จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 1116 ตราประทับหลวมหมดแล้ว
โลกทั้งใบก็สงบนิ่งลงทันที
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว
ร่างของเอดัวร์โดสั่นไปทั้งตัว เงยหน้าขึ้นมองหลินหยุนด้วยอาการขวัญหนีดีฝ่อ
ในลำคอของเขาเกร็งไปหมด พยายามออกแรงพูดอย่างสุดแรงว่า หลินชางฉอง อเมริกาเรา………ขอยอมแพ้คุณแล้ว!
ดูเหมือนว่าเขาใช้พลังทั้งหมดที่มีอยู่ในการพูดคำพูดนี้ออกมา
น้ำเสียงแฝงไปด้วยความสิ้นหวังอย่างสุดแสน
นี่ไม่ใช่เพียงแค่ความสิ้นหวังของตัวเขาเองเท่านั้น ยังหมายถึงอเมริกาทั้งประเทศอีกด้วย
หลังจากที่เขาพูดประโยคสุดท้ายออกมาอย่างยากลำบากนั้น ผู้คนทั้งโลกต่างก็รู้สึกสะดุ้งสุดตัว!
พลเองห้าดาวที่ลึกลับที่สุดของอเมริกา
ไพ่ใบสุดท้ายของอเมริกา
ในนาทีนี้กลับพังทลายลงมาแล้ว!
กะทันหันเกินไปเหรอ?
ไม่!
ไม่กะทันหันเกินไปเลยแม้แต่นิดเดียว
เสี้ยววินาทีที่หลินชางฉองเดินออกมาจากท่ามกลางพลังแรงที่เกิดจากระเบิดโปรตอนฟิชชั่น
วินาทีที่หลินชางฉองเหยียบถล่มทำเนียบศักดิ์สิทธิ์ของอเมริกา
ความจริงแล้วคนส่วนใหญ่ก็ได้คาดเดาผลของมันต้องเป็นเช่นนี้แล้ว
แต่ว่า
เมื่อวินาทีนี้มาถึงจริงๆแล้ว
ก็ยังคงรู้สึกว่ากะทันหันเกินไป
แต่นี่เป็นถึงอเมริกาเชียวนะ!
นี่เป็นถึงชนเผ่าที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกใบนี้เลย!
วินาทีนี้ กลับยอมแพ้ให้กับผู้บำเพ็ญเซียนโลกตะวันออกคนหนึ่งแล้ว!
เอดัวร์โดมองไปยังหลินหยุนแล้ว พูดอีกครั้งหนึ่งว่า หลินชางฉอง หวังว่าคุณสามารถหยุดเข่นฆ่าชาวอเมริกาเราได้! อเมริกาเราขอยอมแพ้ให้กับคุณแล้ว!
หลินหยุนสีหน้าไร้ความรู้สึก พูดอย่างเรียบๆว่า ยังไม่พอ!
เอดัวร์โดอึ้งไปสักพัก แล้วรีบพูดขึ้นว่า อเมริกาเราจะขอสละตำแหน่งลูกพี่ใหญ่ของโลกใบนี้! สละสิทธิ์ในการเป็นผู้นำทั่วโลกทั้งหมด!
หลินหยุนพูดอย่างเย็นชาว่า ก็ยังไม่พอ!
เอดัวร์โดกลับสูดหายใจเข้าแรง แล้วเอ่ยปากพูดอย่างยากลำบากว่า คุณ……คุณคิดจะเอาซากอารยธรรมชาวเผ่ามายาของอเมริกาเราเหรอ?
เอดัวร์โดยิ้มเจื่อนๆ พยักหน้าแล้วพูดเยาะเย้ยตัวเองว่า ใช่สิ ตราบใดที่อเมริกาเรายังคงครอบครองซากอารยธรรมชาวเผ่ามายาอยู่ละก็ แล้วจะให้คนอื่นวางใจได้ยังไงกัน……..
ได้! ฉัน เอดัวร์โด พลเอกห้าดาวที่เหลืออยู่เพียงคนเดียว ตอนนี้ขอสัญญากับท่าน
จะเปิดเผยซากอารยธรรมชาวเผ่ามายาออกมา ก่อตั้งสันนิบาตสากลขึ้น สำหรับการพัฒนาซากอารยธรรมชาวเผ่ามายานั้น ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ขอมอบให้สันติบาตสากลเป็นผู้ดำเนินการแต่เพียงฝ่ายเดียว!
ขณะที่เอดัวร์โดพูดแต่ละคำออกมานั้น ราวกับเลือดกำลังไหลหยดอยู่ในใจ
เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนี้แล้ว หลินหยุนจึงพูดอย่างเรียบๆว่า อย่างนี้ก็ดีที่สุดแล้ว!
พูดจบก็ไม่มองหน้าเอดัวร์โดอีก
หันหลังกลับแล้วเดินไปหาหวางซูเฟินและฉินหลัน
หลินหยุนพูดด้วยเสียงอบอุ่นว่า แม่ครับ พี่ฉินหลัน พวกเราไปกันเถอะ ผมจะพาพวกคุณกลับบ้าน!
หวางซูเฟินตื้นตันจนพยักหน้าอย่างไม่หยุดหย่อน เข้าไปสวมกอดหลินหยุนแล้วพูดว่า ดี กลับบ้านกัน พวกเรากลับบ้านกันเถอะ!
หลินหยุนมือข้างหนึ่งกุมมือหวางซูเฟินเอาไว้ มืออีกข้างหนึ่งก็จับมือฉินหลันไว้
แล้วพาทั้งสองคนเหาะเหินเดินอากาศ หายตัวไปท่ามกลางอากาศ
วินาทีนี้ ทั่วทั้งโลกก็ยังคงเงียบสงบอยู่
แต่ว่าประเทศจีนกำลังครึกครื้น!
ปวงชนชาวจีนทั้งประเทศต่างก็โห่ร้องฉลองชัยด้วยความยินดี!
ท้องฟ้าบนโลกใบนี้ เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว
ส่วนหลินหยุนกลับไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้เลยแม้แต่นิดเดียว
หลังจากที่พาแม่และพี่ฉินหลันกลับมาถึงประเทศจีน พร้อมทั้งจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว คนใกล้ชิดที่เกี่ยวข้องกับหลินหยุนทั้งหมดต่างก็มารวมกันที่ชางฉองกรุ๊ป
สายตาที่มองไปยังหลินหยุนนั้น ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง
หลินหยุนย่อมต้องดูออกอย่างแน่นอน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก
หลังจากที่ส่งแขกจำนวนไม่น้อยกลับไปแล้ว หลินหยุนก็พูดกับหวางซูเฟินว่า แม่ครับ พี่ฉินหลัน วางใจเถอะครับ หลังจากผ่านพ้นเรื่องราวคราวนี้ไปแล้ว จะไม่มีใครกล้าที่จะลงมือกับพวกคุณอีกแล้วล่ะ!
หวางซูเฟินสีหน้าสบายใจ และรู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง แต่ว่าก็ยังคงพูดด้วยความเป็นห่วงว่า เสี่ยวหยุน ลูกไม่เป็นอะไรจริงเหรอ?
หลินหยุนพูดว่า ไม่เป็นไร ก็แค่บาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้นเอง! ตอนนี้ผมก็จะกลับไปที่ทะเลสาบเยว่หยา แล้วจะเก็บตัวฝึกฝนอีกสักระยะหนึ่ง!
เมื่อได้ยินหลินหยุนพูดเช่นนี้แล้ว หวางซูเฟินก็รีบพูดว่า งั้นก็ดีแล้ว ลูกก็รีบกลับไปเก็บตัวเถอะ จะได้รักษาบาดแผลให้หายไวๆด้วย!
หลินหยุนยิ้มพลางพยักหน้า แล้วหันไปมองฉินหลัน พี่ฉินหลัน งั้นผมไปก่อนนะครับ!
ฉินหลันก็พูดตอบรับ แต่ก็ถามด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความห่วงใยว่า เสี่ยวหยุนบาดแผลของคุณไม่รุนแรงใช่ไหม?
หลินหยุนพูดด้วยเสียงเบาๆว่า ไม่ครับ! ไม่ต้องเป็นห่วง!
……
หลังจากร่ำลาทั้งสองคนและออกจากชางฉองกรุ๊ปแล้ว หลินหยุนก็กลับไปยังทะเลสาบเยว่หยา
พูดคุยกับซูจื่อเหลียงและซูหนันสองสามคำ จากนั้นก็เริ่มเข้าเก็บตัวทันที
ทางฝ่ายท่านหงนั้นก็รีบไปถึงชางฉองกรุ๊ปอย่างเร่งด่วน
แต่ว่าหลินหยุนก็ไม่อยู่แล้ว
จึงหมดหนทาง เดิมทีคิดจะตามไปที่ทะเลสาบเยว่หยาอีก
แต่ว่าเมื่อได้ยินหวางซูเฟินบอกว่าหลินหยุนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ต้องกลับไปเก็บตัวรักษาบาดแผล จึงได้ล้มเลิกความตั้งใจไป
ไม่สามารถพบหน้าหลินหยุนได้ด้วยตัวเอง จึงกลับไปเมืองหลวงด้วยความเสียดาย
หลังจากนั้นก็คืออีหลีง
ที่ได้รีบเดินทางไปถึงทะเลสาบเยว่หยาโดยมีคาร์นอตวิลเลียมไปเป็นเพื่อนด้วย
แต่ว่าก็ไม่ได้พบหลินหยุนเช่นกัน
หลังจากที่ได้พักอยู่ที่ทะเลสาบเยว่หยาสองวันแล้ว จึงได้แต่จากไป
หลังจากผ่านการสู้รบครั้งนี้แล้ว ทั่วโลกก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินเลยทีเดียว
อเมริกาก็ได้คัดเลือกผู้นำคนใหม่ขึ้นอย่างรวดเร็ว
อีกทั้งได้ยกเลิกความสัมพันธ์ระหว่างพันธมิตรทั้งหมดอย่างสิ้นเชิง
แล้วร่วมมือกับประเทศจีน เพื่อแสดงเจตนาที่จะก่อตั้งสันนิบาตสากลพร้อมกับประเทศจีนด้วย
จากนั้นก็เริ่มเจรจาปรึกษาหารือในเรื่องต่างๆ
อิทธิพลของประเทศจีนที่มีต่อทั่วโลกนั้น ก็ได้เพิ่มขึ้นเป็นร้อยเป็นพันเท่าภายในชั่วข้ามคืน
เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น
ทุกคนต่างก็รู้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างทั้งหลายนี้ ก็ล้วนเป็นเพราะว่า ประเทศจีนได้มีเทพแห่งสงครามที่สยบโลกปรากฏขึ้นมาคนหนึ่ง นั่นก็คือ…….หลินชางฉอง!
หลินชางฉองก็กลายเป็นดวงอาทิตย์ดวงหนึ่ง ที่อยู่ภายในจิตใจของปวงชนชาวจีนทุกคนไปแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังมีผู้คนในพื้นที่ต่างๆ ต่างก็ทยอยกันรวมกลุ่มขึ้นมา เพื่อปั้นรูปปั้นให้กับหลินหยุนอีกด้วย
แต่ว่าในเวลาเดียวกันนี้เอง
โลกบู๊โบราณกลับเกิดเรื่องสั่นสะเทือนครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น
สี่ผู้ตั้งมั่นรักษาของโลกบู๊โบราณได้แก่ เขาคุนชาง เขาหวู่หลิง เขาเอ๋อเหมย และเขาคงตุ้ง
ความจริงแล้ว นั่นก็คือค่ายกลสี่พิทักษ์ ที่ปรมาจารย์เฉินเหลือไว้ให้นั่นเอง
ค่ายกลสี่พิทักษ์ เป็นค่ายกลเฝ้าอารักขาของโลกชาวจีนทั้งหมด
ค่ายกลใหญ่นี้ได้ประทับตราสกัดกั้นทางเดินระหว่างโลกคุนชางและโลกมนุษย์เอาไว้
โลกคุนชาง นั่นเป็นโลกใบเล็กๆของผู้บำเพ็ญเซียนอย่างแท้จริง
พวกเขาจับคนในโลกมนุษย์ของชาวจีนไปเป็นทาส เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ เห็นชีวิตคนเป็นเช่นผักปลา
ตอนนั้นปรมาจารย์เฉินโกรธมาก จึงประทับตราสกัดกั้นทางเดินนั้นไว้ และยังให้สำนักโม่เหมินตั้งมั่นรักษาเส้นทางเดินนั้นไว้
แต่ว่าเป็นเพราะหลินหยุนบุกเข้าไปโลกบู๊โบราณในครั้งนั้น ได้สังหารประมุขเขาคุนชาง
ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ผู้ตั้งมั่นรักษาไปแล้ว
จากนั้นก็เกิดการสู้รบกันถึงสองครั้ง ก็ได้สังหารนักบู๊เกือบครึ่งหนึ่งในโลกบู๊โบราณ ทำให้ตราประทับสกัดกั้นประตูเซียนของค่ายกลนั้นเกิดการสั่นคลอนอย่างรุนแรง จนทำให้เกิดร่องรอยการแตกแยกขึ้นมาบ้างแล้ว
ยังดีที่สำนักโม่เหมินได้ร่วมมือร่วมใจกันพยุงให้ค่ายกลใหญ่นี้ให้มั่นคงไว้ได้ แต่ว่าเป็นเพราะนักบู๊ของโลกบู๊โบราณที่เป็นกำลังสำคัญของค่ายกลสี่พิทักษ์นั้น ได้ถูกหลินหยุนสังหารไปเกือบครึ่งหนึ่งแล้ว
ไม่มีแหล่งพลังแรงมากเพียงพอในการค้ำจุน ค่ายกลนี้ก็ต้องพังทลายลงมาสักวันหนึ่ง
ประธานาธิบดีจีนเพิ่งเสร็จสิ้นจากการประชุมปรึกษาหารือกับอเมริกา แล้วกลับไปยังคฤหาสน์ประธานาธิบดี
ยังไม่ทันที่เขาจะนั่งลงเลย ก็มีเงาร่างชายหนุ่มคนหนึ่งปรากฏอยู่ข้างหลังแล้ว
ประธานาธิบดีหันหลังมองไปยังฝ่ายตรงข้าม แล้วเอ่ยปากถามว่า ท่านเป็นใคร?
สามารถที่จะปรากฏตัวอยู่ข้างหลังของเขายังเงียบๆเช่นนี้ได้ ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร ก็จะต้องไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปอย่างแน่นอน
ชายหนุ่มโค้งตัวเล็กน้อย คำนับประธานาธิบดีจีน แล้วเอ่ยปากพูดเสียงเบาๆว่า ท่านประธานาธิบดีครับ ผมคือโม่เฉินแห่งสำนักโม่เหมิน
ประธานาธิบดีสะดุ้งตกใจ พูดอย่างคาดคิดไม่ถึงว่า คุณเป็นคนของสำนักโม่เหมินเหรอ?
โม่เฉินพยักหน้า ใช่แล้วครับ! ท่านประธานาธิบดี วันนี้ที่ผมมาก็เป็นเพราะมีเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่ง
ประธานาธิบดีพูดว่า เชิญพูดมาได้เลย!
เขารู้ว่าคำร่ำลือในตำนานนั้น เมื่อไรที่สำนักโม่เหมินปรากฏตัวขึ้นมา ก็จะต้องเกิดเรื่องใหญ่โตขึ้นอย่างแน่นอน
โม่เฉินพูดเสียงเบาๆว่า ประธานาธิบดีคงทราบเรื่องที่หลินหยุนได้บุกเข้าไปที่โลกบู๊โบราณเมื่อครั้งก่อนนั้นแล้ว!
ประธานาธิบดีพยักหน้าแล้วพูดว่า ถูกต้อง สำหรับเรื่องนี้ฉันก็ได้รับรู้หมดแล้ว!
โม่เฉินพูดต่อไปว่า สี่ตระกูลใหญ่แห่งโลกบู๊โบราณ เดิมทีได้ตั้งมั่นรักษาค่ายกลที่ประทับตราสกัดกั้นประตูเซียนไว้! นี่ก็เป็นเหตุผลที่ปรมาจารย์เฉินของสำนักโม่เหมินเราทำไมถึงต้องเหลือสี่ตระกูลใหญ่นี้ไว้!
ตอนนี้เพราะว่าหลินหยุนได้เข่นฆ่าตระกูลผู้ตั้งมั่นรักษาของโลกบู๊โบราณไปแล้ว
ทำให้ตราประทับค่ายกลนั้นสั่นคลอนจนหลวมหมดไปแล้ว!
ถ้าหากไม่รีบทำการยึดให้มั่นคงขึ้นใหม่อีกครั้ง และประทับตราสกัดกั้นใหม่ละก็ เกรงว่าอีกไม่นาน ค่ายกลก็จะต้องพังครืนลงมาอย่างแน่นอน
เมื่อถึงเวลานั้นแล้ว…….