จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 1158 การเดินทางไปเทียนเฟิง
กลับเข้าไปในห้องโถงใหญ่
หลินหยุนก็นำเอาขวดหยกส่งให้กับหยุนถิง นี่คือยายั้งอายุจำนวนสิบเม็ด! คุณรับไว้เถอะ!
ยายั้งอายุเหรอ?
น้องหลินหยุน นี่เป็นยายั้งอายุจริงเหรอ?
หยุนถิงเปิดขวดหยกออก ก็มีกลิ่นหอมแปลกประหลาดฟุ้งกระจายออกไปทั่ว
กลิ่นหอมนั้นทำให้สดชื่นแจ่มใส
จนไม่สามารถบรรยายได้
หลินหยุนพยักหน้าแล้วพูดว่า ถูกต้อง! ประสิทธิผลของยานี้สามารถชะลอความแกได้เป็นเวลายาวนาน! จนถึงอายุขัยหมดสิ้นลงแล้ว ใบหน้าก็ยังไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรเลย!
หา______
ทุกคนต่างก็อ้าปากค้าง
ถ้าหากคำพูดของหลินหยุนเป็นจริงละก็ ราคาของยายั้งอายุนี้จะต้องสูงลิบลิ่วจน เกินคาดอย่างแน่นอน!
ในเวลานี้เอง ชายวัยกลางคนที่ถูกหลินหยุนซัดจนกระเด็นออกไปคนนั้น ก็พูดเสียงเบาๆว่า ใครจะไปรู้ว่าจริงหรือปลอมกันแน่?
ยายั้งอายุชนิดนี้ มีแต่ในตำนานเท่านั้น จะมีใครที่ไหนเคยเห็นมาก่อนล่ะ?
หลินหยุนขมวดคิ้ว มองไปยังหยุนหลานแล้วพูดว่า คุณลองกินสักเม็ดหนึ่งก่อนดูสิ!
แววตาของหยุนหลานก็ส่องประกายวาววับ จากนั้นก็พยักหน้าแล้วพูดว่า ได้!
พูดพลางก็รับขวดหยกในมือของหลินถิงมา หยิบเม็ดยายั้งอายุหนึ่งเม็ดออกมาแล้วกลืนลงไป
ในไม่ช้า ร่างของเธอก็เริ่มส่งกลิ่นหอมฟุ้งโชยออกมา
หน้าตาถึงแม้ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่กลับดูเหมือนสะสวยมากยิ่งขึ้น
ผิวพรรณทั่วเรือนร่างก็ขาวผุดผ่องใสวิ้งไปทั้งตัว
ราวกับคุณภาพหินหยกชั้นดีที่ล้ำค่าที่สุด
ออร่าเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ
เมื่อเทียบกับคนเมื่อครู่นี้ราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคนเลย
หยุนหลานเองกลับไม่มีความรู้สึกอะไร
แต่ว่าในตอนนี้ ทุกคนที่เห็นการเปลี่ยนแปลงในตัวเธอแล้ว ต่างก็มองจนตาค้างกันไปหมด
จนลืมหายใจด้วยซ้ำไป
มหัศจรรย์จริงเลย!
หลินหยุนพูดอย่างเรียบๆว่า ตอนนี้ คงไม่ต้องสงสัยแล้วสินะ?
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉันก็ขอลาไปก่อน!
พูดพลางหันหลังแล้วเดินจากไป
หยุนหลานเห็นเช่นนั้น ก็รีบข่มความรู้สึกตื่นเต้นในใจไว้ วิ่งตามหลินหยุนไป แล้วถามว่า หลินหยุน คุณจะไปไหน?
หลินหยุนพูดอย่างเรียบๆว่า ขอบคุณสำหรับที่ให้ที่พักผม! แต่ว่าผมก็ควรจะไปจากที่นี่ได้แล้ว!
หยุนหลานคิดอยากจะให้เขาอยู่ต่ออีก กำลังคิดจะเอ่ยปากพูด แต่ก็ได้ยินเสียงของชายชราพูดขึ้นว่า เสี่ยวหลาน ในเมื่อคุณชายหลินคิดจะไปแล้ว งั้นแกก็ไม่ต้องไปรั้งเขาไว้หรอก!
คุณชายหลิน ขอบคุณสำหรับความเอื้อเฟื้อของคุณ!
หลินหยุนพูดอย่างเรียบว่า ไม่ต้องเกรงใจ!
พูดจบ เงาร่างก็หายวับไป จากนั้นก็ออกจากโรงกลั่นยาของตระกูลหลิน
เมื่อเห็นหลินหยุนหายไปจากที่เดิม หยุนหลานก็รีบพูดขึ้นทันทีว่า คุณปู่คะ ท่านทำไมถึงให้เขาจากไปล่ะ?
ขอเพียงให้หลานเอ่ยปากชวนเขา เขาก็จะต้องอยู่ต่ออย่างแน่นอน!
ชายชราสูดลมหายใจแรงเข้าไป ขมวดคิ้วไว้แน่นแล้วพูดว่า เสี่ยวหลาน ถึงแม้เขาจะฆ่าฉื้อซานตายไป แล้วทำให้ทูตผนึกวิญญาณลำดับสี่ของวิหารผนึกวิญญาณตกใจล่าถอยไปแล้วก็จริง แต่ก็เป็นการล่วงเกินพลังอำนาจทั้งสองฝ่านนั้นอย่างสิ้นเชิง!
แกคิดว่าจากนี้ไป พลังอำนาจทั้งสองฝ่ายนั้นจะยอมรามือแค่นี้เหรอ?
ตระกูลหยุนเราตอนนี้ก็ได้ประโยชน์อย่างมหาศาลมาแล้ว!
ก็ย่อมต้องตัดขาดความสัมพันธ์กับคนนี้ให้เด็ดขาดไปเลย!
หยุนหลานยังคิดอยากจะพูดต่อ แต่ว่า……..
ชายชราก็พูดด้วยเสียงเคร่งขรึมว่า ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น! การสุ่มเสี่ยงเช่นนี้ ตระกูลหยุนเรารับไม่ไหวอย่างแน่นอน!
พูดพลางก็หันหน้าไปยังหยุนถิงแล้วพูดว่า หยุนถิง ถึงแม้ว่าตอนนี้ดูเหมือนแกจะเดิมพันชนะแล้ว แต่ว่าภาวะวิกฤตของตระกูลหยุนเรายังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างถึงที่สุดเลย นายจะยอมรับไหม?
หยุนถิงพยักหน้า โค้งตัวลงแล้วพูดว่า พ่อครับ ลูกยอมรับ!
นี่เป็นเรื่องจริงที่เถียงไม่ขึ้นเลยจริงๆ!
ชายชราได้ยินแล้ว จึงพูดว่า ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นการลงโทษก่อนหน้านั้นก็ยังคงมีผลต่อไป จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงทั้งนั้น!
……
หลังจากเดินออกจากโรงกลั่นยาแล้ว ก็มีคนคนหนึ่งเดินสวนเข้ามา
หลินหยุนก็หยุดเดินต่อ
น้าฉินครับ ท่านมาได้ยังไงกัน!
ฉินเหมยเดินเข้ามาใกล้ตัวเขาแล้วพูดว่า ฉันได้ข่าวว่าฉื้อซานรวมทั้งอู๋หุนของวิหารผนึกวิญญาณได้เปิดศึกสู้รบกับนาย นายไม่เป็นไรก็ดีมากแล้ว!
ในใจหลินหยุนรู้สึกอบอุ่น
เขาดูออกได้ว่า ความห่วงใยของฉินเหมยไม่ใช่เสแสร้งอย่างแน่นอน
หลินหยุนพูดด้วยเสียงเบาๆ ขอบคุณน้าฉินที่เป็นห่วงครับ!
ฉินเหมยถอนหายใจเฮือกยาวแล้วพูดว่า ไปเถอะ กลับไปกับน้าฉินเถอะ! ตอนนี้ตระกูลหยุนน่าจะไม่กล้าที่จะมีส่วนเกี่ยวพันอะไรกับนายอีกแล้วใช่ไหม?
หลินหยุนยิ้มเล็กน้อยพยักหน้าแล้วพูดว่า ไม่มีอะไรที่ปิดบังน้าฉินได้เลย!
แต่ว่า ถ้าให้กลับไปตระกูลฉินก็ช่างเถอะ ผมว่าพักอยู่ข้างนอกจะดีกว่านะ!
หวังแต่เพียงว่าหลังจากผ่านพ้นงานเซ่นไหว้บรรพบุรุษของตระกูลฉินไปแล้ว น้าฉินสามารถหาสิ่งของที่ผมต้องการได้ก็พอแล้ว!
ฉินเหมยกวาดสายตาไปรอบๆบริเวณนั้น แล้วพูดกระซิบว่า น้าฉินย่อมต้องรู้ดีอยู่แล้ว แต่ว่าวันนี้ที่มารับนายกลับไป ก็เกี่ยวข้องกับงานไหว้บรรพบุรุษโดยตรงเลย!
น้าฉินต้องการความช่วยเหลือจากนาย!
หลินหยุนอึ้งไปสักครู่ จากนั้นก็พูดว่า น้าฉินมีอะไรก็พูดมาได้เลยครับ!
ฉินเหมยจึงพูดว่า ไปเถอะ พวกเราเดินพลางคุยไปพลาง! ถ้านายไม่อยากจะกลับไปบ้านตระกูลฉินจริงๆละก็ งั้นน้าฉินจะพานายไปพักอยู่ที่สถานที่เงียบสงบแห่งหนึ่งก็แล้วกัน!
คราวนี้ หลินหยุนกลับไม่ได้ปฏิเสธแล้ว
ทางใต้ของเมือง มีบ้านพักที่สงบเงียบแห่งหนึ่ง
ฉินเหมยพาหลินหยุนเดินเข้าไปในลานบ้านนั้น
เป็นยังไงบ้าง บ้านพักหลังนี้ดูไปแล้วก็ไม่เลวใช่ไหม?
ไม่เลวจริงด้วย!
หลินหยุนพยักหน้า
บริเวณบ้านพักเงียบสงบร่มรื่นดี
อีกทั้งยังสะอาดสะอ้านด้วย
ฉินเหมยพูดด้วยรอยยิ้มว่า บ้านพักหลังนี้ไม่ใช่เป็นของตระกูลฉิน! นายพักอยู่ที่นี่ก็แล้วกัน!
หลินหยุนก็ไม่ถามรายละเอียดต่อไป แต่พูดว่า น้าฉินครับ เมื่อกี้นี้น้าบอกว่ามีเรื่องให้ผมช่วย ไม่ทราบว่าเป็นเรื่องอะไรเหรอ?
ฉินเหมยจึงพูดว่า คืออย่างนี้ อีกไม่นานจะถึงวันไหว้บรรพบุรุษของตระกูลฉินแล้ว น้าฉินอยากจะไปรับคนคนหนึ่งที่เมืองเทียนเฟิง แต่ว่าเมืองเทียนเฟิงห่างจากเมืองมี่หยุนหลายร้อยลี้!
อีกทั้งระหว่างทางก็มีโจรจี้ปล้นเกิดขึ้นบ่อยครั้งด้วย!
ดังนั้น น้าฉินจึงอยากให้นายไปเป็นเพื่อนน้าหน่อย!
คนที่จะไปรับมาก็คืออาหญิงน้อยของฉัน ถ้าหากเธอไม่มาละก็ ของที่แม่น้าฉินเหลือไว้ให้พวกนั้นก็ยากที่จะเปิดเผยออกมาได้
หลินหยุนอึ้งไปสักครู่
คิดไม่ถึงว่ายังจะมีปัญหายุ่งยากเช่นนี้
แต่ว่าในเมื่อก็รอมาตั้งหลายวันแล้ว จะรอต่อไปอีกหน่อยก็คงไม่เป็นไร
จึงพยักหน้าแล้วพูดว่า ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นผมก็จะไปเป็นเพื่อนน้าฉินสักครั้ง น้าฉินคิดจะออกเดินทางเมื่อไหร่ล่ะ?
ฉินเหมยพูดว่า งั้นก็พรุ่งนี้เช้า! รีบไปรีบกลับ! เกรงว่าถ้าช้าไป ก็จะเลยเวลาฤกษ์ยามในการเซ่นไหว้บรรพบุรุษ!
หลินหยุนก็ตอบตกลง
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น
ทั้งสองคนก็นั่งรถเมฆ เดินทางออกจากมี่หยุน มุ่งหน้าไปยังเมืองเทียนเฟิง
โชคดีที่ฉินชิงถงไม่ได้ตามมาด้วย
ไม่เช่นนั้นแล้ว หลินหยุนคงลำบากใจแย่เลย
ระหว่างทางนั้นกลับไม่ได้พบปัญหายุ่งยากอะไร
หลังจากผ่านไปสองวัน ในที่สุดก็มาถึงเมืองเทียนเฟิง
เมืองเทียนเฟิงเป็นเมืองที่ใหญ่โตและเจริญกว่าเมืองมี่หยุนอย่างเห็นได้ชัด
หลังจากเข้าไปในเมืองแล้ว ระหว่างทางนั้นฉินเหมยก็พูดกระซิบกับหลินหยุนว่า เสี่ยวหยุน อาหญิงน้อยคนนี้ของน้านิสัยใจคอแปลกประหลาดมาก
ถ้าหากเกิดเรื่องอะไรที่ทำให้นายรู้สึกไม่สบายใจละก็
ขอให้เห็นแก่หน้าน้าฉิน อย่าได้เอามาใส่ใจเลย ยิ่งไม่ต้องไปถือสาเลย!
หลินหยุนไม่ได้ใส่ใจอะไร พยักหน้าแล้วพูดว่า วางใจเถอะน้าฉิน ผมทราบแล้วครับ!
ทั้งสองคนก็เดินต่อไปเป็นเวลานานประมาณหนึ่งก้านธูป ก็มาถึงหน้าประตูทางเข้าคฤหาสน์หลังใหญ่โตอลังการแห่งหนึ่ง
ตระกูลซิง!
ยามเฝ้าประตูเมื่อเห็นสองคนนี้แล้ว ก็ขมวดคิ้วแล้วรีบเดินเข้ามา
ใคร?
รู้ไหมว่าที่นี่เป็นสถานที่อะไร?
รีบไสหัวไปให้พ้น ไม่เช่นนั้น พวกแกเจอดีแน่!
หลินหยุนได้ยินแล้วขมวดคิ้วทันที
คิดไม่ถึงว่าเป็นแค่ยามเฝ้าประตูถึงกับยโสโอหังถึงเพียงนี้
มิน่าล่ะก่อนหน้านั้นฉินเหมยเคยเตือนเขาแล้ว ดูไปแล้วเจ้าของบ้านหลังนี้ก็คงไม่เท่าไหร่
ฉินเหมยกลับไม่ได้โกรธอะไร อีกทั้งยังยิ้มแล้วหยิบการ์ดใบหนึ่งออกมาแล้วยื่นให้กับเขาไป
พี่ชายท่านนี้ ฉันคือฉินเหมย มาจากตระกูลหยุนแห่งเมืองมี่หยุน!
เป็นญาติสนิทของเจ้าบ้านพวกคุณ!
รับกวนช่วยกรุณาแจ้งข่าวให้หน่อยค่ะ!
บอกว่าฉินเหมยจากตระกูลฉินแห่งมี่หยุนมาเยี่ยมเยียน!