จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 1052 ความหวาดกลัวของฟิล
เป็นความมืดมิดที่สมควรตายนั้นอีกแล้ว!
คาร์นอตวิลเลียมอยู่ภายใต้ความมืดนั้น ร่างกายก็สั่นไปหมดทั้งตัว
ไม่ใช่เป็นเพราะว่าหวาดกลัว ในฐานะที่เป็นชนเผ่าโลหิตคนหนึ่ง ความมืดมิดสำหรับพวกเขาแล้ว ก็เหมือนกับความสัมพันธ์ระหว่างปลากับทะเล
แต่ว่า สิ่งที่คาร์นอตวิลเลียมหวาดกลัวนั้น กลับเป็นเงามืดตอนวัยเด็กที่ฝังลึกลงไปในส่วนลึกของจิตใจต่างหาก
ถึงแม้หลินหยุนอยู่ภายใต้ความมืดมิดก็ตาม แต่ว่า ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการมองเห็นของเขาเลย
เขามองดูพลังการจู่โจมที่รุนแรงของพวกดยุกฟิลนั้น ด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย
ข้ามีหนึ่งกระบี่ที่ทลายนภาได้!
ดาบเฮ่าเทียนพร้อมด้วยลำแสงสีแดง ราวกับดาวตกที่อยู่ท่ามกลางความมืดมิด ตกลงมาอยู่ในมือของหลินหยุน
หลังจากนั้น หลินหยุนก็ใช้กระบี่ฟาดลงไปท่ามกลางแรงจู่โจมของบรรดายอดฝีมือเผ่าโลหิตพวกนั้นหนึ่งที
ดายเดียวทะลุสวรรค์!
ในเมื่อสามารถทะลุสวรรค์ได้ แล้วนับประสาอะไรกับสรรพสิ่งในโลกที่จะสามารถต้านทานไว้ได้!
อย่างน้อยที่สุด ยอดฝีมือเผ่าโลหิตพวกนี้ก็ไม่สามารถต้านทานไว้ได้
ถึงแม้ว่าพลังฝึกฝนของหลินหยุนตอนนี้ยังไม่สามารถทลายฟ้าได้ แต่ว่าถ้าเขากลับไปยังโลกเทพเซียนอีกครั้งละก็ ดาบทะลุสวรรค์ก็จะเพียบพร้อมไปด้วยพลังมหาศาลในการทะลุฟ้าอย่างแท้จริง
รอยฟาดฟันของดาบนั้นตอนแรกก็เป็นแค่เส้นขีดเดียวเท่านั้น ก็กลายเป็นรอยร้าวที่คล้ายกับสามารถแยกฟ้าแยกแผ่นดินได้ทันที
การโจมตีของพวกฟิลนั้น เมื่ออยู่ตรงหน้ารอยร้าวที่แยกฟ้าแยกแผ่นดินเช่นนั้น ไม่สามารถต้านรับไว้ได้เลย
ไม่ว่าจะเป็นล้อดับเทพของฟิลหรือว่าเป็นพลังเวทต์สังหารก็ตาม เมื่อเผชิญหน้ากับกระบวนเพลงดาบนี้แล้ว แม้แต่ตอบโต้ก็ยังไม่สามารถทำได้เลย ทั้งหมดล้วนถูกกวาดล้างออกไปหมดสิ้น
หลังจากนั้น ลำแสงของดาบทะลุสวรรค์ก็ไม่ได้ลดน้อยถอยลงไปเลย ยังคงฟาดฟันไปยัง ยอดฝีมือของเผ่าโลหิตพวกนั้นด้วยความว่องไวอย่างต่อเนื่อง
เป็นไปได้ยังไง!
พวกดยุกฟิลมองดูฉากนี้แล้ว ต่างก็มีสีหน้าที่เต็มไปด้วยอาการช็อก
พวกเขาร่วมมือกันโจมตีพร้อมกันเช่นนี้ แม้แต่แกรนด์ดยุกแดร็กคิวล่าก็ไม่มีทางที่จะต้านทานไว้ได้อย่างง่ายดายเลย
แต่ว่าหลินหยุนทำได้
อีกอย่าง พลังแรงของดาบนี้ยังคงมีอยู่ต่อไปอย่างต่อเนื่อง มิหนำซ้ำลดลงเพียงแค่สามส่วนจากเมื่อครู่เท่านั้นเอง
สามารถจินตนาการได้ว่า พลังแรงของกระบวนท่าดาบนี้ มีความรุนแรงมากเพียงใด
ถอย!
ดยุกฟิลรับรู้ถึงอันตรายที่ไม่เคยพบมาก่อนเลย จึงรีบตัดสินใจตะโกนออกไปอย่างเด็ดเดี่ยว
หลังจากนั้น ดยุกฟิลก็รีบโปรยหมอกดำกระจายออกไป เพื่อให้ทุกคนหลบหนีไปได้อย่างสะดวก
แต่ว่า เก้ากระบี่ต้าเต๋าของหลินหยุนนั้น เป็นกระบวนท่าจู่โจมที่บรรดานักปราชญ์อาวุโสจำนวนนับไม่ถ้วนของสำนักต้าเต๋า ได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจอย่างเต็มที่จนสามารถคิดค้นออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ถ้าหากคนบนโลกพวกนี้ต่างก็สามารถหลบพ้นไปได้อย่างง่ายดายละก็ งั้นจะได้ชื่อว่า เป็นผู้ครอบครองจักรวาลอันยิ่งใหญ่ได้อย่างไร?
ชี่ที่ไหลเวียนในร่างกายของทุกคน ต่างก็ถูกดาบทะลุสวรรค์สกัดกั้นไว้แล้ว
ดยุกเผ่าโลหิตที่อยู่ใกล้ที่สุดคนแรก ก็ถูกดาบเฮ่าเทียนสับร่างออกเป็นสองท่อน จนหัวใจ แตกละเอียดตายคาที่ทันที
ยอดฝีมือเผ่าโลหิตคนที่สอง ท่าทางคล่องแคล่วว่องไวมาก ทันใดนั้นก็เหาะไปอยู่บนยอด ปราสาทโบราณอีกหลังหนึ่งที่ห่างออกไปร้อยเมตร
แต่ว่า ความเร็วของดาบทะลุสวรรค์กลับเร็วกว่าเขาอีกมากเลย
หลังจากที่สังหารดยุกเผาโลหิตคนแรกไปแล้ว ดาบเฮ่าเทียนก็พุ่งตามไปในชั่วพริบตาเดียว แล้วพุ่งทะลุจากหน้าอกของยอดฝีมือเผ่าโลหิตคนนั้นออกมา
หัวใจแตกละเอียดตายคาที่ทันที
ติดตามด้วยคนที่สาม
ไม่มีดยุกเผ่าโลหิตแม้แต่คนเดียว ที่สามารถรอดพ้นจากการสังหารศัตรูพร้อมกันด้วยกระบวนเพลงเดียวของดาบเฮ่าเทียนได้เลย
ฟิลยืนอยู่กับที่ เมื่อเห็นฉากนี้แล้ว สีหน้าบนใบหน้านอกจากความหวาดกลัวแล้ว ก็ยังคงเป็นความหวาดกลัว
เป็นไปได้ยังไงที่แข็งแกร่งขนาดนี้!
ต่อให้เป็นเทพแห่งสงครามของชาวจีน ก็ยังเทียบไม่ได้กับหนึ่งในสิบส่วนของเขาเลย!
ไอ้หนุ่ม แกเป็นใครกันแน่?
ดยุกฟิลตัดสินใจยกเลิกการหลบหนี เขารู้ดีว่า ภายใต้การโจมตีที่แข็งแกร่งเช่นนี้ เขาไม่มีโอกาสที่จะหลบหนีไปได้เลย
จึงคิดหันมาต่อสู้ อาจไม่แน่ยังพอมีโอกาสในการรอดชีวิตก็ได้
แกยังไม่คู่ควรที่จะต้องรู้
หลินหยุนพูดอย่างเรียบๆ ดาบเฮ่าเทียนก็ได้สังหารพวกดยุกเผ่าโลหิตไปจนหมดแล้ว สุดท้ายก็ฟันลงไปยังดยุกฟิล
ฟิลใบหน้าแดงก่ำ กัดฟันพูดด้วยความโกรธว่า ไอ้หนุ่ม คนจีนพวกแกมีคำพูดที่ว่า ฆ่าได้แต่หยามไม่ได้ แกเหิมเกริมขนาดนี้ ก็จะต้องชดใช้อย่างสาสมแน่นอน!
ต่อให้ฉันต้องตาย ฉันก็จะให้แกชดใช้อย่างสาสม!
ดยุกฟิลพูดจบ ภายในร่างกายนั้นก็ระเบิดแสงสีแดงกลุ่มหนึ่งออกมาทันที
กฎเกณฑ์สายเลือดที่มองไม่เห็น ก็แพร่กระจายไปทั่วท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว
คาร์นอตวิลเลียมเห็นเช่นนี้แล้ว จึงรีบตะโกนพูดว่า แย่แล้ว เขาจะระเบิดตัวเอง!
หลินหยุนเคยเห็นวิธีเช่นนี้แล้ว ก็คือต้องการใช้สายเลือดของตัวเองทั้งหมดมาสังเวย เพื่อเพิ่มพลังให้กับตัวเองมากขึ้น เป็นการต่อสู้เฮือกสุดท้าย
ดยุกฟิลตะโกนพูดเสียงดังด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ว่า ใช่ ฉันจะระเบิดตัวเอง ฉันบอกแล้วไงต่อให้ฉันต้องตาย ฉันก็จะให้เจ้าเด็กเหิมเกริมคนนี้ชดใช้อย่างสาสม!
ในขณะที่พูดอยู่นั้น ชายหนุ่มเผ่าโลหิตสิบกว่าคนที่อยู่บริเวณลานบ้านนั้นกลายเป็นไอหมอกเลือดกลุ่มหนึ่ง แล้วสลายไปกลางอากาศ
หลังจากนั้น กลุ่มไอหมอกเลือดนั้น ก็ทยอยแทรกซึมเข้าไปในร่างของดยุกฟิลจนหมดตามพลังแรงของกฎเกณฑ์ธรรมชาติ
ดยุกฟิลก็เหมือนลูกบอลที่มีลมเต็มเต่งอยู่ ร่างกายก็ค่อยๆพองโตขึ้น
พละกำลังของเผ่าโลหิต ไม่เหมือนกับของนักบู๊ชาวจีน พละกำลังของนักบู๊ชาวจีน กำหนดโดยแดนฝึกฝนและคุณภาพของชี่แท้ภายในร่างกาย
ดังนั้น ต่อให้เป็นเด็กเล็กคนหนึ่ง ขอเพียงให้มีพลังฝึกฝนในแดนที่สูงพอ คุณภาพชี่แท้แข็งแกร่งพอ เช่นนั้นแล้วพละกำลังของเขาก็ย่อมจะแข็งแกร่งกว่าคนร่างยักษ์ธรรมดาคนหนึ่งอีกไม่รู้กี่เท่าตัวทีเดียว
แต่ว่า พละกำลังของเผ่าโลหิตนั้น ก็มักจะสัมพันธ์กับร่างกายและอายุของพวกเขาเสมอ
เผ่าโลหิตที่ยิ่งมีอายุมาก ยิ่งมีร่างกายที่สูงใหญ่แข็งแรง พละกำลังก็มักจะแข็งแกร่งมากขึ้นตามไปด้วยเสมอ
หลินหยุน รีบขัดขวางเขาไว้! คาร์นอตวิลเลียมตะโกนพูดด้วยความร้อนใจอยู่ข้างๆ
หลินหยุนย่อมไม่ยอมรอให้เขาสูบพวกลูกหลานรุ่นหลังของตระกูลไปจนหมดอย่างแน่นอน ยื่นมือออกไป กระบี่ยักษ์สีดำด้ามหนึ่งก็ปรากฏอยู่บนท้องฟ้า
กระบี่ต้าเต๋า!
ไม่ทำลายสิ่งของ ไม่สังหารคน แต่ทำลายพลังกฎแห่งกรรม
ไปเถอะ!
หลินหยุนโบกมือขึ้น กระบี่ต้าเต๋าก็ห้อมล้อมอยู่รอบๆตัวของดยุกฟิล แล้วหมุนวนไปหนึ่งรอบอย่างรวดเร็ว
ความสัมพันธ์ระหว่างดยุกฟิลกับกฎเกณฑ์แห่งโลก ก็ถูกตัดขาดสะบั้นไปในพริบตาเดียว
ไม่มีพลังแรงที่รวมอยู่ในตัวของเขาเหลืออยู่อีกเลยแม้แต่นิดเดียว
ดยุกฟิลเบิ่งตาโตทั้งคู่ มองดูหลินหยุนอย่างหวาดผวา ไอ้หนู แกทำอะไรลงไป!
แก แกถึงกับตัดขาดพลังสายเลือดของฉันจนหมดเลย!
นี่เป็นไปได้ยังไงกัน?
พลังของสายเลือดเป็นพละกำลังที่มีมาแต่กำเนิด เป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้ ทำไมแกถึงสามารถตัดขาดได้?
ด้วยแดนฝึกฝนของดยุกฟิลแล้ว ก็ยังไม่เข้าใจพลังของกฎเกณฑ์แห่งโลก
เขาคิดว่าพลังของสายเลือดมีมาแต่กำหนด ความจริงแล้ว พลังของสายเลือดก็เป็นเพียงแค่พลังจากกฎเกณฑ์ธรรมชาติอย่างหนึ่งเท่านั้นเอง
กระบี่ต้าเต๋าจะตัดขาดพลังของกฎแห่งกรรมโดยเฉพาะ ก็ย่อมรวมไปถึงกฎเกณฑ์ธรรมชาติทางสายเลือดด้วย
แกไปตายได้แล้ว!
หลินหยุนก็ขี้เกียจไปอธิบายกับเขา ชักดาบเฮ่าเทียนออกมาลงมือทันที
ประกายแสงดาบที่แข็งแกร่ง ก็พุ่งเข้าไปแทงลงตรงส่วนหัวใจของดยุกฟิลทันที
ฉันจะสู้ตาย! ดยุกฟิลคำรามเสียงดังด้วยสีหน้าดุร้าย
รวบรวมพลังงานภายในร่างกายทั้งหมด ระเบิดออกมาในชั่วพริบตาเดียว
โป้ง!
ร่างของดยุกฟิลก็แตกระเบิดไปทั้งตัว
พลังแรงลมพายุที่น่าสะพรึงกลัว ก็พัดหมุนวนออกจากตำแหน่งที่ดยุกฟิลยืนอยู่ กระจายไปทั่วทุกทิศอย่างรุนแรง
หลินหยุนก็ยื่นมือออกไปกลางอากาศ ดาบเฮ่าเทียนก็กลับเข้าไปอยู่ในมือของเขาทันที
ประกายแสงสีทองก็โอบล้อมรอบตัวเขาและคาร์นอตวิลเลียมอยู่ภายใน
พลังแสงสีแดงที่เกิดจาการระเบิดตัวเองของดยุกฟิล ก็กระแทกลงบนฉากคุ้มกันของหลินหยุนนั้น แล้วส่งเสียงดังเปรี้ยงปร้างอกมา
แต่ว่า ฉากคุ้มกันตัวมั่นคงดั่งเขาไท่ซาน แม้แต่พลังแรงที่เกิดจากการระเบิดตัวเองของฟิลก็ไม่สามารถที่จะทลายได้
แต่ว่า คนเผ่าโลหิตที่อยู่ใกล้บริเวณนั้นกลับต้องรับเคราะห์ไปด้วย
พลังแรงจากการระเบิดตัวของฟิลไม่ได้ด้อยกว่าพ่อของระเบิดทั้งหมดเลย เด็กหนุ่มเผ่าโลหิตพวกนี้ไม่สามารถที่จะต้านทานไว้ได้
เผ่าโลหิตบางคนที่มีพละกำลังอ่อนแอกว่า ก็ถูกระเบิดกลายเป็นจุณไปเลย
ส่วนคนเผ่าโลหิตที่มีพละกำลังแข็งแกร่งหน่อย สามารถรักษาชีวิตรอดได้ แต่ก็ต้องได้รับบาดเจ็บสาหัส กระดูกทั่วร่างถูกพลังแรงมหาศาลกระแทกจนแหลกละเอียดไปหมด
เมื่อรอจนพลังแรงนั้นจางหายไปหมดแล้ว คาร์นอตวิลเลียมจึงพูดด้วยความหวาดผวาว่า พลังแรงที่เกิดจากการระเบิดตัวเองของท่านดยุกคนหนึ่ง มันน่ากลัวจริงๆเลย!
หลินหยุนสลายฉากคุ้มกันนั้นออก มองไปยังเขาแล้วพูดอย่างเรียบๆว่า ตอนนี้สามารถไปเอาบันทึกบรรพบุรุษโลหิตได้แล้วยัง?
ได้แล้ว ขอเพียงแต่แกรนด์ดยุกแดร็กคิวล่าไม่มา คนที่นี่ ฉันจัดการเองได้หมด
ยอดฝีมือแดนเทพของตระกูลแดร็กคิวล่า โดยทั่วไปก็ถูกหลินหยุนสังหารไปหมดแล้ว ตอนนี้ ยอดฝีมือขั้นเทพอย่างคาร์นอตวิลเลียมคนนี้ ก็สามารถที่จะเดินเข้าออกในตระกูลแดร็กคิวล่าได้อย่างสง่าผ่าเผยแล้ว