จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 1089 โม่เฉินปรากฏตัวอีกครั้ง
ที่ตั้งของเขาคุนชางอยู่ทางทิศตะวันตกของจีน เป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่ทุกคนคุ้นเคย
ตามประวัติศาสตร์ตำนานจีน ว่ากันว่าเขาคุนชางเป็นสถานที่ที่เจ้าแม่ซีหวังหมู่อาศัยอยู่ เป็นที่พำนักของเทพเซียน เป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์
หลินหยุน และ หลินซื่อเฉิง มาที่เชิงเขาคุนชาง และมองไปที่เขาคุนชางอันสูงตระหง่าน เขาคุนชางซึ่งเป็นผู้นำของสี่ค่ายใหญ่ในโลกบู๊โบราณอยู่ตรงหน้าแล้ว
อย่างไรก็ตาม ขณะที่หลินหยุนและ หลินซื่อเฉิง กำลังเตรียมที่จะขึ้นไปบนภูเขา ก็มีคนผู้หนึ่งมาหยุดพวกเขา
เป็นนาย เมื่อเห็นคนผู้นี้ หลินหยุนก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
นี่คือชายจากสำนักโม่เหมินที่เรียกตัวเองว่าโม่เฉิน
ในตอนแรกเป็นเขาที่ห้ามตนไม่ให้ไปเมืองหลวงเพื่อหาเรื่องตระกูลหวาง
โม่เฉินดูเหนื่อยเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเร่งรีบมามากเกินไปหรือใช้พลังมากเกินไป
หยุดเถอะ สี่ค่ายใหญ่แตะต้องไม่ได้!
สิ่งที่โม่เฉินพูดนั้นชัดเจน
หลินซื่อเฉิง เอ่ยถามอย่างงุนงงว่า ทำไมถึงแตะไม่ได้? ครั้งนี้เป็นพวกเขาที่เริ่มท้าสู้ สองวันก่อนก็ยังซุ่มโจมตีหลินหยุน ถ้าหลานชายของฉันไม่แข็งแรง ป่านนี้ก็อาจถูกพวกเขาฆ่าไปแล้ว!
โมเฉินเอ่ย หลายวันมานี้ผมมีเรื่องติดพันมาตลอด ไม่ได้สนใจโลกมนุษย์ ต้องขอโทษคุณเรื่องนี้อย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตาม ผู้คนในโลกบู๊โบราณได้จ่ายค่าตอบแทนไปอย่างสาสมแล้ว การต่อสู้ครั้งนี้ไม่จำเป็นต้องมีต่อไป อีกทั้งการกำรงอยู่ของสี่ค่ายใหญ่นั้นก็มีสาเหตุ การต่อสู้ครั้งที่แล้วได้ทำร้ายพละกำลังของพวกเขาไปแล้ว ครั้งนี้ ไม่อาจเกิดความเสียหายได้อีก
หลินหยุนมองไปที่โม่เฉินและเอ่ยถาม ทำไม?
หลินซื่อเฉิงเอ่ยก็เอ่ยอย่างเย็นชาว่า นายเป็นคนที่พวกเขาให้มาเจรจาด้วยใช่ไหม? แต่ถ้าพวกเขาไม่อยากสู้รบ อย่างนั้นจะส่งคำท้าเชิญมาให้ทำไม?
โม่เฉินเอ่ย คุณปู่หลินอย่าเข้าใจผิด ผมไม่ใช่คนของโลกบู๊โบราณ เรื่องนี้ปรมาจารย์หลินก็รู้ดี
หลินซื่อเฉิง มองไปที่หลินหยุนอย่างสงสัย หลินหยุนพยักหน้าให้เขา คุณปู่ เขาไม่ได้เป็นคนของโลกบู๊โบราณจริงๆ
เขาเป็นคนของสำนักโม่เหมิน
หลินซื่อเฉิง สงสัย สำนักโม่เหมิน? ไม่เคยได้ยินมาก่อน!
หลินหยุนเอ่ย สำนักโม่เหมิน เชื่อใจได้
หลินซื่อเฉิง ยิ้มอย่างสบายใจ ในเมื่อหลานชายของฉันบอกว่าไว้ใจได้ อย่างนั้นนายก็เป็นคนดี
หลินหยุนเอ่ยเสริมขึ้นอีก อย่างไรก็ตาม คราวนี้นายไม่สามารถหยุดมันได้ การต่อสู้ครั้งนี้จำเป็นต้องเกิดขึ้น
โม่เฉินขมวดคิ้ว ปรมาจารย์หลิน สี่ค่ายใหญ่นั้นไม่อาจแตะต้องได้จริงๆ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการอยู่รอดของชาวจีนทั้งชาติรวมถึงทั้งโลก
หลินหยุนมองไปที่โม่เฉินและถามว่า เกี่ยวข้องกับประตูเซียนในตำนานนั่นใช่ไหม?
โม่เฉินพยักหน้า ในเมื่อคุณเดาได้แล้ว อย่างนั้นผมก็จะแหกกฎยอมรับ นี่เกี่ยวข้องกับประตูเซียนจริงๆ ดังนั้นจึงไม่สามารถแตะต้องสี่ค่ายใหญ่ได้
หลินซื่อเฉิง เริ่มสับสนมากขึ้น ประตูเซียนอะไรกัน?
หลินหยุนเอ่ย แดนเทพปรากฏ บู๊โบราณเผยตัว ยาทองเสร็จสิ้น ประตูเซียนเปิดออก ฉันเองก็ไม่รู้ว่าประตูเซียนคืออะไร
หลินซื่อเฉิง กล่าวด้วยรอยยิ้ม แม้แต่เสี่ยวหยุนก็ไม่รู้ อย่างนั้นสิ่งที่เรียกว่าประตูเซียนก็อาจไม่มีอยู่จริงก็ได้ จะไปกลัวทำไม!
โม่เฉินเอ่ย ประตูเซียนมีอยู่จริง
ในเวลานี้ มีนักบู๊คนหนึ่งเดินผ่านพวกเขาไป ทั้งสามจึงหยุดพูด
หลินหยุนโบกมือร่ายค่ายกลป้องกันเสียง จากนั้นก็เอ่ย นายไม่จำเป็นต้องพูดแล้ว การต่อสู้ครั้งนี้จำเป็นต้องเกิดขึ้น ฉันไม่มรทางทิ้งอันตรายที่ซ่อนอยู่ไว้
โม่เฉินมีสีหน้าอ่อนใจ เขามองออกว่าหลินหยุนได้ตัดสินใจแล้วและเขาก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงมันได้
ก็ได้ แต่ผมหวังว่าหากเป็นไปได้ปรมาจารย์หลินจะไม่ฆ่าคน
หลินหยุนเอ่ย ดูตามสถานการณ์เถอะ!
โม่เฉินเองก็คาดการณ์ออกถึงสถานการณ์ที่หลินหยุนกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ มันแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ฆ่าคน
หวังเพียงแค่ว่าคนเหล่านั้นในโลกบู๊โบราณ จะตระหนักรู้ถึงสถานการณ์และไม่รนหาที่ตาย
ปรมาจารย์หลิน ผมหวังว่าคุณจะจำสิ่งที่ผมพูดเอาไว้ ผมรับรองว่าคุณจะเข้าใจมันในอนาคต โม่เฉินมองหลินหยุนอย่างมีความหมายและรีบจากไป
หลินหยุนสลายค่ายกลป้องกันเสียงออก จากนั้นก็เหลือบมองดูเบื้องหลังโดดเดี่ยวของโม่เฉินและหันหลังเดินต่อไปที่เขาคุนชาง
ไปกันเถอะคุณปู่!
อืม! หลินซื่อเฉิง รีบตามไปและถามด้วยความสงสัยอยู่บ้าง ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร?
หลินหยุนเอ่ย สำนักโม่เหมิน โม่เฉิน
หลินซื่อเฉิง ถามอย่างสงสัย สำนักโม่เหมิน? ทำไมฉันถึงไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับสำนักนี้? ดูเหมือนว่าในโลกบู๊และโลกบู๊โบราณล้วนไม่มีสำนักนี้อยู่!
ตอนนี้หลินซื่อเฉิง เองก็เป็นผู้แข็งแกร่งของวิถีบู๊ระดับสูงสุด เขารู้เรื่องเกี่ยวกับโลกบู๊และโลกบู๊โบราณมากกว่าเมื่อก่อนอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตาม เขาไม่เคยได้ยินชื่อสำนักโม่เหมินมาก่อน
หลินหยุนคิดจะอธิบายสำนักโม่เหมิน ให้กับชายชรา แต่ว่า เขาเองก็พบว่าตนไม่รู้จักสำนักโม่เหมิน เลยสักนิด
อย่างไรก็ตาม เขายังจำสิ่งที่โม่เฉินพูดได้
ดังนั้นเขาจึงพูดออกไป
มีจิตเมตตาต่อมนุษยชาติ
สร้างทางชีวิตใหม่ไปสู่ชีวิตที่ดีขึ้น
สืบทอดความรู้นักปราชญ์ในอดีต
สร้างความสันติสุขแก่ชาวประชา
นี่ก็คือสำนักโม่เหมิน
ทันใดนั้น หลินซื่อเฉิง ก็ตกตะลึง
ดูเหมือนจะมีฟ้าร้องลั่นในใจของเขา
ผ่านไปครู่หนึ่ง จู่ๆหลินซื่อเฉิง ก็พูดขึ้น เสี่ยวหยุน ฉันรู้สึกว่านายควรฟังเขา
บางที เขาอาจทำเพื่อประโยชน์ของชาวจีน!
หลินหยุนเอ่ย เรื่องนี้คงต้องตัดสินจากคนของโลกบู๊โบราณแล้ว หากพวกเขาไม่รนหาที่ตาย ฉันก็จะไม่ฆ่าพวกเขา
หลินซื่อเฉิงถามอย่างสงสัย แต่ว่า ฉันอยากรู้อย่างยิ่งสี่ค่ายใหญ่ของโลกบู๊โบราณ มีความลับอะไรเกี่ยวข้องอยู่กันแน่?
หลินหยุนมองไปที่ยอดเขาในหมู่เมฆที่อยู่ห่างไกล บางทีมันอาจจะเกี่ยวข้องกับประตูเซียน
หลินซื่อเฉิง ขมวดคิ้วและพูดว่า ประตูเซียน มันคืออะไรกันแน่?
ในโลกนี้ มีเซียนจริงๆหรือ?
หลินหยุนกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า คุณปู่ ถึงแม้ว่าตอนนี้คุณจะยังไม่ใช่เซียน แต่ก็ไม่ต่างไปจากเซียนจริงๆแล้ว
หลินซื่อเฉิง หัวเราะลั่นและพูดว่า ฮ่าฮ่า ฉันเป็นเซียนประเภทไหนกัน!
ขึ้นไปบนภูเขาเถอะ ดูกันว่าคนของโลกบู๊โบราณต้องการทำอะไร!
อืม
ประตูของเขาคุนชาง เปิดกว้างอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
บันไดลอยฟ้ายังถูกวางมา สำหรับผู้ที่มาชมการต่อสู้
เห็นได้ชัดว่าท่าทีของเขาคุนชางนี้ ได้มีการเตรียมการมาอย่างดี พวกเขารู้ว่าวันนี้ต้องมีผู้คนจำนวนมากมาดูการต่อสู้
หลินหยุนมาที่หน้าประตูของเขาคุนชาง และเห็นมังกรยาวสองตัวรออยู่ที่บันได
ประตูของเขาคุนชางอยู่บนหน้าผาเช่นกัน นอกจากการใช้บันไดเพื่อขึ้นไปแล้ว ก็เหลือแค่การบินขึ้นไปเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่สามารถเดินทางบนอากาศได้อย่างน้อยๆก็ต้องเป็นระดับปรมาจารย์ ครั้งนี้ผู้ที่มามีนักบู๊อยู่จำนวนไม่มากนัก
หลินหยุนเอ่ย คุณปู่ พวกเราขึ้นไปจากอีกด้านหนึ่งกันเถอะ!
ตกลง
แทนที่จะรอคิว พวกเขามาที่มุมหนึ่งของขอบหน้าผาห่างไกล
ไป!
หลินซื่อเฉิง ตอนนี้เป็นแดนเทพพลังวิชา ดังนั้นการเดินทางในอากาศจึงไม่ใช่เรื่องยาก
บรรดาผู้ที่เข้าแถวเมื่อเห็นหลินหยุนและ หลินซื่อเฉิง บินขึ้นไปโดยตรง ใบหน้าก็เผยความอิจฉาอย่างสุดซึ้งออกมา
ชายชรานั่นสามารถเดินทางในอากาศได้ก็แล้วไป แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าหนุ่มนั่นจะสามารถเดินทางในอากาศได้ด้วย!
อัจฉริยะ อัจฉริยะจริงๆ!
โลกบู๊ของเราช่างเป็นถ้ำเสือรังมังกรจริงๆ! อายุยังน้อยขนาดนี้ก็พลังวิชาเป็นปรมาจารย์แล้ว ไม่เลว!
มีลูกศิษย์มากมายกำลังเฝ้าประตูเขาคุนชางอยู่ พวกหลินหยุนมาถึงแล้วและดึงดูดความสนใจของลูกศิษย์เหล่านั้น
อย่างไรก็ตาม ครั้งที่แล้วคนของเขาคุนชางที่ถูกส่งไปฆ่าหลินหยุนไม่มีใครเหลือรอดกลับมา ดังนั้นลูกศิษย์เหล่านี้ในเวลานี้จึงไม่รู้จักหลินหยุนเลยแม้แต่น้อย
นักบู๊ระดับปรมาจารย์มาทางนี้
ทันทีที่พวกหลินหยุนแตะลงถึงพื้น ลูกศิษย์คนหนึ่งก็ตะโกนใส่พวกเขา
หลินซื่อเฉิง เอ่ยถามอย่างสงสัยว่า นักบู๊ระดับปรมาจารย์ยังต้องได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างด้วยหรือ? นี่มันอะไรกัน?
หลินหยุนเอ่ยเรียบๆ ไปดูก็รู้แล้ว
เมื่อเห็นพวกหลินหยุนกำลังเดินมา ลูกศิษย์ก็พูดอีกครั้ง ตรงไปทางช่องด้านซ้าย ข้างหน้ามีคนรอรับอยู่
พวกหลินหยุนไม่ได้พูดอะไร จากนั้นก็เดินตรงไปยังถนนหินทางด้านซ้าย