโรงพยาบาล ไม่แน่อาจจะทำการผ่าตัดได้ทันเวลา เพียงแต่ว่าขั้นตอน ก็ใช้เวลาไปครึ่งวันแล้ว
เขารู้ว่าอาการของแม่ไม่ค่อยดีนัก ยิ่งไปกว่านั้นตอนที่ได้รับแจ้งการเจ็บป่วยร้ายแรง เขาก็รู้ว่าแม่อยู่ได้อีกไม่กี่วันแล้ว
เขาไม่รู้ว่าจะเชื่อคำพูดของหลี่โม่หรือเปล่า ถ้าเกิดอีกฝ่ายรู้จักกับผู้อำนวยการโหว ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีความจำเป็นต้องย้ายโรงพยาบาลแล้ว
ชายหนุ่มทายาทมหาเศรษฐีเบะปากพูดกับหลี่โม่ว่า: “หัวหน้า คุณอย่าฟังพวกเขาพูดจาส่งเดช เขาคิดว่าตัวเองเป็นตัวอะไร”
v
หัวหน้าแผนกแพทย์ลูบเครา มองดูหลี่โม่และจาเจียเล่อด้วยใบหน้าที่ดูถูก และหัวเราะเสียงใส่ชายหนุ่มทายาทมหาเศรษฐีแล้วพูดว่า: “คุณชายหวัง คุณดูสิคุณพูดอะไร”
ด้วยการสนับสนุนของคุณชายหวัง หัวหน้าแผนกแพทย์ก็ยิ่งไม่กลัวเพราะมีที่พึ่งพิง
ในใจของจาเจียเล่อเป็นกังวลมาก ชายหนุ่มทายาทมหาเศรษฐีคนหนึ่งในเมืองฮ่าน และหัวหน้าแผนกแพทย์คนหนึ่ง ถ้าเกิดทำให้ขุ่นเคืองใจ ถ้าอย่างนั้นผลที่จะตามมาแทบจะเป็นสถานการณ์เลวร้ายจนไม่กล้าคิด
หัวหน้าแผนกแพทย์หรี่ตาพูดว่า: “ถ้าหากพวกนายไม่ไสหัวออกไปอีก ยังจะโวยวายต่อไป ฉันก็ไม่รังเกียจที่จะให้โรงพยาบาลทั้งหมดในเมืองฮ่านไม่ให้พวกนายลงทะเบียน”
แม้ว่าเขาจะพูดบ้าไปหน่อย แต่เขาเป็นคนมีเส้นสาย ยิ่งไปกว่านั้นหลี่โม่และจาเจียเล่อเป็นเพียงแค่คนธรรมดา ตราบใดที่เขาให้เงินเพื่อนร่วมอาชีพเล็กน้อย เรื่องนี้ก็ถือได้ว่าจบลงแล้ว
หลังจากที่จาเจียเล่อได้ยินแบบนี้ ก็ยิ่งตื่นตระหนกมากขึ้น เมื่อกี้นี้ยังมีโอกาสย้ายโรงพยาบาล ตอนนี้อีกฝ่ายจะทำให้เขาขึ้นบัญชีดำ ถ้าเกิดไปโรงพยาบาลอื่น โรงพยาบาลอื่นไม่รักษาแม่จะทำยังไง?
“พี่หลี่ นายหยุดโวยวายเสียที นี่เป็นช่วงเวลาที่ชีวิตคนสำคัญดุจฟ้า ฉันต้องคำนึกถึงแม่ของฉัน”จาเจียเล่อคิดว่าหลี่โม่มาก่อกวน จากนั้นก็ยิ้ม และกล่าวขอโทษว่า: “ขอโทษด้วย เพื่อนคนนี้ของผมพูดจาตรงไปหน่อย พวกคุณอย่าได้ใส่ใจ ผมขอโทษพวกคุณด้วย”
“สายไปแล้ว”หัวหน้าแผนกแพทย์พูดอย่างหยิ่งยโส
เขามีความอดทนไม่มากนัก เพื่อเผชิญหน้ากับคนยากจนสองคนนี้ เสียเวลาของเขาไปไม่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นไม่นึกเลยว่าหลี่โม่จะกล้าข่มขู่เขา สิ่งนี้ทำให้ในใจของเขาก็ยิ่งไม่ขุ่นเคืองมาก
ในเวลานี้ โทรศัพท์ของหัวหน้าแผนกแพทย์ดังขึ้นมา หลังจากที่เขาเห็นคนที่โทรมา ดวงตาของเขาก็เปล่งประกาย และรับสายอย่างยิ้มแย้ม
“ผู้อำนวยการโหว คุณมีเวลาว่างโทรผมได้ยังไง สามารถที่จะได้รับสายจากผู้อำนวยการโหว ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง”
“เป็นเกียรติงั้นเหรอ? ฉันก็เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้บอกเรื่องดีกับคุณ”
โหวเต๋อหยางก็ยิ้มเหมือนกัน เป็นเกียรติของแก แต่แกกลับเป็นคนทำร้ายฉัน
“จริงเหรอครับ? เรื่องดีอะไร เกี่ยวกับการเลื่อนตำแหน่งหรือเปล่าครับ?”
หลังจากที่หัวหน้าแผนกแพทย์ได้ยิน ก็รู้สึกตื่นเต้นในทันที หากมีเกี่ยวกับการเลื่อนตำแหน่ง ถ้าอย่างนั้นก็ดีมาก อาจจะเป็นเพราะว่าเขาตื่นเต้นเกินไป ไม่ได้ยินรายละเอียดเล็กน้อยของน้ำเสียงที่เยือกเย็นของโหวเต๋อหยาง
“แน่นอนว่าไม่ใช่ ดีกว่านี้อีก แกถูกไล่ออกแล้ว”
“จริงเหรอครับ? อะไรนะ? ผมถูกไล่ออกเหรอ!”
หัวหน้าแผนกแพทย์เพิ่งจะดีใจเกินไป แต่พอเขาได้ยินประโยคหลัง ก็เหมือนถูกสาดน้ำเย็นในทันที ความตื่นเต้นในใจหายไปอย่างปลิดทิ้ง สีหน้าท่าทางเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ และกล้ามเนื้อบนใบหน้าก็เริ่มสั่นขึ้นมา
ยังไงเขาก็คาดไม่ถึงว่า ในครั้งแรกที่เขาได้รับโทรศัพท์จากโหวเต๋อหยาง กลับนำมาซึ่งข่าวร้าย
นี่ไม่ถูกต้องนะ เขาก็ไม่ได้ทำเรื่องราวอะไรที่มากเกินไป ปกติก็รับซองแดงเล็กน้อย ลวนลามพยาบาล โหวเต๋อหยางทำไมถึงได้มุ่งเป้ามาที่เขาได้?
“ผู้อำนวยการโหว คุณอย่าล้อเล่นเลย หัวใจของผมไม่ค่อยดี”
“ฉันไม่ได้ล้อเล่นกับแก แกใช้อำนาจส่วนตัวในทางที่ผิดบีบบังคับให้คนอื่นสละห้องผู้ป่วยออกไป ยิ่งไปกว่านั้นยังรับซองแดงของผู้ป่วย เรื่องนี้ แกคิดว่าฉันไม่รู้จริงๆเหรอ?”
“นี่……”
หลังจากเผชิญหน้ากับการตำหนิของโหวเต๋อหยาง หัวหน้าแผนกแพทย์ก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เขามองไปทางหลี่โม่ด้วยสายตาที่โกรธโดยไม่รู้ตัว เขาสรุปว่าคงจะเป็นหลี่โม่ที่ร้องเรียนให้กับผู้อำนวยการโหวอย่างแน่นอน
เขารู้ว่าผู้อำนวยการโหวเป็นหมอเทวดาอย่างตรงไปตรงมา ไม่อนุญาตให้มีเห็นปรากฏการณ์แบบนี้ เขาโมโหแทบตาย เขาคาดไม่ถึงว่าอนาคตของตัวเอง จะถูกทำลายในมือของหลี่โม่
“ผู้อำนวยการโหว คุณจะได้เลื่อนตำแหน่งแล้วเหรอ? ขอแสดงความยินดีด้วยจริงๆ”คุณชายหวังได้ยินเพียงว่าหัวหน้าแผนกแพทย์พูดคำว่าเลื่อนตำแหน่ง เขาก็แสดงความยินดีกับอีกฝ่ายในทันที