จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 1009 สี่ค่ายใหญ่
เจ็ดตระกูลใหญ่ในโลกบู๊โบราณ ห้าสำนักใหญ่ และมีสำนักเล็ก ๆ และตระกูลเล็ก ๆ อยู่มากมาย
โลกบู๊โบราณไม่ได้ถูกพันธนาการด้วยกฎหมายของโลกมนุษย์ และเพื่อที่จะแข่งขันแย่งชิงทรัพยากรการฝึกฝน ทำให้การฆ่าฟันแย่งชิงนั้นเป็นเรื่องธรรมดา
ถ้าไม่ใช่เพราะการดำรงอยู่ของสี่ค่ายใหญ่ ที่คอยควบคุมดูแลโลกบู๊โบราณ เกรงว่าโลกบู๊โบราณจะเกิดการฆ่าฟันแย่งชิงกันทุกวัน
สี่ค่ายใหญ่ได้แก่ เขาคุนหลุน เขาอู่หลิง เขาเอ๋อเหมย เขาคงต้ง
สี่ค่ายใหญ่สอดคล้องกับสี่ตระกูลใหญ่ในโลกมนุษย์ของจีน
นอกจากนี้ ยังเป็นไพ่ตายทรงพลังที่สุดของสี่ตระกูลใหญ่ของจีนอีกด้วย
นี่เป็นเหตุผลพื้นฐานที่ทำให้ไม่มีใครสามารถแทนที่สี่ตระกูลใหญ่ได้
โลกบู๊โบราณนั้นแข็งแกร่งมาก และวิธีการฝึกฝนของโลกบู๊โบราณนั้นแข็งแกร่งกว่านักบู๊ของโลกบู๊มาก
และในสายตาของนักบู๊ในโลกบู๊โบราณแล้ว พวกเขาเรียกนักบู๊ในโลกบู๊เหล่านั้นว่านักบู๊จอมปลอม
เช่นนี้แล้วจะเห็นได้ว่าโลกบู๊โบราณนั้นแข็งแกร่งเช่นไร
ในฐานะที่เป็นผู้สูงสุดในโลกบู๊โบราณ ความแข็งแกร่งของสี่ค่ายใหญ่นั้นดำรงอยู่ในตำนานเท่านั้น
เป็นเวลานานมาแล้วที่ไม่มีใครเห็นสี่ค่ายใหญ่ปรากฏตัวออกมา
ได้ยินมาว่าประมุขเขาของสี่ค่ายใหญ่นั้นสืบหาแดนของบู๊มาโดยตลอด
นั่นก็คือแดนที่อยู่เหนือแดนเทพ
มันคือแดนแบบไหนกันแน่?
เป็นเวลาหลายพันปีแล้ว ที่ดูเหมือนว่ายังไม่เคยมีใครไปถึง
อย่างไรก็ตาม เมื่อก่อนมีคำพูดแพร่กระจายอยู่ในโลกบู๊โบราณ ยาทองเสร็จสิ้น ประตูเซียนเปิดออก
ยาทองอาจเป็นแดนที่อยู่เหนือแดนเทพ
ยาทองต้าเต๋าถูกกล่าวถึงในตำนานโบราณมากมาย ซึ่งคือยาทองต้าเต๋าที่ผู้คนมากมายโหยหา
อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงตำนานลวงตาเท่านั้น
ในโลกนี้ ยังไม่เคยได้ยินใครไปถึงยาทองต้าเต๋า
สำหรับประตูเซียน ยิ่งไม่มีใครรู้ว่ามันหมายถึงอะไร
บางทีนั่นอาจเป็นประตูสู่โลกบำเพ็ญเซียนที่แท้จริง
กระทั่งมีข่าวลือว่าประมุขเขาของสี่ค่ายใหญ่ได้ก้าวข้ามแดนเทพไปแล้ว
เหตุผลที่ไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน นั่นเป็นเพราะพวกเขาได้ค้นพบประตูเซียนแล้ว และกำลังเตรียมไปค้นหาที่โลกบำเพ็ญเซียน
อย่างไรก็ตาม ตำนานก็เป็นเพียงตำนานเท่านั้น
ผู้นำของสี่ค่ายใหญ่ที่ทรงพลังที่สุดเขาคุนหลุน และเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังตระกูลหวาง
สำนักของหวางเซิ่งเฉียนก็คือเขาคุนหลุน
วันนี้ไม่สามารถพึ่งพาอาศัยตระกูลเซินได้อีกต่อไปแล้ว และตระกูลหลินก็มีบุคคลที่แข็งแกร่งอยู่ในระดับแดนเทพ หากต้องการบีบบังคับให้ตระกูลหลินมอบวิชาการบำเพ็ญเซียนออกมา จำเป็นต้องมีผู้ที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริงออกหน้าปราบหลินซื่อเฉิง
ยิ่งกว่านั้น วิชาการบำเพ็ญเซียนนั้นเต็มไปด้วยแรงดึงดูด ไม่เว้นแม้แต่กับสี่ค่ายใหญ่
ประการแรก หวางเซิ่งเฉียนเลือกที่จะแจ้งสำนักของตนเองก่อน เพื่อให้สำนักส่งยอดฝีมือไปจัดการตระกูลหลินและชางฉองกรุ๊ป
ประการที่สอง คือการทำให้วิชาการบำเพ็ญเซียนเป็นของตนเอง
เวลาหนึ่งปีกลายเป็นแดนเทพ ซึ่งมันเป็นเรื่องปาฏิหาริย์จริง ๆ
อย่างไรก็ตาม มีบางกลุ่มข่มอารมณ์ได้น้อยกว่าตระกูลหวาง
เฒ่าประหลาดเหล่านั้นที่เฝ้าสังเกตมาเป็นเวลานาน หลังจากได้เห็นความแข็งแกร่งของหลินซื่อเฉิงแล้ว ความปรารถนาที่มีต่อวิชาการบำเพ็ญเซียนนั้น เหมือนกับคนที่กระหายน้ำอยู่ในทะเลทรายมาสองวัน และทันใดนั้นพวกเขาก็เห็นน้ำค้างที่หอมหวาน
ยิ่งกว่านั้น เฒ่าประหลาดเหล่านั้นรู้อย่างยังชัดเจนว่าพวกเขาต้องชิงลงมือก่อน ถ้าให้บุคคลสำคัญของโลกบู๊โบราณเหล่านั้นลงมือก่อน อย่าหวังว่าชาตินี้พวกเขาจะได้วิชาการบำเพ็ญเซียนมาครอบครอง
หลินซื่อเฉิงอยู่ในระดับแดนเทพ ทำให้พวกเขาไม่กล้าลงมือกับตระกูลหลิน
ดังนั้น พวกเขาจึงเลือกที่จะลงมือกับชางฉองกรุ๊ปแทน
วันนี้ หวางซูเฟินกำลังทำงานอยู่บริษัท แต่มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญสองคนมาอย่างกะทันหัน
คนหนึ่งเป็นตาเฒ่าที่ชุดนักพรตลัทธิเต๋าสีเทา ส่วนอีกคนเป็นนักบวชหัวโล้นที่นุ่งห่มจีวรผืนใหญ่มาขอบิณฑบาต
ไม่มีใครเห็นสองคนนี้เข้ามาในชางฉองกรุ๊ป จนกระทั่งพวกเขาเข้ามาในสำนักงานของหวางซูเฟิน
อย่างไรก็ตาม การปรากฏตัวของพวกเขาทำให้ซูจื่อเหลียงที่อยู่ห้องด้านข้างของหวางซูเฟินรู้สึกตื่นตระหนก
สายลมพัดผ่าน และซูจื่อเหลียงได้หายตัวออกไปจากห้อง
ครู่ต่อมา มีตาเฒ่าและนักบวชยืนขวางอยู่ที่ประตูห้องทำงานของหวางซูเฟิน
ตาเฒ่ามองซูจื่อเหลียงด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย “ฮ่า ๆ ผมคิดแล้วว่าบริษัทที่ใหญ่เช่นชางฉองกรุ๊ป เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มียอดฝีมือคอยปกป้องคุ้มครอง?”
หลินชางฉองต้องมีคนรับช่วงต่ออย่างแน่นอน”
“ดูสิ ผมพูดถูกแล้ว!”
นักบวชหัวโล้นมองสำรวจซูจื่อเหลียงตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า และกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “มองไม่ออก มองไม่ออก ดูเหมือนว่าคุณจะเป็นแดนเทพอีกคน!”
“วิชาการบำเพ็ญเซียนนั้นช่างน่าทึ่งจริง ๆ!”
ซูจื่อเหลียงกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ไสหัวออกไปจากที่นี่ หรือไม่ก็ตายอยู่ที่นี่ พวกคุณเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง!”
“หวู๋เลี่ยงเทียนจุน เห็นว่าคุณนั้นแต่งตัวเหมือนชุดนักพรตลัทธิเต๋าของผม แล้วทำไมถึงได้พูดจาหยาบคายเช่นนี้?” ตาเฒ่าแสดงท่าทีการเทศน์
ซูจื่อเหลียงกล่าวเยาะเย้ย “เพราะชุดนี้มันหลอกลวงคนได้ง่าย เหมือนกับพวกคุณ”
“สวมชุดนี้แล้ว ความจริงแล้วมันเป็นเหมือนหมาป่าที่สวมชุดแกะ”
เตาเฒ่าไม่ได้โกรธ หัวเราะและกล่าวว่า “สหาย คุณเข้าใจผิดแล้ว พวกเราเป็นคนปกติ!”
“ที่พวกเรามาที่นี่เพียงเพื่อขอบิณฑบาตกับประธานหวางเท่านั้น”
หวางซูเฟินนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน มองตาเฒ่าและนักบวชแล้วถามว่า “ไม่รู้ว่านักบวชต้องการบริณฑบาตรอะไร? ”
ตาเฒ่าหัวเราะและกล่าวว่า “พวกเราต้องการขอยืมวิชาการบำเพ็ญเซียนของปรมาจารย์หลินกับประธานหวาง!”
“วิชาที่ทรงพลังเช่นนี้ควรส่งต่อไปยังโลก เพื่อประโยชน์แก่ผู้ฝึกจำนวนมาก แล้วทำไมปรมาจารย์หลินถึงตระหนี่ และให้เพียงคนในตระกูลฝึกเท่านั้นล่ะ?”
หวางซูเฟินมองสองคนที่แสดงสีหน้าจริงจัง และถามเยาะเย้ยว่า “ความหมายของนักบวชคือ? ฉันควรจะนำวิชานี้ออกมาให้พวกคุณฝึกใช่ไหม?”
ตาเฒ่าหัวเราะและกล่าวว่า “ประธานหวางเป็นคนฉลาดเฉลียว!”
“ถ้าคุณนำวิชานี้ให้แก่พวกเรา จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ฝึกจำนวนมากมายในโลก และสามารถช่วยคุณกำจัดภัยพิบัติได้ ซึ่งเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว”
“ตาเฒ่า ฉันอยากจะมอบวิชานี้ให้แก่พวกคุณเช่นกัน แต่ฉันไม่มี!” หวางซูเฟินกล่าวอย่างจำใจ พลางกางมือออก
ใบหน้าของตาเฒ่ากลายเป็นเย็นชา
“ประธานหวางพูดแบบนั้นมันก็ไม่สนุกแล้วสิ”
“คุณเป็นมารดาของปรมาจารย์หลิน แม้แต่นายท่านตระกูลหลินยังมีวิชาการบำเพ็ญเซียน คุณจะไม่มีได้อย่างไร?”
หวางซูเฟินกล่าวว่า “แต่ฉันไม่มี คุณลองมองสำรวจบนตัวฉันสิ มีชี่ทิพย์ที่นักบู๊อย่างพวกคุณกล่าวถึงหรือไม่?!”
“ตอนแรกเสี่ยวหยุนต้องการให้ฉันฝึกกับเขาจริง ๆ พวกเราสองสามีภรรยาลองฝึกแล้ว แต่พวกเราไม่มีความตั้งใจจริง ๆ ดังนั้นพวกเราจึงล้มเลิก”
“ถ้าพวกคุณต้องการตามหาวิชาการบำเพ็ญเซียน พวกคุณมาหาผิดคนแล้ว”
หวางซูเฟินกล่าวอย่างจริงใจ เธอรู้สึกว่าถ้าการอธิบายสามารถทำให้ไม่ต้องต่อสู้กัน มันจะเป็นวิธีที่คุ้มค่ามากที่สุด
น่าเสียดาย ที่คนพวกนี้ใช้ทุกวิถีทางเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย และพวกเขาจะยอมแพ้ง่าย ๆ ได้อย่างไร
นักบวชหัวโล้นกล่าวเย้ยหยันว่า “ตาเฒ่า อย่าไปพูดพร่ำกับพวกเขาอีกเลย ถ้าคุณได้สมบัติล้ำค่า คุณจะเต็มใจยอมมอบให้คนอื่นไหม?”
“ลงมือเถอะ! หลังจากจับเธอได้แล้ว พวกเราจะใช้ทุกวิถีทาง ผมไม่เชื่อว่าเธอจะไม่ยอมพูดหรอก”
ตาเฒ่าถอนหายใจด้วยความจำใจ “ดูเหมือนว่านี่คงจะเป็นวิธีเดียวแล้ว ประธานหวาง ล่วงเกินแล้ว”
ซูจื่อเหลียงกล่าวอย่างเย็นชา “ที่นี่ไม่ใช่สถานที่สำหรับการต่อสู้ พวกเราออกไปข้างนอก”
ตาเฒ่าและนักบวชต่างก็มาจากโลกบู๊ พวกเขาเข้าใจข้อตกลงระหว่างโลกบู๊กับโลกมนุษย์ จึงตกลงทันที
“โอเค พวกเราไปที่ดาดฟ้า!”
ผลการฝึกตนของตาเฒ่าและนักบวชหัวโล้นต่างก็อยู่ในระดับแดนเทพระดับต่่ำเช่นกัน และทั้งคู่ต่างก็เป็นเฒ่าประหลาดที่มีชีวิตอยู่มาหลายร้อยปีแล้ว
อย่างไรก็ตาม ซูจื่อเหลียงได้เข้าสู่ระดับแดนเทพแล้ว และเขาได้ฝึกผ่าล้างเก้ากระบี่ที่หลินหยุนถ่ายทอดจนเข้าใจอย่างชัดเจนแล้ว
ทั้งสองคนร่วมมือ แต่ยังคงพ่ายแพ้ให้กับซูจื่อเหลียง
อย่างไรก็ตาม ซูจื่อเหลียงนั้นได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเช่นกัน
อย่างไรเสีย เขานั้นไม่สามารถเป็นเหมือนหลินหยุน ที่รู้วิชาการต่อสู้มากมาย และมีพลังเหนือธรรมชาติ