จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 112 คำเตือน
บทที่ 112 คำเตือน
อีหลิงตะโกนด้วยความอึดอัดใจ “ตอนแรกฉันไม่ได้คิดอะไรมาก แต่เมื่อน้าพูดแบบนั้น ฉันก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที”
“คุณน้า ต้องโทษคุณน้า!” อีหลิงบ่น
หานกั๋วเฉียงยังมีหลายอย่างที่ยังไม่ได้พูด บางทีอีหลิงกับไอ้หนุ่มคนนั้นไม่มีอะไรจริงๆ แต่ถ้าพัฒนาอย่างนี้ไปเรื่อยๆ มันก็จะมีบางสิ่งเกิดขึ้นในไม่ช้า
บางทีอีหลิงเธออาจจะไม่รู้จักตัวตนของตัวเอง แต่หานกั๋วเฉียงรู้ดี ดังนั้น อีหลิงจะต้องไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับไอ้หนุ่มคนนั้น
นี่คือเหตุผลที่หานกั๋วเฉียงต้องมาหาหลินหยุน
“โอเค เธอโทรเรียกเขาได้!” หานกั๋วเฉียงพูด
อีหลิงจ้องไปที่หานกั๋วเฉียงอย่างสงสัยสักพัก จากนั้นก็ยืนยันอีกครั้ง “คุณน้า คุณหาเขาเพื่อคุยเรื่องทั่วไปจริงๆเหรอ?”
“จริง น้าเคยหลอกเธอเมื่อไหร่!” หานกั๋วเฉียงตอบอย่างใจลอย
อีหลิงเชื่อ น้าคนนี้ของเธอไม่เคยโกหกเธอ
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง หลินหยุนได้รับโทรศัพท์จากอีหลิง ก็ลงมาจากวิลล่าตึกว่างเยว่ และเห็นหานกั๋วเฉียง
อีหลิงดึงหลินหยุนออกไปก่อน โดยสารภาพอย่างเงียบๆ “ขอโทษนะหลินหยุน คุณน้าของฉันต้องการพบนาย และฉันไม่สามารถขวางไว้ได้ ถ้ามันทำให้นายเดือดร้อน ฉันขอโทษจริงๆ!”
“ฉันถามคุณน้าของฉันแล้ว เขาแค่อยากพบนายเท่านั้น และเขาก็สัญญากับฉันไว้แล้ว แต่ว่า ถ้าเขาพูดอะไรที่ล่วงเกินนาย ฉันหวังว่านายอย่าไปใส่ใจ”
“โอเค” หลินหยุนตอบ
เขาเข้าใจจุดประสงค์ที่หานกั๋วเฉียงต้องการพบเขาแล้ว แต่คิดว่าอีหลิงยังไม่รู้ แน่นอน หลินหยุนก็ไม่อยากเปิดเผยเช่นกัน
หลังจากอธิบายเสร็จ อีหลิงก็พาหลินหยุนไปหาหานกั๋วเฉียง
“คุณน้า อย่าลืมคำสัญญาที่ให้ไว้กับฉัน!” อีหลิงข่มขู่
หานกั๋วเฉียงไม่ได้พูด แต่มองไปที่หลินหยุน และพูดอย่างไร้ความรู้สึก “ไอ้หนุ่ม มากับฉัน!”
หลินหยุนยังคงเงียบกริบ และเดินตามหานกั๋วเฉียงไปที่ด้านข้างของทะเลสาบเยว่หยา
หานกั๋วเฉียงเอามือไขว่หลัง และมองทะเลสาบที่มีแสงเปล่งประกาย ชายชราผู้นี้ยืนอยู่ด้านหลังที่ไกลออกไป หลินหยุนรู้สึกได้ว่า เขาเป็นคนที่มีทักษะติดตัวมาแต่กำเนิดโดยไม่ต้องฝึกฝน
หานกั๋วเฉียงพูด ด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมกับท่าทีของผู้มีอิทธิพลที่บ้าอำนาจ “ไอ้หนุ่ม นายคิดอย่างไรกับทะเลสาบเยว่หยานี้?”
หลินหยุนมองทะเลสาบที่ส่องประกาย ลมกระโชกพัดผ่านไป และพื้นผิวของทะเลสาบก็เป็นคลื่นไปมา ความเย็นก็พัดเข้ามา
“สวยงามมาก” หลินหยุนพูดเบาๆ
หานกั๋วเฉียงหันหัวกลับมา ดวงตาที่คมลึกจ้องไปที่หลินหยุน โดยไม่มีความโกรธแต่มีอำนาจ “ใช่ ทะเลสาบเยว่หยาเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในหลินโจว และแน่นอนมีความสวยงามมาก”
“อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับทะเลแล้ว ทะเลสาบเยว่หยาดูเล็กมากถ้าไปเทียบกับมหาสมุทร ซึ่งมีขนาดเล็กมากจนสามารถมองข้ามไปได้”
“นายคิดว่ามันสวย เพราะว่านายไม่เคยได้เห็นทะเล!”
มองไปที่ดวงตาของหานกั๋วเฉียง โดยไม่มีความกลัวแม้แต่น้อย “คุณมีอะไรจะพูด คุณก็พูดมาตามตรง ผมไม่ชอบทายปริศนา
หานกั๋วเฉียงยิ้มเยาะเย้ย “คนหนุ่มสาว ช่างใจร้อนจริงๆ!”
ฉันต้องการให้นายออกไปจากชีวิตอีหลิง และไม่ต้องพบกันอีก” เสียงที่หนักแน่นของหานกั๋วเฉียง พร้อมกับน้ำเสียงสั่งการ ซึ่งทำให้ผู้คนไม่สามารถปฏิเสธได้
หลินหยุนพูดเบาๆ “บางทีคุณไม่จำเป็นต้องกังวลเลย อีหลิงกับผมเป็นแค่เพื่อนร่วมชั้น และผมก็ถือว่าเธอเป็นเหมือนน้องสาว”
หานกั๋วเฉียงจ้องไปที่หลินหยุน มีความรู้สึกเหมือนบังคับ “นายปฏิบัติกับเธอเหมือนน้องสาว แต่เธออาจไม่ปฏิบัติต่อนายในฐานะพี่ชาย ทัศนคติของเธอที่มีต่อนาย เป็นเรื่องที่อันตรายมาก บางทีเธออาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ แต่ในอนาคตล่ะ? ในช่วงหลายปีมานี้ นายเป็นผู้ชายคนแรกที่ได้ใกล้เธอชิดกับเธอมาก”
“เรื่องที่อันตรายเช่นนี้ ฉันต้องถอนรากถอนโคนออกไป”
หลินหยุนมองไปที่หานกั๋วเฉียง และถามว่า “ทำไมถึงต้องการกำจัด? แม้ว่าอีหลิงจะชอบผม แล้วจะทำไม?”
หานกั๋วเฉียงจ้องไปที่หลินหยุน แสดงความดูหมิ่น และพูดทีละคำ “เพราะ นาย ไม่ คู่ควร!”
“นายคิดว่านายมีทรัพย์สินไม่กี่ร้อยล้าน และรู้จักหยุนจินไซ ก็คิดว่าตัวเองยอดเยี่ยม และมีค่าพอที่จะเทียบกับอีหลิงเหรอ?”
“ฉันขอบอกนายอย่างชัดเจน เงินทุนแค่นี้ของนาย ในสายตาของฉัน ไม่คุ้มค่าที่จะกล่าวถึง นับประสาอะไรกับพ่อแม่ของหลิงเอ๋อ นายไม่รู้ว่าภูมิหลังครอบครัวของหลิงเอ๋อน่ากลัวเพียงใด”
“แต่ว่าฉันสามารถเปิดเผยให้นายเล็กน้อย ปู่ของหลิงเอ๋อ แม้ว่าจะเป็นควีนจินผู้ซึ่งอยู่เบื้องหลังหยุนจินไซเห็นก็ต้องคำนับเขา”
หลินหยุนยังคงไม่สะทกสะท้าน ยังคงมีใบหน้าเรียบเฉย และถามว่า “ในความคิดของคุณ คนแบบไหนที่คู่ควรกับอีหลิง?”
หานกั๋วเฉียงเงยหน้าขึ้นและมองไปในระยะไกล และพูดว่า “มหาเศรษฐีอันดับหนึ่ง ความมั่งคั่งชนิดที่สามารถเทียบเคียงได้เท่ากับประเทศ อันดับสองคืออำนาจ อย่างน้อยก็คือลูกชายของผู้กุมอำนาจทหารที่ใหญ่ที่สุด”
“ทั้งสองอย่าง ถ้าสามารถมีอย่างหนึ่งก็พอ แต่น่าเสียดาย ที่นายไม่มีสักอย่าง!”
ทันใดนั้นหลินหยุนก็ยิ้ม ด้วยรอยยิ้มแปลกๆ
“นายหัวเราะอะไร?” หานกั๋วเฉียงตะคอกอย่างเย็นชา เขาเห็นรอยยิ้มของหลินหยุน เต็มไปด้วยความแดกดัน
หลินหยุนรีบหุบยิ้ม และพูดเบาๆ “ผมหัวเราะในความคิดตื้นๆของคุณ หัวเราะกับความไร้สมองของคุณ หัวเราะความไม่รู้เท่าทันของคุณ”
“ความมั่งคั่งและอำนาจในความคิดของคุณ ในความคิดของฉัน มันไร้ค่า ถ้าฉันต้องการ แค่โบกมือก็มา”
“ยิ่งไปกว่านั้นแม้ว่ามันจะมีอำนาจมหาศาล ร่ำรวยเท่าประเทศ แต่สำหรับฉัน มันก็พังทำลายได้ด้วยกระบี่เดียว”
สิ่งที่หลินหยุนกำลังพูดเป็นความจริง แต่ว่า ในสายตาของหานกั๋วเฉียง มันเป็นเรื่องขี้โม้และไร้สาระ
หานกั๋วเฉียงโกรธมาก ชี้ไปที่หลินหยุนและตะโกนว่า “ไอ้หนุ่ม ตอนแรกฉันคิดว่านายเป็นแค่ชายหนุ่มนิสัยเหลาะแหละ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่านายไม่ได้เหลาะแหละ แต่เป็นคนหยิ่งผยอง ไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตา!”
“โบกมือก็มาแล้ว? นายลองโบกมือให้ฉันดูหน่อยสิ!”
“มันก็พังทำลายได้ด้วยกระบี่เดียว? หึม ลุงฉิน รบกวนคุณมาหน่อย!” หานกั๋วเฉียงตะโกนบอกชายชรา
ชายชราเดินไปอย่างรวดเร็ว ก้มตัวลง และถามด้วยความเคารพ “คุณหาน มีคำสั่งอะไร?”
หานกั๋วเฉียงสุภาพกับชายชราคนนี้ มีน้ำเสียงที่อ่อนโยน “รบกวนทำให้ไอ้หนุ่มคนนี้ได้เห็นเป็นบุญตา แบบไหนที่เรียกว่าปรมาจารย์ตัวจริง! อย่าคิดว่ารู้วิชากังฟูเพียงเล็กน้อย ก็คิดว่าไม่มีใครสามารถเอาชนะตัวเองได้ ถ้าพูดออกไปจะทำให้คนอื่นหัวเราะจนฟังร่วงได้!”
ลุงฉินมองไปที่หลินหยุน และพูดด้วยรอยยิ้ม “คนหนุ่มสาวไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป ความอ่อนน้อมถ่อมตนเท่านั้นที่จะทำให้ก้าวหน้าได้”
น้ำเสียงของเขาอ่อนโยน แต่ส่วนลึกแฝงด้วยความดูหมิ่น
หลังจากพูดจบ รูปร่างที่หลังค่อมนี้ทันใดนั้นก็พุ่งออกไปเหมือนเสือดาว และต่อยหมัดลงบนต้นไม้ที่อยู่ไม่ไกล
ความเร็วของลุงฉิน เร็วไม่เหมือนมนุษย์ และต้นไม้ที่ใหญ่เท่าต้นขา ถูกเขาต่อยจนหัก และล้มลงมาเสียงดัง
“ลำบากลุงฉินจริงๆ!” หานกั๋วเฉียงยิ้มเล็กน้อย
“ไม่ลำบาก” ลุงฉินตอบ และจับเอวทำท่าหลังค่อม กลับไปยืนเงียบๆในระยะไกล
“หานกั๋วเฉียงมองหลินหยุนและหัวเราะเยาะ “เห็นหรือยัง? นายสามารถชกต่อยลูกน้องเติ้งเจียหลุนจนล้ม แต่เมื่อเทียบกับลุงฉินล่ะ?”
หลินหยุนไม่พูดอะไร นักบู๊พรสวรรค์คนหนึ่ง มันหาที่เปรียบไม่ได้โดยสิ้นเชิง!
หานกั๋วเฉียงพูดด้วยสีหน้าดูหมิ่น “ดังนั้นฉันขอบอกนาย แม้ลุงฉินจะเก่งกาจ แต่นักบู๊ที่เก่งกาจเช่นนี้ยังมีอีกมาก แน่นอน ยังมีที่เก่งกาจกว่าเขาอีก”
“อยู่ต่อหน้าพวกเขา ความสามารถของนายแค่นั้นมีประโยชน์อะไร? ผู้ไม่มีประสบการณ์ในสังคม ไม่มีวันรู้ว่าโลกภายนอกนั้นมันกว้างใหญ่ขนาดไหน!”
ใบหน้าของหลินหยุนยังคงเรียบเฉย ไม่มีความเศร้าโศกหรือมีความสุข และดูเหมือนว่าเขาจะไม่ใส่ใจกับคำพูดของหานกั๋วเฉียง
เมื่อเห็นท่าทีเฉยเมยของหลินหยุน หานกั๋วเฉียงก็เกิดความโกรธขึ้นในใจ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่มีอะไรเลย แต่ยังเสแสร้งทำเป็นคนที่รอบรู้เชี่ยวชาญทุกด้าน
ถ้าไม่ใช่ว่าสัญญากับอีหลิงไว้จะไม่ทำให้ไอ้หนุ่มคนนี้ลำบากใจ หานกั๋วเฉียงคงหาคนมาสั่งสอนเขาแล้ว
“สิ่งที่ควรพูดฉันก็พูดหมดแล้ว เชื่อไม่เชื่อแล้วแต่นาย แต่ถ้าในอนาคตนายเสียชีวิต อย่าโทษฉันที่ไม่เตือนนาย!” หานกั๋วเฉียงตะคอก สะบัดมือจากไป