จักรพรรดิมังกร - บทที่ 808 กลยุทธ์ทุกข์กาย
กู้หยุนหลันพูดปลอบคุณแม่ประมาณสิบนาทีได้ เพื่อให้คุณแม่ตอบตกลง กู้หยุนหลันตกลงซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมให้คุณแม่ใบหนึ่งเพื่อเป็นการลดความโกรธ
“ใช่สิ แกไปบอกกับหลี่โม่ ให้มันเพิ่มชื่อของแกข้าไปในโฉนดบ้าน” จู่ๆหวังฟางก็พูดออกมา
เมื่อกู้หยุนหลันได้ยินอย่างนั้น คิ้วก็ขมวดขึ้นในทันที เธอทนไม่ได้พูดออกมาว่า “แม่คะ แม่จะทำอะไรกัน”
เธอคิดว่าคุณแม่ทำแบบนี้มันมากเกินไปหน่อย ถึงแม้ว่าเธอกับหลี่โม่จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ว่าบ้านหลังนี้ยังไงก็มีความสำคัญกับหลี่โม่มาก
เธอไม่สามารถเอามาฟรีๆ และถึงแม้ว่าหลี่โม่จะให้เธอ เธอก็ไม่มีทางยอมเซ็นชื่อ
“แกเชื่อแม่สิ แกออกไปแล้วก็ไปคุยเรื่องนี้กับหลี่โม่ซะ” หวังฟางพูด
กู้หยุนหลันไม่พูดอะไรแล้วลุกขึ้นยืน และปฏิเสธอย่างเด็ดขาด “แม่คะ หนูไม่มีทางตกลงแน่นอน”
เมื่อหวังฟางได้ยินอย่างนั้น เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอไม่คิดว่าลูกสาวตัวเองจะไม่ฟังคำพูดของตัวเอง
“โอ๊ย แกไม่ใส่ใจแม่ของแกบ้างเลยใช่มั้ยห๊ะ” ทันใดนั้นหวังฟางก็เริ่มแสดงการโวยวายของตัวเอง ทำให้กู้หยุนหลันปวดหัวมาก
กู้หยุนหลันกลัวแม่ใช้วิธีนี้มากที่สุดแล้ว จึงพูดว่า “แม่คะ แม่อย่าเป็นแบบนี้ ถ้าให้พวกเขาได้ยินก็ไม่ดีแล้วนะคะ”
“แกไม่เห็นที่หลี่โม่รังแกฉันหรอ ถ้าไม่ใช่เพราะบ้านหลังนี้ไม่ใช่ของแก ให้ความกล้ามันมากแค่ไหนก็ไม่กล้าพูดแบบนั้นกับฉัน ถ้าหากว่าบ้านหลังนี้เป็นของแก ถึงตอนนั้นแกก็สามารถไล่มันออกไปได้”
กู้หยุนหลันคิ้วขมวดแน่น แต่ไม่ได้ตอบตกลง และพูดว่า “แม่คะ หนูไม่สามารถทำแบบนั้นได้ ไม่แน่นี่อาจจะเป็นทรัพย์สินทั้งชีวิตของหลี่โม่ก็ได้ อีกอย่าง เขาไม่มีทางไล่แม่ออกไป”
เมื่อหวังฟางรู้ว่าวิธีนี้ใช้ไม่ได้ผล ก็ถอนหายใจ และไม่โวยวายต่อ
กู้หยุนหลันนวดขมับ แล้วถึงเดินออกจากห้อง เธอเจอเข้ากับหลี่โม่ หลี่โม่พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ที่รัก เป็นยังไงบ้าง”
“แม่ฉันโวยวายจะให้ฉันเพิ่มชื่อของฉันในโฉนดบ้าน” กู้หยุนหลันพูดอย่างปวดหัวมาก
หลี่โม่ชะงักไปเล็กน้อย พูดว่า “เรื่องนี้ทำง่ายออก ฉันจะพาเธอไปเซ็นชื่อเดี๋ยวนี้เลย”
“นายอย่าเล่นหน่า” กู้หยุนหลันคิดว่าอีกฝ่ายแค่หยอกเอาใจเธอ
หลี่โม่พูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ฉันไม่ได้ล้อเธอเล่น แค่เพียงเธออยากได้ ฉันก็ให้เธอได้ทุกอย่าง แม้แต่ดาวบนท้องฟ้า ฉันก็จะคิดหาวิธีเด็ดลงมาให้”
ใบหน้าของกู้หยุนหลันแดงขึ้นมา เขินกับคำพูดนี้ของหลี่โม่ อย่างน้อยเธอก็ดูออกว่าหลี่โม่จริงจัง ไม่ได้หลอกตัวเธอ
“พอแล้ว นายพักผ่อนก่อน ทางด้านแม่ ฉันจะจัดการเอง” หลี่โม่พูด
เขาเองก็รู้ว่าตอนนี้กู้หยุนหลันเหนื่อยมาก เขาไม่สร้างภาระให้อีกฝ่ายมากนัก แล้วเริ่มทุบขานวดไหล่ให้กับอีกฝ่าย เขาอดไม่ได้ที่จะคิด ระเบิดติดตั้งรถอันนั้นมีข่าวสารอะไรบ้างมั้ย คงจะไม่ได้ล้มเหลวแล้วหรอกนะ?
เมืองมืด
เมื่อจางเต๋ออู่ได้รับสายแล้ว ก็รีบร้อนมาที่เมืองมืด เขาคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนลักลอบเข้าเมืองมืด แล้วยังพาคนหนีออกไปด้วย
เมื่อเขาเห็นว่าคนที่หายไปสองคนคือพ่อแม่ของเฉินเสี่ยวถงแล้ว สีหน้าของเขาก็โมโห หรือว่าเฉินเสี่ยวถงให้คนมาช่วยออกไป? ไม่ใช่สิ สถานที่แห่งนี้ลึกลับมาก มีคนไม่มากที่รู้
เมื่อเขาเห็นสัตว์ประหลาดขนที่อยู่ด้านในประตูเหล็กถูกตีจนเกือบตายแล้ว จางเต๋ออู่ก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ สัตว์ประหลาดขนตัวนี้ เดิมทีเขาเอามาไว้ใช้ต่อสู้กับหลี่โม่ แต่ใครจะคิดว่ากลับได้รับบาดเจ็บหนักจนแทบจะตายแล้ว
เขาไม่ได้นึกถึงหลี่โม่เข้าด้วยกัน เขาตัดสินว่ามียอดฝีมือมาช่วยคนออกไป เขาเสียใจที่ไม่ได้ใส่กล้องวงจรปิดไว้ ถ้าหากว่าใส่กล้องวงจรปิดไว้ ก็คงจะไม่หมดหนทางแบบนี้
จางเต๋ออู่นวดขมับของตัวเอง รู้สึกว่าเรื่องที่เกิดในวันนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหันมากเกินไป สีหน้าของเขาทั้งโมโหและไม่เข้าใจ ใครกันแน่ ถึงได้กล้าช่วยคนออกไปภายใต้การดูแลของเขา
“ไป แบกขึ้นไป เตรียมรักษา” จางเต๋ออู่เหลือบมองสัตว์ประหลาดขนตัวนั้นอย่างเอ็นดู จากนั้นก็เอากุญแจรถที่อยู่ในเมืองมืดให้กับรปภ.คนหนึ่ง
รปภ.คนนั้นรีบทำตาม คนสิบกว่าคนอดทนกัดฟันแน่นถึงได้แบกสัตว์ประหลาดขนขึ้นรถได้
จางเต๋ออู่คิดว่ายังมีความหวังที่จะสามารถช่วยได้ แค่รีบรักษาสักหน่อยก็ดีขึ้นแล้ว แต่ในเวลานี้เอง ในตอนที่คนพวกนั้นวางสัตว์ประหลาดขนไว้ในรถ ตอนที่สตาร์ตรถ รถยนต์คันนั้นก็ระเบิดขึ้นในทันที กองไฟพุ่งขึ้นสูง
คนของเมืองมืดต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่มันเกิดอะไรขึ้น ที่นี่ของพวกเขาไม่มีสิ่งของที่ก่อให้เกิดการระเบิดได้อย่างง่ายดายนะ จางเต๋ออู่เองก็อยู่ไม่สงบแล้ว เขาตกใจจนอ้าปากกว้าง สองขาเริ่มสั่น
ถ้าหากว่าเขาเป็นคนที่นั่งอยู่บนรถคันนั้น คนที่ตายก็คงเป็นเขาแล้ว เขาดีใจที่ตัวเองโชคดี ไม่ได้ขึ้นรถคันนั้น ไม่อย่างนั้นตัวเองก็คงตายไปนานแล้ว
ตอนนี้เองจางเต๋ออู่ถึงได้นึกถึงสัตว์ประหลาดขนตัวนั้น ในเวลานี้ ยางรถยนต์ของรถที่ระเบิดกลิ้งมาที่เท้าของจางเต๋ออู่ จางเต๋ออู๋โมโห เงยหน้าตะโกน “ไม่ว่าแกเป็นใคร ฉันจะจับแกให้ได้แน่นอน”
เมื่อทุกคนเห็นจางเต๋ออู่โมโห ต่างก็ถอนหายใจ ไม่มีใครกล้าพูดจา
จางเต๋ออู่สั่งให้คนไปสืบที่มาของระเบิด เมื่อมั่นใจว่าเป็นผลงานของเพื่อนสนิทตัวเองแล้ว แววตาของเขาก็มีความน่ากลัวแวบเข้ามา แล้วไปหาเพื่อนของตัวเองอย่างโมโห
ชายวัยกลางคนกำลังทำวิจัย เขาเห็นว่าจางเต๋ออู่เข้ามาอย่างโมโห ก็ยิ้มแย้มและพูดว่า “นายอย่าเพิ่งโมโห ระเบิดติดตั้งรถยนต์ล้มเหลวนั้นเป็นเรื่องปกติ”
“นายจงใจจะฆ่าฉันใช่มั้ย? นายใส่ระเบิดติดตั้งรถยนต์ทำไมถึงได้ใส่ที่รถของฉัน?” จางเต๋ออู่ทั้งเตะและต่อยไป ไม่ให้อีกฝ่ายได้อธิบายอะไรเลยสักนิด
ชายวัยกลางคนรีบพูด “นายสั่งให้คนมาเอาไปไม่ใช่รึไง ทำไมถึงได้มาโทษฉันแล้วละ? หรือว่าโง่ไปแล้ว?”
จางเต๋ออู่ชะงักเล็กน้อย เขาจับต้นสายปลายเหตุไม่ถูกแล้ว รู้สึกว่าเรื่องราวยิ่งอยู่ยิ่งยุ่งเหยิง เขาคิดวิเคราะห์อย่างละเอียดถึงได้รู้ว่าตัวเองถูกแกล้งเข้าให้แล้ว
เมื่อชายวัยกลางคนเห็นจางเต๋ออู่ที่จากไปอย่างโมโหแล้วก็เกาหัว อดไม่ได้ที่จะด่าว่า “สมองมีปัญหารึไง มาวุ่นวายอะไรที่ของฉัน?”
จางเต๋ออู่สาบานว่าจะต้องสืบต้นเหตุในนี้ให้เจอ แต่ว่าสถานการณ์ตอนนี้ จะอธิบายกับราชินียังไง สัตว์ประหลาดขนเตรียมไว้ใช้เพื่อต่อสู้กับหลี่โม่ เสียเงินไปไม่น้อยแล้วยังฉีดยาไปไม่น้อยอีกด้วย
แต่ตอนนี้สัตว์ประหลาดขนกลับไม่เหลือขนสักเส้นแล้ว จางเต๋ออู่ไม่กล้าคิดเลยว่าราชินีจะโมโหมากขนาดไหน เมื่อหมดหนทาง จางเต๋ออู่จึงทำได้เพียงแสดงแผนกลยุทธ์ทุกข์กาย เขาตัดนิ้วของตัวเอง จากนั้นวิ่งเข้าไปในห้องของราชินี
เมื่อราชินีเห็นสีหน้าเจ็บปวดของจางเต๋ออู่ บวกกับที่อีกฝ่ายนิ้วขาด เขาก็อึ้งตะลึงไป พูดนิ่งๆว่า “เกิดอะไรขึ้น”
“ราชินีครับ มีคนลักลอบเข้าเมืองมืด ไม่เพียงแต่พาตัวพ่อแม่ของเฉินเสี่ยวถงไป แล้วยังฆ่าเจ้าลิงด้วยครับ” เจ้าลิงคือชื่อของสัตว์ประหลาดขนตัวนั้น ราชินีเป็นคนตั้งขึ้นโดยเฉพาะ จางเต๋ออู่เกลียดชื่อน่าขยะแขยงนี้มาก ตอนที่พูดออกมาก็รู้สึกกระอักกระอ่วนมาก