จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 1129 เข้าสู่เขาคุนชาง
ในไม่ช้า ค่ายกลก็เสถียรอย่างสมบูรณ์ และรอยแยกที่หน้าของหลินหยุนก็ปิดสนิทลงแล้ว
ถ้าเขาไม่ได้เตรียมการล่วงหน้า และวางค่ายกลเคลื่อนย้ายเอาไว้ ตอนนี้เกรงว่าเขาคงจะไม่มีทางเข้าไปได้แล้วจริงๆ!
หลินหยุนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมาและโทรหาแม่ของตน เพื่อบอกว่าเขาจะต้องเก็บตัวต่ออีกระยะเวลาหนึ่ง
หลังวางสายจากแม่ เขาก็บอกซูจื่อเหลียงและซูหนันให้เฝ้าอยู่ที่ทะเลเย่วหยา ขณะเดียวกันก็ให้เฝ้าดูสถานการณ์ด้านแม่ของเขาอยู่ตลอดด้วย
ตนอาจจะไม่ได้กลับมาเป็นเวลานาน
หลังจากทุกอย่างถูกจัดการแล้วเรียบร้อย หลินหยุนก็เก็บโทรศัพท์ เขาหายวาบเข้าไปในค่ายกลเคลื่อนย้ายนั้น
ในไม่ช้า ช่องว่างนั้นก็เกิดความผันผวนอย่างรุนแรง
แต่หลังจากนั้นไม่นาน มันก็กลับคืนสู่ความสงบอย่างรวดเร็ว
ทั่วทั้งหุบเขาไร้เงาของหลินหยุนอีกต่อไป
วินาทีถัดมา
หลินหยุนก็ปรากฏตัวในโลกที่แปลกประหลาด
โลกคุนชาง หน้าผา
ทันทีที่หลินหยุนปรากฏตัว เขาก็รู้สึกถึงพลังอันยิ่งใหญ่ในอากาศ
แน่นอนว่า พลังอันยิ่งใหญ่นี้เป็นการเปรียบกับโลกภายนอก
และหากเทียบกับโลกแห่งการบำเพ็ญ พลังทิพย์นี้ยังคงเบาบางอย่างมาก และหากจะเรียกว่า ดินแดนที่แห้งแล้ง ก็คงไม่มากเกินไป!
แต่นี่ก็ยังทำให้หลินหยุนประหลาดใจ
อย่างน้อยๆความเข้มข้นของพลังทิพย์ที่นี่ ก็ยังดีกว่าที่ทะเลสาบเยว่หยา
ดวงตาของหลินหยุนราวกับไฟฟ้าที่สแกนไปทุกทิศทาง
นี่คือหน้าผาที่สูงชันมากแห่งหนึ่ง
คนธรรมดาหมดโอกาสที่จะมาที่นี่ได้ อีกทั้งผู้ฝึกตนบางคนก็เกรงว่าไม่มาที่แห่งนี้เหมือนกัน!
ไม่รู้ว่าทำไมมู่หงและเจียงยี่ถึงได้มาที่นี่และพบรอยแยกที่นำไปสู่โลกภายนอก
อย่างไรก็ตาม ไม่ช้าหลินหยุนก็พบเบาะแส
ที่ด้านล่างของหน้าผา มีกลิ่นอายที่ผันผวนอย่างรุนแรงอยู่
จนดูคล้ายกับมีสัตว์อสูรที่ทรงพลังมีอยู่
หลินหยุนสัมผัสถึงมันอยู่ชั่วขณะหนึ่ง และเมื่อเขาคิดจะลงไปที่ด้านล่างของหน้าผาเพื่อค้นหาคำตอบ กลิ่นอายทั้งสามสายก็พุ่งจากทางทิศเหนือมายังทางที่เขาอยู่
ร่างกายของหลินหยุนไหววาบและหายวับไปในอากาศ
ไม่นาน ชายสองคนและผู้หญิงหนึ่งคนก็มาถึงขอบหน้าผา
ในเวลานี้ ชายสองคนที่อยู่ด้วยกันมองมาที่ผู้หญิงคนนั้นด้วยใบหน้าตื่นตัวทันที
ผู้หญิงคนนั้นเป็นหญิงชราอายุประมาณ 60 หรือ 70 ปี และก็กำลังขมวดคิ้วเช่นกัน
เมื่อมองไปที่ชายชรา หญิงชราก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า หวงเซิ่ง ตาเฒ่าอย่างนายมาทำอะไรที่หน้าผานี้?
ชายชราที่ถูกเรียกว่าหวงเซิ่ง หัวเราะหึหึและพูดว่า ยายเฒ่าสิบเยว่ เธอเองก็มาที่นี่ด้วย? หรือว่าที่หน้าผานี้มีแค่เธอเท่านั้นที่มาได้ ฉันมาไม่ได้งั้นหรือ?
ยายเฒ่าสิบเยว่ คนนั้นขมวดคิ้วอีกครั้งและพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น ดูเหมือนว่านายจะพบเจียวร้ายตัวนี้แล้ว ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็มีแค่สองทางเลือก!
ข้อแรก นายและฉันตัดสินผลแพ้ชนะกันก่อน! ผู้ชนะจะได้รับเจียวร้ายไป
ข้อสอง นายกับฉัน่วมมือกัน! แล้วค่อยตัดสินแพ้ชนะหลังจากฆ่าเจียวร้าย!
หวงเซิ่งกล่าวด้วยรอยยิ้มจาง ๆ เจียวร้ายตัวนั้นยังไม่ขึ้นสู่ขั้นรวมยา เธอกับฉันทำไมต้องร่วมมือกัน! ต่อสู้กันโดยตรงไปเลยเถอะ! คนแพ่ต้องจากไป และอย่าพูดพร่ำอีก!
ยายเฒ่าสิบเยว่ พูดอย่างเย็นชาว่า ได้ อย่างนั้นก็ตามที่นายต้องการ!
เมื่อเสียงสิ้นสุดลง ก็ลงมือทันที
แม้ว่าฝ่ายนี้จะร่างเล็กและอ่อนแอ อีกทั้งยังแต่งกายไม่ประณีตมากนัก ราวกับหญิงชราชาวนาผู้หนึ่ง
แต่เมื่อลงมือกลับมีพลังที่ทรงพลังจนทำให้คนใจสั่น
ชายชราชื่อหวงเซิ่งเองก็ไม่ลังเลเช่นกัน เขาสะบัดเชือกสีดำเส้นหนึ่งออกมาอย่างไม่รีบร้อน จากนั้นก็โยนมันใส่หญิงชราในทันที
เชือกนั้นจะต้องเป็นของวิเศษที่น่ากลัวชิ้นหนึ่งอย่างแน่นอน
หลังจากที่หวงเซิ่งขว้างออกไปมันก็พกพาพลังที่น่าหวาดกลัวสุดขีดไปด้วยและกวาดเข้าใส่หญิงชรา
หญิงชราตกใจหน้าถอดสีทันที
พระจันทร์มืด!
หญิงชราตะโกน และทันใดนั้นเอง โลกทั้งใบก็มืดมิด] ’
ดวงจันทร์จำลองดวงหนึ่งปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า
ชั่วขณะนั้น อุณหภูมิของโลกทั้งใบลดลงอย่างรวดเร็วและเปลี่ยนเป็นหนาวเหน็บอย่างมาก
จากนั้นดวงจันทร์จำลองนั้นก็ระเบิดม่านแสงสีดำที่น่าตกใจออกมาและตกลงมาราวกับเกล็ดหิมะ
เกล็ดหิมะเหล่านี้ดูเหมือนจะเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้า แต่แต่ละอันกลับมีพลังที่น่ากลัว
ใบหน้าของหวงเซิ่งเองก็ยิ้มเช่นกัน เชือกของวิเศษอันนี้เองก็ได้ระเบิดแสงบริสุทธิ์ที่แข็งแกร่งกว่าเดิมออกมา
ทำลายมัน!
หวงเซิ่งคำราม จากนั้นโลกทั้งใบที่ถูกปกคลุมไปด้วยความมืดก็แตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ดวงจันทร์จำลองที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าระเบิดออกมา
ในเวลาเดียวกัน เชือกสีดำก็สะบัดเข้าใส่ตัวของหญิงชรา
พรูด
หญิงชราร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด จากนั้นก็กระอักเลือดออกมาเต็มปากและกระเด็นกลับออกไป
หวงเซิ่ง เจียวร้ายตัวนั้นเป็นของนาย! แต่ว่านายจงรอให้ดีเถอะ แค้นในวันนี้ ฉันต้องตามคิดบัญชีแน่!
หลังจากอาศัยแรงถอยกลับ หญิงชราก็หนีไปอย่างบ้าคลั่ง
ในอากาศ หวงเซิ่งเก็บเชือกวิเศษกลับมาและไม่ไล่ตามไป
แต่หลินหยุนซึ่งซ่อนอยู่ในความมืดเวลานี้ในใจกลับมีคลื่นลูกก่อขึ้น
พระจันทร์มืด…
นั่นคือเคล็ดวิชาที่เย่เยว่ชื่นชอบมากที่สุดในตอนนั้น
หญิงชราผู้นี้แสดงมันออกมา จะให้หลินหยุนไม่ตกใจได้อย่างไร?
มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวก็คือ เย่เยว่ไม่เพียงแต่ทิ้งร่องรอยไว้ภายนอก แต่ยังเคล็ดวิชาสืบทอดเอาไว้ในโลกคุนชางนี้ด้วย
ส่วนหากจะบอกว่ามีคนบังคับเย่เยว่ให้ส่งมอบเคล็ดวิชาออกมา นั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้!
หญิงชราคนนี้ จะต้องมีความสัมพันธ์อะไรกับเย่เยว่แน่
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ในใจของหลินหยุนก็เกิดระลอกคลื่นที่ไม่มีที่สิ้นสุด ร่างของเขาหายวาบไปและไล่ตรงไปยังทิศทางการหลบหนีของหญิงชรา
พลังในแดนรวมยาของหญิงชรา นั้นทำให้การหลบหนีอย่างบ้าคลั่งของเธอเป็นไปอย่างรวดเร็วจริงๆ
อย่างไรก็ตามมันย่อมไม่อาจสลัดหลินหยุนทิ้งได้
ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา ในหุบเขาร้างแห่งหนึ่ง หญิงชราก็หยุดลงในที่สุด
หลังจากนั่งลงข้างหินก้อนใหญ่ เธอก็กลืนยาสองสามเม็ดและเริ่มรักษาอาการบาดเจ็บ
หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง หลินหยุนก็เปลี่ยนชุดคลุม ธรรมดาๆไม่เก่าไม่ใหม่ จากนั้นก็เดินไปหาหญิงชราด้วยท่าทางที่ดูสบายๆ
แม้ว่าหญิงชรากำลังรักษาตัวอยู่ แต่เธอก็ตื่นตัวอย่างยิ่ง
เมื่อพบหลินหยุน เธอก็หายตัววาบมาตรงหน้าเขาทันที และพูดอย่างเย็นชาว่า เจ้าหนุ่ม นายเป็นใคร?
กลิ่นอายที่แสดงออกมาของหลินหยุน ทำให้หญิงชราตกใจหน้าซีดและรีบคิดจะหนีไปต่อ
แต่หลินหยุนไหนเลยจะเปิดโอกาสให้เธอ เขาหายตัวมาขวางหน้าหญิงชราเอาไว้
ทันใดนั้นใบหน้าของหญิงชราก็ดูน่าเกลียดอย่างยิ่ง
หลินหยุนหันไปมองหญิงชราและพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น ผมมีคำถามอยากถามคุณสองสามข้อ คุณโปรดตอบมาตามจริง!
หญิงชราได้ยินก็พยักหน้าด้วยความหวาดกลัวอย่างไม่รู้ตัว
หลินหยุนเอ่ย ทำไมคุณถึงรู้วิชาพระจันทร์มืด เคยฝึกมาจากที่ไหน?
หญิงชราตกตะลึง เห็นได้ชัดว่าเธอไม่คาดคิดมาก่อนว่าชายหนุ่มที่มองไม่เห็นตื้นลึกหนาบางตรงหน้าตนจะถามคำถามนี้กับเธอ
ส่วนเหตุที่อีกฝ่ายถามเช่นนี้ นั่นก็เพราะอีกฝ่ายไม่รู้จักตนเอง
หญิงชราตอบอย่างเร่งรีบ ฉันมาจากสำนักหยุนเยว่ กระบวนท่าพระจันทร์มืดนี้เป็นเคล็ดวิชาที่สืบทอดกันมาของสำนักหยุนเยว่ ดังนั้นฉันย่อมใช้มันได้
หลินหยุนเลิกคิ้วและพูดว่า สำนักหยุนเยว่?
หญิงชราพยักหน้าและกล่าวว่า ใช่!สำนักหยุนเยว่ หนึ่งในเก้าสำนักใหญ่ของโลกคุนชาง!
ชื่อนี้ หลินหยุนเพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก
แต่ว่าคลื่นภายในใจของเขาก็อดไม่ได้ที่จะสาดขึ้นมาอีกครั้ง
หยุนเยว่
หลินหยุน!
มันคือชื่อของเขา!
เย่เยว่!
มันเป็นชื่อของเธอ!