จักรพรรดิมังกร - บทที่ 791 อย่าได้ลงมือเด็ดขาด
ผู้อำนวยการแพทย์แทบอยากจะด่าแม่แล้ว กูถูกไล่ออก มึงยังมายินดีด้วย? นี่มันหาเรื่องกันไม่ใช่รึไง?
ถ้าหากว่าไม่ถูกไล่ออก เขาอาจจะไม่กลัวที่จะมีปัญหากับคุณชายหวัง แต่ว่าเขาถูกไล่ออกแล้ว จึงยิ่งไม่กล้ามีปัญหากับคุณชายหวัง เขาอยากจะร้องไห้ก็ร้องไม่ออก ทำเอาคนอื่นดูไม่ออกว่าเขากำลังดีใจหรือกำลังยิ้ม
“นายเอาเรื่องของฉันไปบอกกับคณบดีโหว ทำให้ฉันถูกไล่ออก”
ผู้อำนวยการแพทย์มองหลี่โม่อย่างโกรธแค้น ถ้าไม่ใช่เพราะหลี่โม่รายงานความผิดของเขา เขาก็คงไม่ถูกไล่ออก เรื่องเกิดมาจนถึงวันนี้ เขาก็ยังไม่หาความผิดจากตัวเองเหมือนเดิม แต่กลับคิดว่าทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะหลี่โม่
หลังจากที่คุณชายหวังได้ยินแล้ว สีหน้าของเขาก็เย็นเฉียบขึ้นมาทันที ผู้อำนวยการแพทย์ถูกไล่ออก สำหรับเขาแล้ว ไม่ใช่เรื่องดี
ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับเขามากเท่าไหร่ แต่ว่าในใจเขารู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก เมื่อกี้เขาพูดเตือนกับหลี่โม่ไป และแสดงออกว่ายืนอยู่ฝ่ายของผู้อำนวยการแพทย์
ตอนนี้หลี่โม่รายงานความผิดของผู้อำนวยการแพทย์ เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ฟังคำพูดของเขาเข้าไปเลย
“นายตายแน่ คำพูดของฉันนายก็ไม่ฟัง นายรู้มั้ยว่าฉันเป็นใคร? พ่อของฉันคือหวังหู่ ทรัพย์สินมูลค่าหลักล้าน ฉันเคยเป็นลูกน้องของท่านเทียน ฉันโทรหาพวกลูกน้องเมื่อก่อน พวกเขาจะมาถึงในไม่ช้า นายเชื่อมั้ยละ?”
คุณชายหวังอวดตัวตนของตัวเองอย่างได้ใจ เขาเชื่อว่าถ้าอีกฝ่ายรับรู้มาถึงนี่แล้ว จะต้องกลัวจนฉี่ราดแน่นอน
“อ้อ”
แต่ใครจะรู้ ว่าที่ทำให้คุณชายหวังตะลึงก็คือ หลี่โม่กลับตอบกลับแต่คำว่าอ้อเพียงคำเดียวเท่านั้น
คุณชายหวังเริ่มบ้าคลั่งขึ้นมา หลี่โม่คนนี้มันช่างอวดเก่งเกินไปแล้ว ไม่วางเขาไว้ในสายตาเลยสักนิด
ผู้อำนวยการแพทย์ใช้โอกาสที่เรื่องการถูกไล่ออกของตัวเองยังมีคนรู้ไม่เยอะ ได้หยิบเอาวิทยุสื่อสารออกมา และทำการเรียกรปภ.ที่หน้าประตูออกมา
กว่าจะหางานที่ได้รับความนิยมมาได้นั้นไม่ง่าย แต่กลับถูกหลี่โม่ทำพัง ความแค้นนี้ เขาไม่สามารถเก็บไว้ได้
ถึงแม้จะถูกไล่ออก เขาก็จะจัดการกับหลี่โม่
จาเจียเล่อมองหลี่โม่อย่างตกตะลึง เขาไม่รู้ว่าทำไมหลี่โม่ถึงได้มีเบอร์โทรของคนใหญ่คนโตอย่างหมอเทวดาโหว สิ่งเดียวที่ทำให้เขาตะลึงก็คือ อีกฝ่ายรายงานความผิดของผู้อำนวยการแพทย์จริงๆ อีกฝ่ายไม่กลัวที่จะมีเรื่องใส่ตัวรึยังไงกัน?
มีเพื่อนอย่างหลี่โม่ จาเจียเล่อไม่รู้ว่าควรยิ้มหรือร้องไห้ ถ้าหากว่าอีกฝ่ายไม่ดื้อรั้นมันก็ไม่มีเรื่องอะไร
แต่ว่าอีกฝ่ายทำแบบนี้ แทบจะเป็นการหาเรื่องทุกคนจนเกือบหมดไปแล้ว เขาปวดหัวจนต้องนวดหน้าผาก ฝ่ามือก็ตื่นเต้นจนเหงื่อออก
รปภ.ของโรงพยาบาลต่างๆรีบเข้ามา พวกเขาพูดกับผู้อำนวยการแพทย์อย่างเคารพ “มีเรื่องอะไรจะรับสั่งพวกเราครับ?”
“สองคนนี้มาวุ่นวายที่นี่ พวกนายจัดการตีมันสักที ขอแค่อย่าตีจนตายก็พอ” ผู้อำนวยการแพทย์พูดอย่างเย็นชา “แม้จะมีคนตามสอบสวน ฉันก็จะเป็นคนรับผิดชอบเอง”
เขาไม่มีทางรับผิดชอบค่ารักษาอยู่แล้ว ถึงตอนนั้นเขาจะจากไปเฉยๆ เขาคาดว่าหลังจากที่หลี่โม่และจาเจียเล่อถูกตีแล้ว ก็คงไม่กล้าที่จะมาขอค่ารักษาจากเขา
วิธีการแบบนี้ เขาใช้บ่อย แทบจะไม่มีใครมาก่อกวน
เดิมทีรปภ.พวกนั้นก็มีความกังวลอยู่บ้าง แต่หลังจากที่พวกเขาได้ยินว่าผู้อำนวยการแพทย์จะรับผิดชอบเองแล้ว พวกเขาก็ไร้ความกังวลในทันที แล้วกำหมัดส่งเสียงดังโหวกเหวก
ทำร้ายคนแล้วยังได้เงิน เรื่องดีๆแบบนี้ พวกเขายินดีที่จะทำอยู่แล้ว
รปภ.พวกนี้ต่างก็เคยเป็นอันธพาล ภายหลังมาก็ทำตัวดีขึ้นหน่อย แต่ว่านิสัยภายในใจของพวกเขานั้นก็ไม่เคยเปลี่ยนไป
จาเจียเล่อพูดห้ามปรามตามจิตใต้สำนึก “มีเรื่องอะไรก็คุยกันดีๆ อย่าได้ลงมือกันเด็ดขาด”
หลี่โม่อัดคลิปเสียงไว้คลิปหนึ่ง จากนั้นก็ส่งเป็นข้อความไปให้โหวเต๋อหยาง
โหวเต๋อหยางกำลังทำการสัมมนาทางการแพทย์ หลังจากที่ฟังจบ เขาก็อดไม่ได้ที่จะวิ่งออกไปอย่างร้อนรน รีบเรียกรถตรงไปยังโรงพยาบาลประชาชนที่สามเมืองฮ่าน
คณบดีแพทย์ต่างๆที่กำลังทำการจดบันทึกอยู่ต่างก็งุนงง พวกเขาเพิ่งเคยเห็นคณบดีโหวที่ใจเย็นนิ่งสงบมีอาการร้อนรนแบบนี้ครั้งแรก
เขาแทบอยากจะด่าแม่ใส่ผู้อำนวยการแพทย์แล้ว อีกฝ่ายหาเรื่องใส่ตัวเอง ตอนนี้อีกฝ่ายยังจะหาเรื่องใส่เขาอีก ถ้าหากว่าคุณหลี่เป็นอะไรละก็ เขาไม่มีทางปล่อยคนพวกนี้ไปแน่นอน
……….
“หลีกไป แกมันตัวอะไรกัน” เห็นว่ามีคนมาขวาง รปภ.พวกนั้นก็ถีบจาเจียเล่อ และก็พูดดูถูกไปด้วย
จาเจียเล่อเจ็บจนนอนล้มอยู่กับพื้น เขามองหลี่โม่อย่างรู้สึกผิดถึงที่สุด เขาต่อสู้ไม่เป็น ถ้าหากว่าเขาต่อสู้เป็น ไม่แน่ก็อาจจะช่วยเหลือได้
หลี่โม่เองก็รู้สึกขอบคุณมาก พวกเรื่องเมื่อกี้ที่เขาทำ ถึงจะเป็นเพื่อนคนอื่นๆของเขา ก็จะต้องแตกแยกกับเขาแน่นอน
แต่จาเจียเล่อไม่เพียงแต่เชื่อใจเขา แล้วยังพยายามต่อสู้กับคนพวกนั้น เห็นได้ว่าอีกฝ่ายเชื่อมั่นใจตัวเขามากแค่ไหน
หลี่โม่ยิ้มอ่อนพูดว่า “ก่อนหน้านี้ฉันก็บอกแล้วว่าให้ฝึกศิลปะการต่อสู้ไว้บ้าง อนาคตสามารถใช้ป้องกันตัวได้ ตอนนี้รู้สึกผิดเลยละสิ”
จาเจียเล่อเกาหัวยิ้มๆ และขณะเดียวกันก็กลอกตาใส่ นี่มันเวลาไหนละ อีกฝ่ายยังจะมาล้อเล่นกันเขาอีก
เขาเห็นหลี่โม่พุ่งใส่รปภ.พวกนั้นคนเดียว เขาหลับตาลงทันที เขาเหมือนว่าจะเห็นภาพที่หลี่โม่ถูกตีจนล้มลงกับพื้น
เขาไม่เคยเห็นหลี่โม่ต่อสู้ แต่ว่ารปภ.พวกนั้นดูแล้วต่างก็แข็งแกร่ง หลี่โม่สามารถสู้ล้มคนหนึ่งก็ถือว่าไม่เลวแล้ว จะสามารถสู้กับคนเยอะขนาดนี้ได้ยังไงกัน
ผู้อำนวยการแพทย์ยิ้มอย่างเยาะเย้ย “เป็นคนไร้สมองจริงๆ ตัวคนเดียวยังจะพยายามอีก”
โทรศัพท์ของเขาดังขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่เห็นว่าสายโทรเข้าเป็นชื่อของคณบดีโหวแล้ว ลมหายใจของเขาก็ติดขัดขึ้นมาทันที หรือว่าคณบดีโหวเปลี่ยนใจแล้ว?
หลังจากที่นึกถึงนี้แล้ว เขาก็รับสายทันที
จนถึงตอนนี้เสียงของคณบดีโหวดังขึ้น เขาถึงได้รู้ถึงความหมายว่าอะไรที่เรียกว่าจินตนาการนั้นสวยงาม แต่ความเป็นจริงกลับโหดร้าย
“จางกวงโป แกทำอะไรของแก? แกสั่งให้รปภ.ลงมือกับคุณหลี่ใช่มั้ย ถ้าหากว่าคุณหลี่ถูกทำร้ายแม้แต่ขนเส้นเดียว แกได้เจอดีแน่”
ภายในสายส่งเสียงโมโหของคณบดีโหวดังมา โมโหจนถึงขั้นเรียกชื่อของผู้อำนวยการแพทย์ออกมา จางกวงโปแทบจะถูกเสียงดังก้องนี้สั่นสะเทือนจนหูหนวก
เขาตะลึง เขาคิดไม่ถึงเลยว่าคณบดีโหวกับหลี่โม่จะมีสัมพันธ์อันดีขนาดนี้ ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมเพียงแค่สายเดียวของหลี่โม่ คณบดีโหวก็ไล่เขาออก และยังไม่มีลางสังหรณ์อะไรเลยสักนิดด้วย
จะต้องรู้ไว้ว่าถึงแม้จะถูกไล่ออก ก็ต้องมีหลักฐานที่มากพอ เหงื่อบนหน้าผากของเขาค่อยๆหยดลง คณบดีโหวใส่ใจหลี่โม่มากขนาดนี้ ถ้าหากว่าหลี่โม่บาดเจ็บขึ้นมาจริงๆ งั้นเขาก็ตายแน่นอน
เขาเริ่มรู้สึกผิดขึ้นมา และรีบพูดว่า “คณบดีโหวครับ คุณรีบพูดสิครับ ถ้าหากว่าคุณรีบพูด ผมก็ไม่ให้คนลงมือแล้ว”
“ไอ้โง่! โง่ที่สุด โง่จนไม่มียารักษา!” โหวเต๋อหยางด่าอย่างโมโหไปทีหนึ่ง แล้วก็ตัดสายไป อยากจะตบหน้าจางกวงโปสักที นายน้อยสำนักหลงเหมินยังกล้าหาเรื่อง อยากตายจริงๆ!
จางกวงโปสูดหายใจเข้า หลังจากที่เขาไม่เห็นหลี่โม่ในกลุ่มผู้คน ใจเขาถึงกับกระตุก ตายแล้ว ตายแล้ว ถ้าหากว่าหลี่โม่บาดเจ็บ เขาก็จบเห่แน่ ทีนี้จะบอกกับคณบดีโหวยังไงดี?