จักรพรรดิมังกร - บทที่ 799 อยู่ในช่วงรุ่งโรจน์
แต่ว่าฉู่จงเทียนก็ไม่ได้หวาดกลัว คุณหลี่เป็นเพื่อนของเขา เขาไม่มีทางไม่สนใจ บวกกับตัวตนที่แท้จริงของคุณหลี่คือนายน้อยสำนักหลงเหมิน
ฉู่จงเทียนและเสี่ยวเฟยเข้าสู้ภาวะการเผชิญหน้ากัน ทั้งสองต่างก็มองหน้ากันและกัน ไม่มีใครยอมใคร สำหรับพวกเขาแล้ว พวกเขาต่างก็ไม่มีใครอยากจะยอมถอยสักก้าวเดียว
ความเครียดของเสี่ยวเฟยยิ่งอยู่ยิ่งมากขึ้น เขาไม่คิดเลยว่าฉู่จงเทียนจะมีความใจกล้ามากขนาดนี้ มีปัญหาหนักแบบนี้เพียงเพื่อลูกน้องคนหนึ่ง
เขาเองก็ค่อยๆอ่อนข้อลงให้ เดิมทีเขานั้นอยากจะรอดูฉู่จงเทียนยอมถอยให้ แต่ว่าอีกฝ่ายไม่ยอม และความกดดันของเขา ทำเอาเขาทนไม่ไหวยอมถอยให้ก่อนก้าวหนึ่ง
เพราะยังไงซะตอนนี้เขาไม่มีอะไรที่จะบังคับฉู่จงเทียนได้ อีกอย่าง ความสัมพันธ์กับผู้คนในเมืองฮ่านของฉู่จงเทียนดีกว่าเขามาก
“ท่านเทียน เอาอย่างนี้ดีมั้ย ผมสู้กับเขายกหนึ่ง ผมแค่จะช่วยเอาคืนให้กับน้องชายของผมก็เท่านั้น ไม่ต้องการให้ใครเข้ามายุ่ง”
เสี่ยวเฟยทำเพื่อต้องการเรียกศักดิ์ศรีคืนให้กับน้องชาย ถึงได้เสนอความคิดเห็นนี้ออกมา ถ้าหากว่าฉู่จงเทียนยังไม่ตกลง เขายินดีที่จะแตกหักมีปัญหากับอีกฝ่าย
เมื่อฉู่จงเทียนได้ยินอย่างนั้นแล้ว ก็เงียบคิดไปสักพัก เขาวิเคราะห์ซ้ำไปมา คำขอนี้ไม่ได้มากเกินไป เขาวิเคราะห์อย่างละเอียด การตอบตกลงกับอีกฝ่ายก็ถือเป็นเรื่องดี
“ได้” ฉู่จงเทียนพยักหน้า
เขามั่นใจในศิลปะการต่อสู้ของหลี่โม่มาก เมื่อก่อน หลี่โม่นั้นเคยแข่งขันมวยมืดมาหลายครั้ง ตอนนั้นไม่มีศัตรู หรือแม้แต่ตอนนี้ เขาก็ไม่เคยเห็นคนที่สามารถต่อสู้ฝีมือระดับเดียวกับหลี่โม่มาก่อน
เขาจึงไม่เชื่อว่าเสี่ยวเฟยจะสามารถเอาชนะหลี่โม่ได้ เขาก็อยากจะให้หลี่โม่สั่งสอนกับอีกฝ่ายสักหน่อย
เสี่ยวเฟยเลียริมฝีปาก กำหมัดจนส่งเสียงดังกร็อบออกมา ในตอนที่เขาเห็นหลี่โม่ ก็เหมือนกับว่าเห็นเหยื่อซะอย่างนั้น
ในสายตาของเขา เหยื่อตัวนี้ไม่ช้าหรือเร็วก็ต้องกลายมาเป็นสิ่งที่อยู่ในกำมือของเขาสักวัน เขาไม่ได้สนใจใส่ใจหลี่โม่เลยด้วยซ้ำ
หลี่โม่เองก็มีความคิดอย่างนี้ ในเมื่อคุยกันแล้วไม่เข้าใจ งั้นก็ใช้กำปั้นแก้ปัญหาแล้วกัน
เสี่ยวเฟยนั้นเป็นทหารเกษียณ ทางด้านการต่อสู้นั้นก็มีประสบการณ์มาก เขาเดินเข้าไปอย่างว่องไว เพื่ออยากจะออกตัวก่อนได้เปรียบ
แม้ว่าหลี่โม่จะช้าไปไม่กี่วินาที แต่ความเร็วการลงมือนั้นกลับเร็วกว่าเสี่ยวเฟย
ในขณะที่กำปั้นของเสี่ยวเฟยยังห่างจาหลี่โม่ไม่กี่นิ้ว กำปั้นของหลี่โม่ก็ต่อยเข้าที่หน้าของเขาก่อนแล้ว เสี่ยวเฟยเซถอยหลังไปหลายก้าว ใบหน้าของเขาบวมแดงขึ้นมาในทันที
นี่แค่เริ่มต้นก็ทำให้เขาเจ็บตัวมากขนาดนี้ นี่ทำให้เขาไม่พอใจมาก เขาแทบจะบ้าคลั่งขึ้นมาแล้ว
ผู้คนมากมายในที่นี้ต่างกำลังมองดูเขาอยู่ เขาห้ามอับอายขายหน้าขนาดนี้
เมื่อพี่จ้วงเห็นว่าพี่ชายโดนทำร้ายเข้าก่อน ก็อดไม่ได้ที่จะกังวลขึ้นมา ก่อนหน้านี้เขาก็มั่นใจในตัวของพี่ชายอยู่ แต่ว่าตอนนี้ เขาเริ่มไม่ค่อยมั่นใจแล้ว
ถ้าหากว่าพี่ชายถูกหลี่โม่ตีจนแพ้จะทำยังไง? อย่างนั้นเขาก็ไม่เพียงแต่ไม่ได้ศักดิ์ศรีคืนมา แล้วยังถูกแหกหน้าอีกครั้งอีก? เขาส่ายหัว นี่มันเป็นไปไม่ได้
พี่ชายของเขานั้นเคยเป็นถึงผู้เก่งกาจที่สุดมาก่อน แม้ว่าหลี่โม่จะเก่งมากขนาดไหน ก็ไม่สามารถเทียบกับมืออาชีพได้ หลี่โม่ถูกตีจนเกือบตาย นั่นก็เป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นอยู่แล้ว
เสี่ยวเฟยไม่พอใจยอมไม่ได้ สีหน้าค่อยๆจริงจังมากขึ้น ขาของเขาเหวี่ยงโจมตีออกไป นิ้วหนึ่งของหลี่โม่ชี้ไปที่แขนของอีกฝ่าย
ต่อมาภาพที่น่าประหลาดใจอย่างหนึ่งก็เกิดขึ้น สีหน้าของเสี่ยวเฟยเปลี่ยนเป็นเจ็บปวดอย่างมาก เขารู้สึกเหมือนกับว่าแขนของตัวเองไม่ใช่ของตัวเองซะอย่างนั้น แขนมีความเจ็บปวดและชา ทำเอาเขาออกแรงแทบไม่ได้
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น นายทำอะไรกับฉัน?” สีหน้าของเสี่ยวเฟยเปลี่ยนไป สายตาของเขานอกจากความโกรธแล้ว ยังมีความหวาดกลัวอยู่ด้วย
หลี่โม่ยิ้มแต่ไม่พูดอะไร กระบวนท่านี้ของเขาโจมตีไปยังจุดที่ออกแรงตรงแขนของอีกฝ่าย สามารถทำให้อีกฝ่ายออกแรงไม่ได้ชั่วคราว
เสี่ยวเฟยทนต่อความเจ็บปวด ขยับเข้าไปเหวี่ยงขาเตะ หลี่โม่ขยับหลบอย่างง่ายดาย แล้วก็จับขาของอีกฝ่ายไว้ แล้วหมุนหลายตลบ จากนั้นค่อยโยนออกไป
ตอนนี้เสี่ยวเฟยถึงได้นึกขึ้นได้ว่า เขามาครั้งนี้ก็ได้พาผู้อารักขามาไม่น้อย เขารีบโบกมือพูดว่า “ใส่กุญแจมือมันไว้”
“พี่เฟยครับ นี่น่าจะไม่ดีนะครับ เพราะว่าพวกเราก็ไม่ได้มีหลักฐานแล้วจับคนไปมั่ว” คนข้างกายของเสี่ยวเฟยต่างก็มองหน้ากัน พูดเสียงเบา
ตอนนี้เสี่ยวเฟยนั้นโมโห เขาไม่ได้สนใจอะไรมาก เขาเพียงแค่อยากจะจับหลี่โม่ไป เขาเองก็ไม่ได้สนใจกฎระเบียบอะไรแล้ว เขาแย่งกุญแจมือมา แล้วก็ล็อกหลี่โม่ไว้
“พาตัวไป” เสี่ยวเฟยพูดเสียงเย็นชา
ในตอนที่คนพวกนั้นเตรียมจะพาตัวหลี่โม่ไป ฉู่จงเทียนอยู่ไม่นิ่งแล้ว เขาออกไปบังขวางหน้าคนพวกนั้นไว้ ขณะเดียวกันลูกน้องที่เขาพามาต่างก็ขยับตัว
ฉู่จงเทียนฟาดฝ่ามือลงไปที่หน้าของเสี่ยวเฟย พูดเสียงเย็นชาว่า “เอากุญแจออกมา”
ก่อนหน้านี้ เขาเห็นว่าเสี่ยวเฟยเป็นคนของหน่วยงานบังคับกฎหมาย ดังนั้นจึงได้ให้เกียรติกับอีกฝ่าย แต่ว่าอีกฝ่ายกลับมาถึงก็จะจับคนใส่กุญแจมือ ตอนนี้เขาจึงไม่สนใจอะไรมากแล้ว ฝ่ามือนี้ ก็เป็นตัวแทนความหมายว่าเขาเป็นศัตรูกับอีกฝ่าย
เสี่ยวเฟยงุนงงในทันที สีหน้าเขามืดขรึม พูดอย่างโมโหว่า “นี่นายหมายความว่ายังไง นี่นายกำลังทำร้ายพนักงานราชการอยู่นะ”
“ตีได้ดี”
ในขณะนี้เอง เสียงของหัวหน้าจางดังก้องกังวานขึ้น เรียกความสนใจของผู้คนในเหตุการณ์ทั้งหมด พวกเขาต่างก็หันหลังไปมอง
เมื่อพวกเขาเห็นหัวหน้าจาง ต่างก็ตกใจ นี่มันเกิดเรื่องอะไรกัน บาร์เล็กๆแห่งนี้ ถึงได้รวบรวมคนใหญ่คนโตมากมายไว้ขนาดนี้
แค่ฉู่จงเทียนก็ว่าไปอย่างแล้ว เสี่ยวเฟยเองก็ว่าไปอย่างแล้ว แม้แต่หัวหน้าจางบุคคลผู้เป็นหัวหน้าอันดับต้นๆของเมืองฮ่านเองก็มา โดยเฉพาะหัวหน้าจางที่เลื่อนตำแหน่งแล้ว หน้าที่การงานสามารถเรียกได้ว่าอยู่ในช่วงรุ่งโรจน์
คนใหญ่คนโตแบบนี้ ทำไมถึงได้มาที่แห่งนี้?
ฉู่จงเทียนเจอหน้ากับหัวหน้าจางครั้งแรก เพราะยังไงซะพวกเขาสองคนก็ไม่ใช่คนในสายงานเดียวกัน แต่ว่าก่อนหน้านี้ เขาเคยทำความรู้จักกับอีกฝ่ายผ่านโทรศัพท์ เป้าหมายในตอนนั้นก็เพื่อช่วยเหลือหลี่โม่
เขาคาดเดาว่าที่หัวหน้าจางมาในครั้งนี้ มีความเป็นไปได้สูงมากที่มาเพราะเรื่องของหลี่โม่ เขาอดไม่ได้ที่จะตบหน้าผากทีหนึ่ง ทำไมเขาถึงได้ลืมเรื่องนี้ไปได้นะ รู้อย่างนี้เขาบอกกับหัวหน้าจางสักหน่อย ไม่แน่อาจจะเคลียร์ปัญหาจบไปนานแล้ว
“หัวหน้าใหญ่ครับ ทำไมคุณถึงมาที่นี่ละ” เมื่อเสี่ยวเฟยเห็นว่าหัวหน้ามา ก็นิ่งอึ้งไป เขาไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้าที่ไม่ปกติของหัวหน้าจาง จึงยิ้มและถูมือพูดว่า “หัวหน้าใหญ่ครับ ภารกิจที่คุณมอบหมายให้ผม ผมจัดการเรื่องตรงหน้าเสร็จแล้ว ก็จะไปจัดการให้กับคุณครับ”
เขาใสซื่อคิดว่าหัวหน้าจางแค่มาดูว่าเขาจบภารกิจยังไง
พี่จ้วงนึกขึ้นได้ว่าพี่ชายเคยทำงานเป็นลูกน้องของหัวหน้าจาง ครั้งนี้ที่หัวหน้าจางมา ฉู่จงเทียนเองก็ไม่หนทางแล้ว ถ้าเป็นอย่างนี้ หลี่โม่ไม่มีทางรอดแล้ว!