จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 115 คิดไม่ดี
บทที่ 115 คิดไม่ดี
แวบแรกที่เสี่ยวยู่เห็นดวงตาของเฉินหมิงวั่ง ชั่วขณะเธอก็รู้สึกดูถูกในใจ “เพื่อนร่วมชั้นของพี่หลิน เหมือนกับพวกผู้ชายเหล่านั้น เป็นคนไม่ดี ฉันต้องการหาโอกาสเตือนพี่ หลิน!
แต่ว่า เธอเป็นเพียงบริกรในสโมสร และดูก็รู้ได้ทันทีว่าเฉินหมิงวั่งเป็นคุณชายที่มาจากครอบครัวที่ไม่ธรรมดา และเธอไม่กล้าที่จะทำให้เขาขุ่นเคือง
“ฉันเป็นไกด์ของของคุณหลิน” เสี่ยวยู่แสดงรอยยิ้มสำหรับมืออาชีพที่ฝึกฝนมาจากในระหว่างฝึกงาน
“ที่แท้ก็เป็นไกด์ อย่างนี้ก็ดีมาก!” เมื่อได้ยินว่าเสี่ยวยู่ไม่ใช่แฟนของหลินหยุน ทันใดนั้นเฉินหมิงวั่งรู้สึกตื่นเต้นดีใจมาก
“เขาไม่รู้ว่าหลินหยุนแต่งงานกับเซี่ยหยู่เวยแล้ว มิฉะนั้นเขาจะไม่ปล่อยโอกาสที่จะเหน็บแนมหลินหยุนอย่างแน่นอน
จู่ๆเฉินหมิงวั่งก็คิดแผนในใจ
“สาวคนนี้สะสวยขนาดนี้ น่าเสียดายที่มาเป็นไกด์ ไม่คาดคิดมาก่อนว่าหลินหยุนคนนี้จะโชคดีขนาดนี้ มีไกด์ที่สะสวยขนาดนี้”
แต่เงินเดือนของไกด์ คงไม่ค่อยสูง ฉันแค่โอ้อวดความสามารถหน่อย คงไม่ต้องห่วงว่าเธอจะไม่อยากขึ้นเตียงกับฉัน?”
“ผู้หญิง ไม่มีใครที่ไม่ชอบชื่อเสียงเงินตรา!” ประโยคนี้คือทัศนคติในชีวิตของเฉินหมิงวั่ง
เฉินหมิงวั่งเหลือบมองหลินหยุนอีกครั้ง และรู้สึกว่าหลินหยุนนั้นล้มเหลว ยังคงเป็นไอ้เศษสวะคนเดิม ไอ้เศษสวะที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้จะคู่ควรกับสาวงามที่สดใสแบบนี้ได้อย่างไร?
แม้ว่าเสี่ยวยู่จะเป็นไกด์ของหลินหยุน แต่เฉินหมิงวั่งก็ยังดูไม่พอใจ สาวงามเช่นนี้ แม้จะเป็นไกด์ก็ต้องเป็นไกด์ของเขาเท่านั้น
“จริงสิสาวน้อย คุณชื่ออะไร? เฉินหมิงวั่งถามด้วยรอยยิ้ม
เสี่ยวยู่คิดสักพัก แต่ก็บอกชื่อของเธอไป
“ฉันชื่อเสี่ยวยู่”
“ฝากข้อมูลติดต่อไว้ ไม่แน่ผมอาจจะต้องการไกด์ด้วย” เฉินหมิงวั่งพูดอย่างไร้ยางอายหน้า ถามข้อมูลติดต่อของเสี่ยวยู่
เฉินฟางที่อยู่ข้างๆไม่สามารถทนต่อไป และตะโกนอย่างตำหนิ “ พี่ กำลังทำอะไรอยู่?”
แม้เฉินฟางกำลังสนทนากับหลินหยุน แต่ก็อยู่ในระยะที่ใกล้กันมาก ทุกการเคลื่อนไหวของเฉินหมิงวั่งก็อยู่ในสายตาของเฉินฟางและหลินหยุน
หลินหยุนมีจิตใจที่แน่วแน่ แต่เฉินฟางไม่อยากขายขี้หน้า!
“มีอะไรเหรอ?” เฉินหมิงวั่งหุบยิ้มทันที และถามอย่างจริงจัง
“เธอเป็นอะไรไป?” เฉินฟางทำตาเหลือก นิสัยพี่ชายเป็นยังไงเธอย่อมรู้ดี
เฉินหมิงวั่งเป็นคนที่หน้าด้านมาก และชอบขี้โม้เกินจริง “ ฉันแค่คุยกับเสี่ยวยู่เรื่องงานเท่านั้นเอง? ทำไมต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอ?”
เกี่ยวกับเรื่องงาน……ยังมีหน้ามาพูดอีก!
เฉินฟางรู้สึกใบหน้าร้อนไปหมด น่าอับอายเกินไป
“หลินหยุน ขอโทษนะ ฉันยังมีธุระ ขอไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยติดต่อกัน!” เฉินฟางได้ขอเบอร์โทรศัพท์มือถือของหลินหยุนแล้ว แม้
เธอจะยังมีเรื่องที่ต้องคุยกับหลินหยุนอีกมาก แต่วันนี้รู้สึกไม่มีหน้าจะเผชิญกับหลินหยุนต่อไป
“เอ้อ เธอหมายถึงอะไร พวกเรามีธุระอะไร ทำไมฉันไม่รู้……” เฉินหมิงวั่งที่ถูกเฉินฟางลากออกไป ตะโกนด้วยความงุนงง
ชั่วขณะ ใบหน้าของเฉินฟางแดงขึ้นทันที
เฉินหมิงวั่งยังไม่ได้ข้อมูลติดต่อของเสี่ยวยู่ จะยอมไปได้ไง? เฉินฟางแรงน้อยเกินไป ไม่สามารถดึงเขาออกไปได้
“เฉินฟาง ถ้าจะกลับเธอก็กลับไปเอง มันไม่ง่ายที่จะได้เจอเพื่อนเก่า ยังไม่ทันพูดอะไรสักคำก็จะกลับ เธอรู้จักมารยาทหรือเปล่า?” เฉินหมิงวั่งย้อนมาตำหนิเฉินฟาง
เฉินฟางโมโหจนหายใจแรง อยากจะเอาไม้ฟาดพี่ชายที่ไร้ยางอายจริงๆ ทำไมฉันต้องไป ก็เป็นเพราะนายไปตามจีบไกด์ของเขาไง!
แต่คำพูดนี้เฉินฟางพูดไม่ออก ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงเฝ้าดูความหน้าด้านของเฉินหมิงวั่งที่เดินไปตีสนิทหลินหยุน
“หลินหยุน พวกเราไม่ได้เจอกันมานาน วันนี้มีวาสนาได้พบกันโดยบังเอิญ ต้องพูดคุยกันนานๆ วันนี้ฉันเลี้ยง จะพานายไปเที่ยวตำบลเป่ยเหยียนแห่งนี้ให้สนุก”
ขณะที่พูด เฉินหมิงวั่งยื่นมือไปกอดไหล่ของหลินหยุน แต่หลินหยุนยื่นมือขวางเอาไว้
“ฉันไม่มีอารมณ์” หลินหยุนเหลือบมองเสี่ยวยู่ และพูดว่า “ไปกันเถอะ!”
“ค่ะ” เสี่ยวยู่เดินตามหลินหยุนออกไปอย่างเชื่อฟัง
มือของเฉินหมิงวั่งยังคงค้างอยู่ในอากาศ และรอยยิ้มเจ้าเล่ห์บนใบหน้าของเขาก็หุบลงทันที มองหลินหยุนและหัวเราะเยาะ “เพื่อนเก่า นายหมายความว่าอะไร?”
“หลินหยุนไม่สนใจเขาเลย และยังคงเดินหน้าต่อไป เฉินหมิงวั่งคิดอะไรอยู่ เขาเข้าใจมากกว่าใครๆ
“แม่งเอ้ย! ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะเสี่ยวยู่ ไอ้เศษสวะอย่างนายแม้แต่ถือรองเท้าให้ฉันยังไม่คู่ควรเลย!” เฉินหมิงวั่งบ่นด่าอย่างเลือดเย็น
เพียงแต่ว่า ตอนนี้เขาไม่อาจโมโหได้ ยังไงเสี่ยวยู่ก็เป็นไกด์ของหลินหยุน และตอนนี้เขายังไม่คุ้นเคยกับเสี่ยวยู่ หากต้องการจีบเสี่ยวยู่ ต้องใช้หลินหยุนเป็นคนกลาง
ไม่มีทางเลือกอื่น เฉินหมิงวั่งทำได้เพียงกลั้นความโกรธไว้ในใจ แล้ววิ่งเหมือนเด็ก ตามหลังหลินหยุนไป
“เพื่อน อย่าเพิ่งรีบหนีไป ที่นี่มีเรื่องสนุกมากมาย ฉันจะพานายไปเที่ยวเล่น?” ฉินหมิงวั่งยิ้มอีกครั้ง
หลินหยุนต้องจำใจยอมรับ ถ้าเปรียบเทียบความหน้าด้าน มีหลินหยุนสิบคนก็เทียบไม่ได้กับเฉินหมิงวั่งคนเดียว
เฉินหมิงวั่งคนนี้ก็ยังคงเหมือนเดิม ไม่ถึงจุดมุ่งหมาย ไม่ยอมเลิกรา
หลินหยุนยังคงไม่สนใจเขา และเดินหน้าต่อไป
เฉินหมิงวั่งเป็นเหมือนผู้ติดตามที่ดี ติดตามหลินหยุนตลอด พูดคุยข้างหูหลินหยุนไม่รู้จบ
เฉินฟางทนไม่ไหวจนอยากหาที่ซ่อนตัว “มันน่าอับอายเกินไปแล้ว!”
แต่ว่า เธอกังวลว่าพี่ชายของเธอจะทำร้ายหลินหยุนอีกครั้ง ดังนั้นจึงทำได้เพียงกระทืบเท้า ฝืนทนความอับอายแล้วเดินตามไป
เมื่อเลี้ยวไปอีกมุม มีสังเวียนมวยโล่งๆปรากฏต่อหน้าพวกเขา ซึ่งข้างบนมีนักมวยเถื่อนฝ่ายดำกับนักมวยฝ่ายขาวกำลังต่อสู้กัน
หลินหยุนมองไป เป็นพวกนักมวยธรรมดา ชั่วขณะก็ไม่ได้สนใจเลย
เฉินหมิงวั่งเหลือบมองไปที่หลินหยุน และพูดอย่างมีเลศนัย “หลินหยุนสนใจมวยเถื่อนหรือไม่? ข้างนอกนี้ล้วนเป็นพวกที่ไม่ได้รับความนิยม ยอดฝีมือตัวจริงอยู่ข้างใน”
“เป็นไง? เข้าไปแทงหน่อยไหม? ฉันเลี้ยงเอง!” เฉินหมิงวั่งตบที่หน้าอกตัวเอง พูดอย่างห้าวหาญ
หลินหยุนไม่ได้พูดอะไร แต่เสี่ยวยู่รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย “พี่หลิน มาที่ตำบลเป่ยเหยียนถ้าไม่มาชมมวยเถื่อน เป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่!”
หลินหยุนอดไม่ได้ที่จะมองเสี่ยวยู่ ไม่คาดคิดว่าสาวน้อยคนนี้จะชอบความรุนแรง
“งั้นเข้าไปดูสิ!” ในความเป็นจริงหลินหยุนเองก็อยากรู้อยากเห็นเล็กน้อยเกี่ยวกับมวยเถื่อน เขาต้องการดูว่านักมวยเหล่านั้นมีความแข็งแกร่งเพียงใด
“โอเค!” ทันใดนั้นเฉินหมิงวั่งมีความสุขมาก และในที่สุดเขาก็มีโอกาสโอ้อวด
เฉินหมิงวั่งเป็นผู้นำทาง เดินไปรอบๆด้านหลังเวที และเข้าไปในห้องสังกะสีแผ่นเรียบขนาดใหญ่
ห้องสังกะสีแผ่นเรียบนี้มีขนาดใหญ่มาก มีพื้นที่หลายไร่ ข้างในมีเสียงกรีดร้องเป็นระยะๆ
เมื่อหลินหยุนและเสี่ยวยู่กำลังจะเข้าไปในห้องสังกะสีแผ่นเรียบนั้น เฉินฟางก็เดินไปที่ด้านข้างของหลินหยุนอย่างรวดเร็ว และกระซิบว่า “หลินหยุน อีกสักครู่อย่าเดิมพันกับพี่ชายของฉันเด็ดขาด!”
หลังจากพูดจบ เฉินฟางก็รีบมุดเข้าไป ราวกับว่ามีใครบางคนจ้องมองมาที่เธอ
หลินหยุนหันกลับไปมองอย่างช้าๆ และพบว่าไม่มีใครอยู่ข้างหลัง แต่ไม่ไกลมีชายวัยกลางคนสวมชุดกีฬาสีเทา
หลินหยุนมองไปที่ชายคนนั้น มีรอยยิ้มเล็กน้อยปรากฏขึ้นที่มุมปาก
“เข้าไปเถอะ!” หลินหยุนพูดกับเสี่ยวยู่
“ค่ะ” เสี่ยวยู่พยักหน้า
เมื่อเข้ามาในห้องที่ปกคลุมด้วยสังกะสีแผ่นเรียบขนาดใหญ่ ความร้อนผสมกับกลิ่นเหงื่อที่รุนแรงโชยมา
แม้ว่าตอนนี้อากาศจะไม่ร้อนนัก แต่ผู้คนจำนวนมากมารวมตัวกันในห้องที่มีการระบายอากาศไม่ค่อยดี ทำให้อุณหภูมิของพื้นที่ทั้งหมดสูงขึ้นตามธรรมชาติ
ยังมีสังเวียนหลายที่ นักมวยที่กำลังต่อสู้สุดชีวิต เหงื่อไหลออกเหมือนฝนตก และกลิ่นเหงื่อส่วนใหญ่มาจากพวกเขา
เฉินหมิงวั่งเดินเข้ามา และพูดด้วยความตื่นเต้น “นี่คือสังเวียนมวยเถื่อนที่ใหญ่ที่สุดในตำบลเป่ยเหยียน เป็นที่นิยมมากที่สุด และมียอดฝีมือมากที่สุด”