จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 107 ที่แท้นี่ก็คือคนหนุนหลังของแก
บทที่ 107 ที่แท้นี่ก็คือคนหนุนหลังของแก
“ไม่รู้ว่าเด็กนี่เป็นลูกบ้านไหนกันล่ะ? ถึงกับทำให้เติ้งเจียหลุนขุ่นเคืองใจได้ขนาดนี้ นับว่าโชคร้ายเข้าแล้วล่ะนะ!”
หลายคนมองไปที่หลินหยุนด้วยแววตาเห็นใจ แต่จนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่มีใครสักคนที่ลุกขึ้นมาพูดเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้หลินหยุน
ธรรมชาติของมนุษย์ต่างก็เป็นเช่นนี้ ส่วนใหญ่ก็แค่คอยโห่ร้องเป็นกองเชียร์อยู่ข้างหลัง ถ้าคิดจะให้เขาลงสนามรบจริง ๆ เขาก็จะหงอยเป็นหมาป่วยไปในทันที
อีหลิงยืนขวางอยู่ตรงหน้าหลินหยุน แล้วตะโกนใส่เติ้งเจียหลุนเสียงดังอีกครั้งว่า “นายห้ามแตะต้องเขา!”
ครั้งนี้ หลินหยุนเป็นฝ่ายดึงอีหลิงไปข้างหลังเขาเบา ๆ ยกยิ้มพลางพูดว่า “วางใจเถอะ แค่พวกปลายแถวไม่กี่คน ทำอะไรฉันไม่ได้หรอก”
“ลุย!” หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยออกคำสั่งเสียงหนึ่ง เจ้าหน้าที่ทั้งหมดก็ลงมือทันที
แต่ว่า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยธรรมดา ๆ เหล่านี้ ไหนเลยจะอาจเอื้อมเป็นคู่มือให้หลินหยุนได้? เพียงไม่นาน ก็ถูกหลินหยุนซัดลงไปนอนกองกับพื้นจนหมด
อีหลิงหลับตาลงอย่างรู้สึกจนใจไม่น้อย สุดท้ายสิ่งที่เธอกังวลมากที่สุดก็เกิดขึ้นจนได้ หลินหยุนลงไม้ลงมือเข้าแล้วจริงๆ
เติ้งเจียหลุนมองหลินหยุนด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย “ไอ้หนู มิน่าล่ะแกถึงได้หยิ่งผยองต่อหน้าฉันถึงอย่างนี้ ที่แท้ก็พอมีฝีมือต่อยตีอยู่บ้างนี่เอง!”
“นี่คงเป็นความแข็งแกร่งทั้งหมดที่แกมีแล้วล่ะสิท่า!”
สีหน้าเติ้งเจียหลุนดูเหลาะแหละไม่อยู่กับร่องกับรอยแล้ว “น่าเสียดายนะ ที่ตอนนี้ไม่ใช่สมัยโบราณ ต่อให้แกต่อยตีเก่งสักแค่ไหน ยังจะหยุดกระสุนได้มั้ยล่ะวะ?”
“ความแข็งแกร่งของแกมันไร้ประโยชน์สิ้นดี!” เติ้งเจียหลุนหัวเราะฮ่าฮ่าดังลั่น ปากก็ผรุสวาทวาจาหยาบคายออกมาตรงๆแล้ว
“พวกแกน่ะมานี่ซิ! มาโยนมันออกไปเดี๋ยวนี้!” เติ้งเจียหลุนพูดกับบอดี้การ์ดในชุดสูทคนกลุ่มนี้ แข็งแกร่งกว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกลุ่มเมื่อกี้เป็นสิบเท่า
ในเวลานั้นเอง เสียงอันเย็นชาของผู้หญิงคนหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง
“ใครกันที่กล้ามาก่อเรื่องที่นี่!”
ทุกคนพากันหันกลับไปมอง ใบหน้าของหยุนเยว่ยามนี้เย็นชาราวกับน้ำแข็ง เธอพาลูกน้องที่มีฝีมือระดับสูงซึ่งดูแลงานประมูลครั้งนี้ ก้าวเดินอาดๆเข้ามา
หลี่เหยนแทบจะปรบมือร้องชมว่าดีออกมาอยู่แล้ว พูดขึ้นอย่างตื่นเต้นว่า “หยุนจินไชออกมาแล้ว เติ้งเจียหลุนมีตระกูลเติ้งแห่งซีไห่หนุนหลัง ต่อให้เป็นควีนจินก็ยังต้องไว้หน้าให้สักหลายส่วน”
“แต่หลินหยุนกำลังจะโชคร้ายแล้วล่ะ ถึงกับกล้าก่อเรื่องในสถานที่จัดงานของควีนจิน ก็เท่ากับตบหน้าควีนจินชัดๆ หยุนจินไซไม่มีทางปล่อยให้เขาลอยนวลไปได้ง่ายๆแน่!”
หลี่เหยนกับจ้าวกังยิ้มยินดีในความโชคร้ายของคนอื่น จับตารอชมละครเรื่องสนุกของหลินหยุน
สีหน้าเซี่ยหยู่เวยไม่เปลี่ยน แต่ปรากฏแววคาดหวังรอคอยขึ้นในดวงตาอันงดงามคู่นั้นของเธอ “หลินหยุน ครั้งนี้แหละ มันถีงเวลาเปิดโปงการปลอมตัวแบบหน้าด้านๆ ของนาย ให้นายต้องเผยตัวตนที่แท้จริงออกมาซะที!”
เมื่ออีหลิงเห็นหยุนเยว่ ในใจก็พลันหนักอึ้งลงทันที พูดกับหลินหยุนอย่างกังวลว่า “แย่แล้ว !หลินหยุน อีกเดี๋ยวให้นายบอกไปนะว่า ฉันกับเติ้งเจียหลุนเกิดเรื่องขัดแย้งกัน โยนความรับผิดชอบทั้งหมดมาไว้ที่ฉันก็พอ ได้ยินแล้วใช่ไหม?”
หลินหยุนหันไปมองอีหลิง เธอยังคงเป็นคนใจดีมีเมตตาเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
“วางใจเถอะ ฉันไม่เป็นไรหรอก ทำตามที่ฉันบอกนะ จำไว้ให้ดี!” อีหลิงกำชับอีกครั้งด้วยความรู้สึกไม่วางใจ
“อือ” หลินหยุนขานรับ
บรรดาผู้ที่เข้าร่วมการประมูล ต่างก็เข้ามาทักทายหยุนเยว่ทีละคน
“สวัสดีหยุนจินไซ!”
“ หยุนจินไซ!”
ทุกที่ที่หยุนเยว่เดินผ่าน แต่ละคนต่างก็ก้มหัวลงเพื่อแสดงความเคารพต่อควีนจิน
ใบหน้าของหยุนเยว่เย็นชา เธอกำลังโกรธอย่างเห็นได้ชัด ทำเพียงพยักหน้าน้อยๆที่ถือว่าเป็นการตอบรับคำทักทาย
แน่นอนว่าทุกคนต่างก็รู้ ว่าทำไมหยุนเยว่ถึงโกรธขนาดนี้ แววตาที่จ้องมองไปทางหลินหยุนล้วนเต็มไปด้วยความสงสารเวทนา
“เจ้าหนูนี่กำลังจะโชคร้ายแล้ว!”
แม้ว่าควีนจินจะเป็นผู้หญิง แต่เธอไม่ใช่คนใจดีมีเมตตาอะไร ไม่อย่างนั้น เธอจะสามารถควบคุมคนมากมาย ให้อยู่ภายใต้คำสั่งของเธอได้ยังไงกันล่ะ
ขนาดคนอย่างเจี่ยงสงนั่นยังต้องยอมเชื่อฟังอยู่ในโอวาท คนดีที่ไหนจะทำอย่างนั้นได้กันล่ะ?
ดังนั้น หนึ่งในหกจินไซที่เป็นลูกน้องซึ่งแข็งแกร่งทรงพลังที่สุดของควีนจิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะตัวแทนของควีนจินด้วยแล้ว วิธีการของหยุนเยว่ ก็อาจจะต้องรุนแรงดุเดือดยิ่งกว่าควีนจินด้วยซ้ำไป
ดังนั้น ทุกคนจึงสรุปได้ว่า หลินหยุนจะต้องโชคร้ายแน่นอนแล้ว!
เติ้งเจียหลุนเห็นหยุนเยว่แล้ว แต่เขาก็ยังคงยิ้มหยันเย็นชา บนใบหน้ายังเจือแววดูถูกเหยียดหยามน้อยๆ
ตระกูลเติ้งแห่งซีไห่กับควีนจินมีอำนาจที่ทัดเทียมกัน เขาเป็นลูกชายคนโตของตระกูลเติ้ง ในด้านสถานะแล้ว เขาถือว่ามีสถานะที่สูงกว่าหยุนเยว่
แม้ว่าหยุนเยว่จะถือว่าเป็นจินไซที่ทรงพลังที่สุดของควีนจิน แต่สุดท้าย ก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดเทียบเท่าลูกชายแท้ๆอยู่ดี
นี่คือสิ่งที่ทำให้เติ้งเจียหลุนไม่เห็นหยุนเยว่ในสายตา!
แต่ถึงอย่างไร เมื่ออยู่ในถิ่นของควีนจิน เขาเองไม่กล้ากำเริบเสิบสานเกินไปนัก เพราะถ้าเกิดไปสร้างความขุ่นเคืองให้กับควีนจินมากเกินไป จนทั้งสองตระกูลต้องแตกหักกัน ตระกูลเติ้งของเขาก็ไม่รู้ว่าจะรับมือยังไงกับควีนจินดีเหมือนกัน
“หยุนจินไซ เธอมาก็ดีแล้ว มีคนทำร้ายลูกน้องของฉันจนบาดเจ็บ เธอคิดจะจัดการยังไงกับเรื่องนี้? ” จอมวายร้ายเติ้งเจียหลุนรีบชิงฟ้องก่อน
หยุนเยว่ไม่สนใจเขา แต่กลับเดินผ่านหน้าเติ้งเจียหลุนไปต่อหน้าต่อตาทุกคนที่นั่น จากนั้นจึงไปอยู่หยุดข้างๆหลินหยุน โค้งคำนับลงทำความเคารพ
“ต้องขออภัยคุณหลินด้วยจริงๆค่ะ ต้องโทษที่หยุนเยว่ดูแลไม่ทั่วถึง ทำให้คุณต้องถูกรบกวน คุณหลินได้โปรดยกโทษให้ด้วย!”
ท่าทีของหยุนเยว่มีความเคารพนบน้อมอย่างมาก ถึงขั้นที่ว่าเวลาอยู่ต่อหน้าควีนจิน เธอก็ยังไม่แสดงท่าทีขนาดนี้เลยด้วยซ้ำ
ผู้ชม ณที่แห่งนั้นเงียบกริบเป็นเป่าสากทันที!
ใบหน้าของทุกคนต่างตกตะลึง พร้อมใจกันแสดงสีหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อสายตา!
ชั่วขณะที่ทั้งฮอลล์เงียบกริบกันหมด หลี่เหยนเป็นคนแรกที่ร้องตะโกนออกมา “เป็นไปได้ยังไง! ทำไมหยุนจินไซถึงได้น้อมทักทายหลินหยุนล่ะ!”
“ เธอเป็นถึงตัวแทนของควีนจินเชียวนะ!”
จ้าวกางก็ทำหน้าเหมือนได้รับความอัปยศอดสูเช่นกัน “นี่มันเกิดอะไรขึ้น? หลินหยุนรู้จักกระทั่งควีนจินเลยงั้นเรอะ?”
อย่างไรก็ตาม เมื่อมองไปที่ฉากที่เห็นตรงหน้า มันเป็นอะไรที่ไม่น่าจะแค่รู้จัก แต่น่ากลัวว่าท่าทีของควีนจินที่มีต่อหลินหยุนก็น่าจะให้ความเคารพต่อหลินหยุนมากเช่นกัน ไม่อย่างนั้นทำไมหยุนเยว่ถึงได้มีท่าทีแบบนี้?
สีหน้าของเว่ยเทียนหมิงถึงขั้นดูไม่ได้สุดขีด ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะเป็นเจี่ยงสงหรือเส้เทียนหัว ถึงแม้จะทำให้เขาประหลาดใจอยู่บ้าง แต่เขาก็ไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรนัก
แต่มาตอนนี้ กระทั่งควีนจินยังมองหลินหยุนด้วยความชื่นชมยกย่อง นี่มันเป็นอะไรที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิงแล้ว!
ควีนจิน นั่นคือคนใหญ่คนโตที่ควบคุมทั้งระดับภูมิภาคมณฑล หรือถึงขั้นเรียกได้ว่าเป็นคนสำคัญระดับสูงของประเทศจีนเลยก็ว่าได้
พ่อของเว่ยเทียนหมิงเป็นเพียงรองนายกหลินโจวเท่านั้น เขาสามารถไม่ต้องไปสนใจเจี่ยงสงกับเส้เทียนหัวได้ แต่กับควีนจิน ครอบครัวของเขาไม่สามารถล่วงเกินได้อย่างเด็ดขาด ทำได้แค่มองขึ้นไปแบบอยู่ห่างๆเท่านั้น
เว่ยเทียนหมิงร้องคำรามอยู่ในใจ “มันเป็นไปได้ยังไง! นี่มันเป็นไปได้ยังไง! ไอ้เศษสวะไร้ประโยชน์หลินหยุนนั่นมันทำอะไรกันแน่? ทำไมกระทั่งคนใหญ่คนโตระดับควีนจิน ยังถึงกับมองมันด้วยความชื่นชมอย่างนั้น!”
เซี่ยหยู่เวยก็ตกตะลึงจนผงะไปเลยเหมือนกัน สายตาที่จ้องมองหลินหยุน ไม่ใช่แววตาที่แสดงความรังเกียจอีกต่อไป แต่เป็นความรู้สึกที่สับสนซับซ้อนอย่างมาก
“หลินหยุนนะหลินหยุน ไม่แปลกใจเลยที่เมื่อก่อน พอบอกว่านายมีจินซื่อหรงเป็นที่พึ่งคอยหนุนหลังให้ นายถึงได้ทำท่าไม่สนไม่แคร์ ไม่แม้แต่จะชายตาแล สรุปว่านี่ก็คือคนหนุนหลังที่แท้จริงของนายเองสินะ!”
“หยุนจินไซ มือขวาของควีนจินแห่งหลิงหนาน! ร้ายกาจเกินไปแล้ว! มิน่าล่ะ คนอย่างเจี่ยงสงถึงได้เคารพเชื่อฟังนายซะขนาดนั้น สาเหตุที่จินซื่อหรงให้บัตรทองม่วงนาย ก็คงเป็นเพราะหยุนจินไซล่ะสินะ!”
“มีหยุนจินไซคอยคุ้มหัวให้ ต่อจากนี้ นายจะไปเดินกร่างที่ไหนในหลินโจวก็ได้แล้วล่ะสิ!”
“ไม่น่าแปลกใจเลย ที่นายเอาแต่ทำท่าไม่เห็นหัวใครในสายตาไปหมด ในเมื่อมีหยุนจินไซเป็นที่พึ่ง ก็นับว่านายมีต้นทุนให้ไปอวดเบ่งได้แล้วจริงๆ!”
เซี่ยหยู่เวยเหลือบมองเว่ยเทียนหมิงที่ยืนทำสีหน้าดูไม่ได้อยู่ข้าง ๆ เธอ แอบรู้สึกเสียใจในภายหลังขึ้นมานิด ๆ ว่า ถ้าเมื่อก่อนเธอทำดีกับหลินหยุนให้มากกว่าสักหน่อย บางที…..
แต่ร่องรอยแห่งความเสียใจนี้ ก็พลันหายวับในเสี้ยววินาที ต่อให้หลินหยุนจะมีหยุนเยว่เป็นคนหนุนหลัง แต่ในสายตาของเซี่ยหยู่เวย เขาก็ยังสู้เว่ยเทียนหมิงไม่ได้อยู่ดี
การพึ่งพาอาศัยพลังที่ได้รับมาจากคนอื่น จะยังไงมันก็ไม่ใช่พลังของเราอยู่วันยังค่ำ แม้ว่าภูมิหลังตระกูลของเว่ยเทียนหมิง จะเทียบกับควีนจินไม่ได้ แต่นั่นก็ถือว่าเป็นพลังที่แท้จริงในตระกูลของเขาเอง
เมื่อไหร่ก็ตาม ที่เขาสูญเสียการสนับสนุนจากทางหยุนจินไซ หลินหยุนก็จะกลับไปเป็นเศษสวะไร้ประโยชน์ตามเดิม
ในใจของพวกคนที่รอชมละครเรื่องสนุกของหลินหยุน ก็รู้สึกไม่ต่างจากพวกหลี่เหยนมากนัก
“เจ้าหนูนี่มันมีที่มาที่ไปยังไงกันแน่? หยุนจินไซถึงได้เคารพนบน้อมเขามากถึงขนาดนี้!”
“ไม่รู้สิ แวดวงภายในเมืองหลินโจวใช่ว่าจะใหญ่โต แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยเห็นเด็กคนนี้มาก่อนเลย!”
“คุณหาน เด็กสาวคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เจ้าเด็กคนนั้นคือหลานสาวของคุณสินะ! คุณน่าจะพอรู้จักเจ้าเด็กคนนั้นใช่มั้ย?” ชายวัยกลางคนในชุดประณีตดูภูมิฐานถามขึ้นอย่างสงสัย