จักรพรรดิมังกร - บทที่ 804 ต่างก็ซื่อสัตย์ต่อเจ้านายของตัวเอง
หลี่โม่กระดิกนิ้วพูดว่า “พวกนายเข้ามาได้เลย”
เมื่อนักสู้พวกนั้นเห็นการกระทำหาเรื่องของหลี่โม่ ก็ยิ่งโมโห ฟาดฟันดาบนักสู้ไม่หยุด น่าจะเป็นเพราะว่าพวกเขาใช้แรงส่วนมากในร่างกายไปกับดาบ ความคล่องแคล่วของร่างกายนั้นลดลงอย่างเห็นได้ชัด
“ไอ้โง่! ไอ้ขยะ!” นักสู้พวกนั้นโมโหมากและด่าออกมา
หลี่โม่ยิ้มเยาะพูดว่า “โจรสลัด!”
นักสู้พวกนั้นไม่ว่าจะโจมตียังไง ก็ทำอะไรหลี่โม่ไม่ได้ หม่าติงดูไม่ออกถึงความอันตราย คิดว่าหลี่โม่ไม่มีความสามารถในการโจมตีกลับ
หลี่โม่เองก็ไม่มีอารมณ์จะเล่นกับคนพวกนี้ต่อไป สีหน้าเริ่มจริงจังขึ้นมา เมื่อนักสู้พวกนั้นเห็นว่าสีหน้าของหลี่โม่เปลี่ยนไปอย่างมาก พวกเขาต่างก็มีลางสังหรณ์ไม่ดี
พวกเขาเคยผ่านการฝึกอบรมที่เข้มงวดมาก แม้ว่าจะอยู่ในดงกองศพ พวกเขาก็ไม่มีผลกระทบใดๆทั้งสิ้น แต่ว่าแววตาของหลี่โม่ เหมือนกับว่าเพิ่งเดินออกมาจากกองศพ
“ทุกคนระวังตัวด้วย” นักสู้พวกนั้นเริ่มใช้ภาษาญี่ปุ่นพูดคุยเสียงเบา
นักสู้คนอื่นเองก็พยักหน้า พวกเขาต่างก็ดูออกว่าท่าทางของหลี่โม่ไม่ปกติ หม่าติงมีลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่าง เขารีบวิ่งไปที่ข้างหลังของกู้หยุนหลัน ถ้าหากว่าสถานการณ์พลิกผัน นี่ก็เป็นไพ่ใบสุดท้ายของเขา
เขาหันหน้าไป แต่กลับพบว่าเจ้านายเก็บเงินหนีไปแล้ว สีหน้าของเขาหวาดกลัว แม้แต่เจ้านายยังต้องหนี เขายังโง่อยู่ที่นี่อีกทำไมกัน?
ในขณะที่นักสู้หนึ่งในนั้นกำลังฟาดดาบใส่ตัวของหลี่โม่ หลี่โม่ใช้มือเดียวจับดาบนั้นไว้ นักสู้คนนั้นดีใจ คิดว่าฟันโดนหลี่โม่แล้ว
แต่ว่าเวลาต่อมา เขาก็ร้อนรนขึ้นหลี่โม่จับดาบด้วยมือข้างเดียว ออกแรงเล็กน้อย ทันใดนั้นดาบก็หักงอ ถามว่า แรงมากมายขนาดนั้น มีใครสักกี่คนสามารถทำได้
นักสู้คนนั้นถึงกับตัวสั่น ดาบนักสู้เล่มนี้ของเขาทำมาจากเหล็ก แหลมคมอย่างมาก แต่ว่าหลี่โม่ไม่เพียงแต่มือไม่เป็นอะไร แต่กลับกันที่ดาบนั้นหักงอ นี่มันอลังการเกินไปแล้ว
ถ้าไม่ใช่ว่าเห็นด้วยตาตัวเอง ตีให้ตายเขาก็ไม่กล้าเชื่อว่านี่คือความจริง นักสู้คนอื่นๆเองก็ตกใจ ภาพนี้มันน่ากลัวมากเกินไปจริงๆ
“คนต้าเซี่ยที่เก่งกาจจริงๆ” นักสู้พวกนั้นหายใจเข้าลึกๆ เป็นครั้งแรกที่เริ่มเห็นถึงความสำคัญศิลปะการต่อสู้ของต้าเซี่ย พวกเขาได้ยินมาว่าศิลปะการต่อสู้ของต้าเซี่ยนั้นสุดยอดมาก ที่ผ่านมาพวกเขาคิดว่าแค่โม้ แต่ตอนนี้เชื่อสนิทใจแล้ว
หลี่โม่กวาดมองทีหนึ่ง นักสู้พวกนั้นต่างก็ไม่กล้าสบตากับหลี่โม่ ต่างก็รีบแยกย้ายกันออกไป หลี่โม่ไม่ได้ขัดขวาง คนพวกนี้ก็แค่รับเงินมาเสี่ยงชีวิตก็เท่านั้น
“นายอย่าเข้ามานะ ถ้าหากว่านายเข้ามา ฉันจะฆ่าเธอทิ้ง” เมื่อหม่าติงเห็นหลี่โม่ที่เดินเข้ามาใกล้ รู้สึกเหมือนกับว่าเห็นปีศาจ หวาดกลัวเป็นอย่างมาก
หลี่โม่พูดนิ่งๆว่า “ฉันเคยให้โอกาสนายมาครั้งหนึ่งแล้ว นายไม่ฟังเลยหรอ?”
เมื่อหม่าติงได้ยินอย่างนั้น ในใจก็รู้สึกเสียใจอย่างมาก สองขาของเขาสั่นและพูดว่า “นายให้โอกาสกับฉันอีกสักครั้งได้มั้ย”
ถ้าหากว่าหลี่โม่ให้โอกาสเขา เขาก็จะปล่อยคนไป ประเด็นหลักคือเขากลัวว่าหลี่โม่จะไม่ปล่อยเขาไป เมื่อกี้เขาเห็นหลี่โม่ลงมือกับนักสู้พวกนั้นอย่างโหดร้ายแล้ว ในใจเขาก็มีความหวาดกลัวหลงเหลืออยู่
“ได้” หลี่โม่พูดด้วยรอยยิ้ม
หม่าติงแกะเชือกของกู้หยุนหลันและเฉินเสี่ยวถงอย่างเชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง หลี่โม่ถามกู้หยุนหลันและเฉินเสี่ยวถงว่า “มันได้รังแกพวกเธอรึเปล่า?”
กู้หยุนหลันและเฉินเสี่ยวถงต่างก็ส่ายหัว หม่าติงอธิบายอย่างหวาดกลัว “ฉันก็แค่จับพวกเธอมา ฉันไม่ได้ลงไม้ลงมืออะไรสักอย่างแน่นอน อีกอย่าง ครั้งก่อนที่ลูกน้องของฉันหักหลังฉัน นายเคยช่วยชีวิตฉันไว้ ฉันยังจำได้เสมอ”
เขาไม่กล้าลงมือกับกู้หยุนหลันและเฉินเสี่ยวถง มีอยู่สองเหตุผล อย่างแรกคือกลัวหลี่โม่ตามหาถึงที่ อย่างที่สองก็คือหลี่โม่เคยช่วยชีวิตเขา เขาอยากจะตอบแทนบุญคุณอย่างมาก แต่ว่าลูกพี่ใหญ่สั่งมา เขาก็ปฏิเสธไม่ได้
หลี่โม่คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายยังพอมีคุณธรรม แต่เมื่อเห็นท่าทางของอีกฝ่ายแล้วไม่ได้โกหกอยู่ เขาจึงไม่ได้หาเรื่องอีกฝ่าย
“ตอนนี้นายสั่งให้คนของนายจับตัวเทพสังหารไว้ซะ” หลี่โม่พูดนิ่งๆ
“ครับ” หม่าติงลังเลไปไม่กี่วินาที แล้วก็ตอบตกลง ตอนนี้เทพสังหารนั้นล้มแล้ว เขาก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเชื่อฟังคำสั่งของเทพสังหารอีกต่อไป
เขาไม่กล้าปฏิเสธคำสั่งของหลี่โม่ เพื่ออยากจะพิสูจน์ให้กับตัวเอง
หลี่โม่ยังมีเรื่องอีกมากมายจะถามเทพสังหาร เขาไม่มีความแค้นอะไรกับเทพสังหาร อีกฝ่ายไม่มีทางมาหาเรื่องตัวเอง เขาจะถามให้ชัดเจนว่าใครเป็นคนสั่งการ
เขาให้กู้หยุนหลันและเฉินเสี่ยวถงกลับไปกันก่อน แล้วถึงได้มุ่งตรงไปตามเส้นทางที่เทพสังหารหลบหนีไป
เมื่อหม่าติงและคนอื่นๆไล่ตามไปจนถึงประตูหลัง ก็รีบหุบปากเงียบ ไม่มีใครกล้าหายใจแรง พวกเขานิ่งอยู่กับที่ไม่ขยับ แล้วมองดูศพของเทพสังหารอย่างนิ่งอึ้ง
ตอนนี้เทพสังหารนอนจมอยู่ในกองเลือด ดูท่าทางแล้วน่าจะตายมานานแล้ว มุมปากของหม่าติงกระตุกเล็กน้อย เรื่องแบบนี้ ลบล้างมุมมองความรู้ของเขาจนสิ้นเชิง
ลอบฆ่าลูกพี่ใหญ่ขององค์กรนักฆ่าแห่งหนึ่ง ใครกันแน่ที่ใจกล้ามากขนาดนี้
หลี่โม่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ดูแล้วมีคนใช้ปืนเก็บเสียงฆ่าเทพสังหาร ผลลัพธ์แบบนี้ ทำให้เขาแปลกใจมาก เห็นได้ชัดว่าเทพสังหารถูกเล็งมานานแล้ว
หลี่โม่ลูบคลำที่ตัวของเทพสังหารสักพัก ไม่พบเจอกับอะไรสักอย่าง เขาอดไม่ได้ที่จะปวดหัว ไม่มีเบาะแสเลยสักนิด แต่ว่าในตอนนี้ เขาสามารถมั่นใจได้แล้วว่ามีคนสำคัญคนไหนบ้างแล้ว เช่น ราชินีสำนักหลงเหมิน ราชาใหญ่สำนักหลงเหมิน เป็นต้น
โดยเฉพาะราชินีและราชาใหญ่มีความแค้นกับเขามากที่สุด ส่วนคนอื่นนั้นมีความอันตรายน้อยกว่า
หลี่โม่หันหลังจากไป ทำเหมือนกับว่าไม่เคยมา
หม่าติงและคนอื่นๆจึงทำได้เพียงจัดการกับศพ พวกเขาเห็นแก่ว่าเทพสังหารนั้นเคยเป็นหัวหน้าของพวกเขา จึงได้จัดการศพง่ายๆให้กับอีกฝ่าย
บนชั้นดาดฟ้า สามารถมองเห็นบรรยากาศคึกคักของเมืองฮ่านจากที่แห่งนี้ได้ ภายใต้ท้องฟ้ามืดมิดเมืองฮ่านมีแสงไปส่องสว่าง ราชินีที่อยู่บนชั้นดาดฟ้านั่งอยู่ที่เก้าอี้ที่มีความคล้ายกับเก้าอี้ชายหาด
จางเต๋ออู่นวดให้กับราชินีไปด้วยและพูดอย่างประจบไปด้วยว่า “ราชินีครับ ฝีมือการนวดแบบนี้ของผมเป็นยังไงบ้างครับ”
“ถือว่าโอเค” ราชินีพูดอย่างขอไปทีไม่ได้ให้ความใส่ใจ
“ตอนนี้ก็ยังไม่มีข่าวสารเกี่ยวกับกุญแจลับ จางเต๋ออู่ นายยิ่งอยู่ยิ่งทำให้ฉันผิดหวังจริงๆ”
“ราชินีครับ คุณวางใจได้ ผมต้องเอากุญแจลับมาให้ได้แน่นอนครับ ถ้าหากว่าครั้งนี้ยังไม่สำเร็จ ผมก็จะจับนังมารยาเฉินเสี่ยวถงคนนั้นมา” สีหน้าของจางเต๋ออู่เปลี่ยนไป พูดอย่างรับประกัน
ราชินีพูดเสียงเย็นชาว่า “ดี ความใจเย็นของฉันมีไม่เยอะหรอกนะ”
จางเต๋ออู่เช็ดเหงื่อ อย่าได้พูดถึงเลยว่าในใจนั้นตื่นเต้นมากแค่ไหน แล้วเขาก็โทรหาเฉินเสี่ยวถงอีกครั้ง
หลี่โม่กลับไปหาเฉินเสี่ยวถงกับกู้หยุนหลัน เมื่อเฉินเสี่ยวถงเห็นโทรศัพท์มีสายเรียกเข้าดังขึ้น เธอไม่ได้รับสาย แต่ว่าเอาโทรศัพท์ให้หลี่โม่ดู
เมื่อหลี่โม่เห็นว่าคนที่โทรเข้ามาคือจางเต๋ออู่ เขาก็เข้าใจอะไรบางอย่าง เขาส่งสัญญาณให้เฉินเสี่ยวถงรับสาย
“เกี่ยวกับเรื่องกุญแจลับ เธอมีข่าวสารอะไรบ้างรึยัง? ครั้งนี้ห้ามเกิดข้อผิดพลาดอีก”