จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 1125 ขึ้นเขาคุนชางอีกครั้ง
หลินหยุนยืนอยู่ในอากาศ ผมยาวของเขาลอยล่องทั้งๆที่ไร้กระแสลมพัด
ท่าทางของเขาราวกับไม่ได้รับอันตรายใดๆเลยสักนิด
นี่คือเรื่องน่าเหลือเชื่อที่สุดสำหรับเจียงยี่!
พันธนาการมังกรน้ำของเขาถือเป็นกระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดในคาถามังกรน้ำแล้ว
มีผลในการสยบศัตรูได้อย่างเหนือชั้นไร้ใครเทียบ!
แต่สิ่งที่ยากและมีค่าที่สุดก็คือถึงแม้จะเป็นกระบวนท่าตั้งรับ แต่มันก็แฝงแนวรุกที่แข็งแกร่งเอาไว้ด้วย!
เมื่อถูกมังกรน้ำกลืนเข้าไปในร่างกาย มันจะกินพลังทิพย์ของคู่ต่อสู้อย่างต่อเนื่อง
และใช้เวลาเพียงไม่นาน พลังทิพย์ก็จะถูกกลืนกินจนหมด และไม่มีพลังให้ต่อสู้อีก!
ดังนั้น กระบวนท่านี้จึงเรียกได้ว่าเป็นเคล็ดวิชาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเจียงยี่
ตอนที่เขาอยู่ในประตูเซียน เขาไม่รู้ว่าใช่กระบวนท่านี้ฆ่าคนไปแล้วตั้งมากมายเท่าไหร่!
มู่หงก็ตกใจเหมือนกัน!
ในฐานะเพื่อนสนิทของเจียงยี่ เขาย่อมรู้ดีกว่าใครถึงพลังอันแข็งแกร่งของกระบวนท่านี้!
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมบางครั้งเจียงยี่ที่ดูออกจะบ้าอำนาจอยู่บ้าง แต่เขากลับไม่เก็บมาคิดอะไรมาก
นั่นเพราะว่าเขากลัวกระบวนท่านี้ของเจียงยี่
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้หลินหยุนที่ไม่ได้เข้าสู่แม้แต่ขั้นยาทอง กลับทำลายกระบวนท่าไม้ตายของเจียงยี่ไปแล้ว!
นี่ทำให้มู่หงไร้หนทางจะเข้าใจได้อย่างยิ่ง
หลินชางฉอง มีฝีมืออยู่บ้างนี่!
เจียงยี่ลืมตากว้างและพูดอีกครั้ง นายไม่ได้เป็นแม้แต่ขั้นยาทอง! เป็นไปไม่ได้ที่จะทำลายพันธนาการมังกรน้ำของฉัน! นี่เกิดอะไรขึ้น?
จนกระทั่งตอนนี้ เขาก็ยังยากที่จะเชื่อ!
หลินหยุนยืนอยู่อากาศและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา อาศัยขยะที่พวกนายรวมขึ้นมา ยังกล้าเรียกว่ายาทอง! ไม่รู้ว่าใครให้ความกล้านี้กับนาย!
ร่างกายของหลินหยุนวาบผ่านไปจากนั้นในมือของเขาก็ถือดาบเฮ่าเทียนอยู่
แม้ฉันจะไม่ได้เข้าสู่แดนยาทอง แต่ว่า หากฉันต้องการ ฉันก็สามารถเข้าสู่แดนยาทองได้
ฆ่าพวกนาย พลังในตอนนี้ก็เพียงพอแล้ว!
ข้ามีหนึ่งกระบี่ที่ทลายนภาได้!
เมื่อเสียงจบลง ร่างของเขาก็หายไปในทันใด
ในเวลาเดียวกันก็เกิดเป็นลมเคลื่อนเมฆคล้อยไปมาระหว่างฟ้าดิน เมฆดำอันกว้างใหญ่ได้รวมตัวกันปกคลุมแผ่นดินจนน่าตื่นตะลึงหวาดกลัว
จากนั้น เงาร่างมนุษย์ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นมาท่ามกลางอากาศ
เงาจำแลงนั้นมีดาบขนาดใหญ่อยู่ในมือ ราวกับว่าสามารถทำลายโลกได้ทุกเมื่อ
ทันใดนั้น เงาจำแลงก็เปิดฉากขึ้น ดาบขนาดใหญ่ในมือของเขาแทงออกไปในทันทีอย่างไม่รีรอ
เจียงยี่และมู่หงรับรู้ได้ถึงความหวาดกลัวที่ผุดขึ้นมาจากส่วนลึกของจิตวิญญาณของพวกเขา!
พวกเขาแทบจะไม่อยากเชื่อในพลังอันแกร่งกล้าและไร้เทียมทานนี้
แต่ในเวลานี้ ไม่มีเวลาให้พวกเขาได้คิดอีกต่อไป
เจียงยี่ที่ถูกพลังสะท้อนกลับหลังจากมังกรน้ำของเขาแตกสลาย พลังทิพย์ในร่างของเขายังคงพลุ่งพล่านไม่หยุด
มู่หงทำได้แค่เคลื่อนตัวก้าวถอยออกมาอย่างรวดเร็ว!
จากนั้นก็ตะโกนเสียงเคร่งว่า หุ่นจำลองปรากฏ!
สิ้นเสียงลง เถาวัลย์จำนวนนับไม่ถ้วนก็งอกขึ้นจากพื้นดิน จากนั้นก็พัวพันเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว และแทบจะในชั่วพริบตา พวกมันกลายเป็นหุ่นจำลองขนาดมหึมา!
หุ่นจำลองนี้สูงเป็นพันเมตร
มือหนึ่งถือค้อนขนาดใหญ่ อีกมือหนึ่งถือโล่ขนาดใหญ่เหนือใครเทียบ
เมื่อเผชิญหน้ากับกระบี่ที่น่าตื่นตะลึงของหลินหยุน หุ่นจำลองก็ยกโล่ขึ้นทันทีและป้องกันมู่หงและเจียงยี่เอาไว้
แต่ชี่กระบี่ของดาบทะลุสวรรค์นั้นไร้ที่สิ้นสุด ด้วยพลังอันน่าเกรงขามของทลายนภา พริบตามันก็ทำลายหุ่นจำลองสูงพันเมตรไปในทันที
ไม่เพียงแค่นั้น แม้แต่มู่หงและเจียงยี่ก็กระเด็นออกไปอีกครั้ง
เลือดของทั้งสองกระอักออกมาและได้รับบาดเจ็บสาหัสในทันที
เจียงยี่ตะโกนอย่างรวดเร็ว น้องมู่ หนี!
พูดจบ ร่างของเขาก็กลายเป็นลำแสงและตรงไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
มู่หงเองก็ตะลึงงันไปและรีบวาบหายหลบลงไปที่พื้น
เมื่อหลินหยุนใช้ดวงจิตกวาดดู ก็ไม่พบกลิ่นอายของคนทั้งสองแล้ว
เขาแค่นเสียงออกมาอย่างเย็นชา จากนั้นก็ลอยลงไปยังเบื้องล่าง
พริบตาเขาก็วาบผ่านมายังในถ้ำของเจียงยี่
เมื่อเห็นว่าแม่ของตนหวางซูเฟินและฉินหลันล้วนไม่เป็นไร ในใจของเขาก็ค่อยผ่อนคลายลงในที่สุด
น้ำตาตื้นตันของหวางซูเฟินรื้นขึ้นมาจนเปียกปอนทันที เธอรีบตรงไปที่อ้อมอกของหลินหยุน!
ฉินหลันเองก็ไม่มีข้อยกเว้น!
คราวที่แล้วที่สหรัฐอเมริกาก็เป็นแบบนี้ ไม่คิดว่ากลับมาจีนที่ตนนึกไปว่าจะปลอดภัย กลับยังต้องเป็นอย่างนี้อีก
ประสบการณ์ที่คล้ายคลึงกันสองครั้งติดต่อกัน ทำให้เธอปลดปล่อยหัวใจของตนออกมา
ในใจของเธอมีความรักให้กับหลินหยุน
และเธอเองก็รู้สึกได้ว่าหลินหยุนเองก็เป็นเช่นเดียวกับเธอ
อย่างไรก็ตาม ในใจของหลินหยุนยังคล้ายมีความกังวลอะไรอยู่
ดังนั้นทั้งสองคนจึงดูเหมือนจะมีเข้าใจไปโดยปริยายและไม่ก้าวเดินต่อไปอีกขั้น
แต่ในตอนนี้ ฉินหลันไม่ได้คิดอะไรพวกนี้อีกเลย!
เธอไม่คำนึงว่าหวางซูเฟินยังคงอยู่ และรีบพุ่งเข้าไปในอ้อมแขนของหลินหยุน!
หวางซู่เฟินเอ่ยร้องไห้ เสี่ยวหยุน ในที่สุดลูกก็มาแล้ว!
หลินหยุนกอดแม่ของเขาและฉินหลัน แต่ความโกรธของเขากลับเพิ่มขึ้นอย่างไม่ลดละ
เขาปล่อยลมหายใจยาวที่ขุ่นมัวออกมาและพูดอย่างอ่อนโยนว่า แม่ พี่ฉินหลัน ไม่เป็นไรแล้ว ผมฉันได้ยินว่าอีหลิงเองก็ถูกขังอยู่ที่นี่ด้วย ผมจะไปช่วยพวกเธอก่อน พวกเราไปจากที่นี่แล้วค่อยว่ากัน
หลังจากตบปลอบแม่ของตนเบาๆ ทั้งสามก็เดินออกจากถ้ำไปด้วยกัน
หลินหยุนหยุดไปชั่วครู่ จากนั้นร่างของเขาก็วาบขึ้นอีกครั้งและปรากฏตัวในถ้ำของมู่หง
ในขณะนี้อีหลิงและนิ่งโย่วหรงแม้จะไม่สามารถพูดได้ แต่เมื่อเห็นหลินหยุนปรากฏตัวขึ้น น้ำตาของผู้หญิงทั้งสองก็ไหลออกมาในทันที
หลินหยุนโบกมือเพื่อสลายการมัดบนตัวของหญิงสาวทั้งสอง
หลินหยุน ฉันคิดว่าชาตินี้จะไม่มีวันได้พบคุณอีกแล้ว! อีหลิงวิ่งไปหาหลินหยุนทั้งน้ำตาและพุ่งเข้าไปในอ้อมแขนของหลินหยุน
หลินหยุนเอ่ยอย่างอ่อนโยน ไม่ต้องกลัว ไม่เป็นไรแล้ว ฉันจะพาพวกเธอออกไปจากที่นี่!
พูดจบ เขาก็หันหลังเดินออกไปนอกถ้ำ
ทันทีที่เขาออกมา โม่เฉินก็พาท่านหงมาถึงแล้วเช่นกัน
ในขณะนี้ เขาเก้ามังกรกำลังตกอยู่ในความยุ่งเหยิงอย่างสมบูรณ์ เนื่องจากการหลบหนีความพ่ายแพ้ของเจ้าสำนักทั้งสอง
ผู้คนในสำนัก รวมทั้งหวางเจ๋อที่เห็นว่าเรื่องเริ่มเลวร้าย ก็กลายเป็นฝูงนกแตกรังทันที
ดังนั้นจึงย่อมไม่มีใครมาหยุดโม่เฉินและท่านหงไม่ให้ขึ้นไปบนภูเขาอีก
ยิ่งไปกว่านั้น มีโม่เฉินอยู่ด้วย ถึงอยากจะหยุดก็หยุดไม่ได้
เมื่อเห็นโม่เฉินและท่านหง หลินหยุนก็รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง
โม่เฉินประสานมือคำนับให้หลินหยุนและเอ่ย คุณหลินหยุน พวกเราพบกันอีกแล้ว!
หลินหยุนพยักหน้าและเอ่ยเสียงเรียบ ทั้งสองท่านมาพร้อมกันแบบนี้ เป็นเรื่องที่ฉันคาดไม่ถึงอยู่บ้าง!
โม่เฉินเหลือบมองท่านดง จากนั้นก็รีบเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างที่หลินหยุนเก็บตัวออกมาทั้งหมด
รวมไปถึงที่มาของเจ้าสำนักฉีเทียนทั้งสองคนนั้น และการเสื่อมคลายของผนึกค่ายกลสี่พิทักษ์ด้วย
และเรื่องของหญิงสาวลึกลับในชุดดำกับชายชราที่พยายามฝืนใช้กำลังฝ่าค่ายกลสี่พิทักษ์
ยิ่งหลินหยุนฟังมากเท่าไหร่ ใบหน้าของเขาก็ยิ่งมืดมนมากขึ้นเท่านั้น
ดังนั้นตอนนี้ ค่ายกลสี่พิทักษ์สามารถทนต่อไปได้อีกไม่นานแล้ว อีกทั้งยังมีรอยแยกปรากฏขึ้นมา?
โม่เฉินพยักหน้าแล้วเอ่ย มองจากสถานการณ์ปัจจุบัน เป็นอย่างนั้นจริงๆ ดังนั้นแผนการในตอนนี้คือการทำให้ค่ายกลกลับมามีเสถียรภาพอีกครั้ง!
หลินหยุนพยักหน้าและเอ่ยขึ้น อย่างนั้นฉันจะไปที่เขาคุนชางกับนาย!
พูดไป เขาก็มองไปที่ท่านหงและพูดว่า ท่านหง ที่นี่ฝากคุณด้วยแล้ว!
ท่านหงพยักหน้า ไม่ต้องห่วงเจ้าหนุ่ม ฉันจะจัดการทั้งหมดอย่างดี! แต่เราจะต้องพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อทำให้ค่ายกลมีความเสถียร มิฉะนั้นผลที่ตามมานั้นเกินกว่าจะจินตนาการได้!
หลินหยุนไม่ได้พูดอะไรอีก หลังจากทักทายแม่ของเขา ฉินหลัน รวมถึงพวกอีหลิง เขาก็ออกจากภูเขาเก้ามังกรไปพร้อมกับโม่เฉิน
เขาคุนชาง
ในฐานะตระกูลผู้พิทักษ์ ตอนนี้ตระกูลหวางไม่มีสัญญาณการมีอยู่ใดๆแล้ว
หลินหยุนกลับมาอีกครั้งพร้อมกับโม่เฉิน และไม่พบคนในตระกูลหวางเลยสักคน
โม่เฉินถอนหายใจและกล่าวว่า มีคนไม่น้อยคิดว่า การเปิดประตูเซียนบางทีอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า! บวกกับการปรากฏตัวของหญิงลึกลับในชุดดำแล้ว ก็ไม่น่าแปลกใจที่พวกเขาเลือกจะจากไป