จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 1159 จงใจกลั่นแกล้ง
ชายหนุ่มส่งเสียงฮื่อใส่อย่างไม่แยแส สายตาก็มองสำรวจฉินเหมยและหลินหยุนจากหัวจรดเท้าอย่างละเอียด
ฉินเหมยยังดูดีหน่อย หน้าตาสะสวยทีเดียว การแต่งตัวก็ไม่เลว
แต่ว่าหลินหยุนที่อยู่ข้างๆนั้น แต่งกายชุดยาวธรรมดาเรียบๆทั้งตัว ทำให้เขาขมวดคิ้วขึ้นมาทันที
มาจากเมืองมี่หยุนเหรอ?
ตระกูลซิงพวกเราไม่เคยมีญาติอะไรที่มาจากเมืองมี่หยุนที่ทุรกันดารแร้นแค้นแบบนั้นหรอก!
ดูไปแล้วพวกแกก็พอเป็นผู้เป็นคนอยู่บ้าง ถึงกับคิดจะมาหลอกลวงตระกูลซิงเราเหรอ?
ก็ไม่ดูซะบ้างว่าที่นี่เป็นสถานที่อะไร!
รีบไสหัวไปให้พ้นเลย!
ไม่เช่นนั้นละก็ อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจแล้วนะ!
ชายหนุ่มเฝ้าประตูพูดพลางก็ไล่ฉินเหมยและหลินหยุนสองคนออกไป ราวกับกำลังไล่แมลงวัน!
ฉินเหมยรีบพูดขึ้นทันทีว่า ฉันเป็นญาติสนิทของเจ้าบ้านคุณจริงๆ ไม่ใช่พวกหลอกลวงต้มตุ๋นอะไรเลย! คุณก็เข้าไปแจ้งข่าวหน่อยก็รู้เรื่องแล้วใช่ไหม?
ชายหนุ่มหัวเราะเยาะแล้วพูดเย้ยหยันว่า น้ำหน้าอย่างพวกแกไม่รู้เป็นยาจกมาจากไหนกล้ามาสั่งฉันเหรอ?
แกเห็นฉันเป็นอะไร?
ฉันจะขอพูดอีกครั้ง
รีบไสหัวไปให้พ้นเลย!
ไม่งั้นฉันจะไม่เกรงใจพวกแกจริงๆแล้ว!
ไอ้พวกรนหาที่ตาย!
ฉินเหมยสูดลมหายใจเข้าลึกๆ สีหน้าเต็มไปด้วยความเยือกเย็น
แต่ก็ยังคงอดทนไว้ไม่อาละวาดออกมา
อีกด้านหนึ่ง
หลินหยุนไม่ได้เกรงใจขนาดนั้น
มองไปยังชายหนุ่มที่เฝ้าประตูคนนั้น หลินหยุนก็พูดด้วยเสียงเย็นชาว่า งั้นแกก็ให้พวกฉันดูซิว่า แกจะไม่เกรงใจยังไง!
ยามเฝ้าประตูหัวเราะออกมา แล้วทำตาหรี่ลง สายตาก็มองไปยังหลินหยุน
ฮ่าๆๆ สนุกแล้วสิ!
สงสัยคงเป็นเพราะว่าตระกูลซิงเราสงบเสงี่ยมเกินไปจริงๆแล้ว!
ตอนนี้ไม่ว่าพวกหมูหมากาไก่ที่ไหนก็ยังไม่กล้ามาหาเรื่องถึงที่นี่เลยเหรอ?
ได้!
ไอ้หนู งั้นวันนี้ฉันก็จะสั่งสอนให้แกรู้ซะบ้าง!
พูดพลางก็ชกหมัดไปตรงหน้าอกหลินหยุนหนึ่งที
พลังฝึกฝนในแดนฝึกพลังระยะแรกก็ระเบิดขึ้น ดูเหมือนก็มีพลังแรงพอสมควรทีเดียว!
หลินหยุนยืนอยู่กับที่ แล้วชี้นิ้วออกไปเบาๆ
ปั้ง!
พลังแรงที่มองไม่เห็นก็กระแทกไปบนร่างของชายหนุ่มคนนั้นทันที
เกิดเสียงระเบิดดังออกมา
ชายหนุ่มก็กระเด็นลอยออกไป แล้วไปชนเข้ากับประตูสีแดงอย่างแรง
ประตูใหญ่ที่หนาและหนักนั้นก็สั่นไหวขึ้นอย่างรุนแรง
ชายหนุ่มกระอักเลือดออกมา
จากนั้นแววตาแสดงออกถึงความแตกตื่นหวาดกลัว มองไปยังหลินหยุนด้วยความโกรธแค้น กัดฟันแล้วตะคอกว่า ไอ้เด็กเวร ถึงกับมาก่อกวนที่บ้านตระกูลซิง! ฉันว่าแกกำลังจะรนหาที่ตาย!
พูดพลางก็ลุกขึ้นยืน หันหลังกลับแล้ววิ่งเข้าไปในคฤหาสน์
หลินหยุนพูดอย่างเรียบๆว่า น้าฉินครับ พวกเราเข้าไปเองดีกว่านะ!
ฉินเหมยสีหน้ากังวลใจ เสี่ยวหยุน นาย นายก็วู่วาบเกินไป! ตอนนี้ทำให้เรื่องราวใหญ่โตแล้ว เกรงว่าพวกเราคราวนี้จะไม่ราบรื่นแล้วล่ะ!
หลินหยุนพูดว่า น้าฉินไม่ต้องกังวลเกินไปหรอก เข้าไปก่อนแล้วค่อยว่ากันเถอะ!
ไหนไหนก็มาถึงขั้นนี้แล้ว
ฉินเหมยก็รู้ดี
ความจริงแล้วจะโทษหลินหยุนก็ไม่ได้
จึงสูดหายใจเข้าไปลึกๆ แล้วพยักหน้า เดินเข้าไปในคฤหาสน์พร้อมกับหลินหยุน
เดินไปได้ไม่กี่ก้าว
ในไม่ช้า คนรับใช้กลุ่มหนึ่งห้อมล้อมชายวัยกลางคนในชุดยาวสีน้ำตาลคนหนึ่งก็เดินเข้ามาล้อมรอบไว้อย่างรวดเร็ว
ชายหนุ่มที่ถูกหลินหยุนใช้นิ้วชี้ทิ่มจนกระเด็นออกไปเมื่อครู่นี้ ชี้ไปยังฉินเหมยและหลินหยุนแล้วพูดอย่างโมโหว่า พ่อบ้านใหญ่ครับ สองคนนี้แหละที่บุกรุกตระกูลซิงเรา! ผมขัดขวางเขาไว้ไม่ได้ พวกเขาถึงกับลงมือทำร้ายคนด้วย!
ชายวัยกลางคนขมวดคิ้วแล้วมองไปยังฉินเหมยและหลินหยุน พูดด้วยเสียงหนักแน่นว่า พวกแกเป็นใคร? ถึงกับกล้ามาบุกรุกบ้านตระกูลซิง?
เด็กๆ!
จับพวกเขาเอาไว้!
ชายวัยกลางคนไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบสั่งให้พวกลูกน้องที่อยู่ข้างกายลงมือทันที
อย่าเห็นว่าคนพวกนี้เป็นเพียงแค่คนรับใช้ตระกูลชิน แต่ทั้งหมดต่างก็เป็นผู้บำเพ็ญเซียนทั้งนั้น
ฝีมือที่ด้อยที่สุดก็คือชายหนุ่มที่เฝ้าประตูคนนั้น พลังฝึกฝนอยู่ในแดนฝึกพลังระยะแรกเท่านั้นเอง
ผู้คนจำนวนสิบกว่าคน ก็เข้าโอบล้อมหลินหยุนและฉินเหมยไว้ทันที
ฉินเหมยตกใจจนหน้าถอดสี
รีบมองไปยังหลินหยุนแล้วพูดว่า เสี่ยวหยุน นายอย่าลงมืออีกเลยนะ! ถ้าหากทำร้ายพวกเขาแล้ว อีกประเดี๋ยวจะแก้ตัวลำบาก!
เมื่อได้ยินคำพูดของฉินเหมยแล้ว ผู้คนทั้งหมดต่างก็อึ้งไปสักพัก
จากนั้นก็หัวเราะเสียงดังออกมาพร้อมกัน
เธอพูดว่าอะไรนะ?
ให้เจ้าเด็กนั่นอย่าทำร้ายพวกเราเหรอ?
ฮ่าๆๆๆๆๆ!
นี่เป็นเรื่องตลกที่น่าขำที่สุดเท่าที่ฉันเคยได้ยินมาในรอบปีนี้เลย!
พ่อบ้านวัยกลางคนพูดด้วยสีหน้าบึ้งตึงว่า พอแล้ว! จับพวกเขาไว้ ส่งมอบให้กับคุณหนูแล้วรอลงโทษภายหลัง!
ทั้งสิบกว่าคนนั้นก็รีบลงมือทันที
หลินหยุนสะบัดแขนขึ้น คนรับใช้ทั้งสิบกว่าคนที่กำลังจะบุกเข้ามาใกล้นั้น ก็กระเด็นถอยออกไปจนหมด จากนั้นก็ล้มระเนระนาดลงกับพื้น ต่างก็ร้องเสียงครวญครางออกมา
เมื่อเห็นฉากนี้แล้ว ชายวัยกลางคนคนนั้นหน้าถอดสีทันที
แก…….พวกแก………
พวกแกเป็นใครกันแน่?
ฉินเหมยรู้ว่าเรื่องราวจบลงไม่สวยแน่
สูดลมหายใจลึกๆเข้าไป แล้วตะโกนพูดขึ้นว่า ฉันคือฉินเหมยที่มาจากตระกูลฉินของเมืองมี่หยุน มาพบอาหญิงน้อยของฉันที่ตระกูลซิง และก็คือคุณหนูของพวกแกนั่นเอง! พวกแกก็เป็นเพียงคนรับใช้!
ฉันก็แค่ไม่อยากถือสาหาความกับพวกแกเท่านั้นเอง!
แต่ตอนนี้ถึงกับมารังแกฉันเหรอ?
รีบไปรายงานเดี๋ยวนี้เลย!
ไม่เช่นนั้นแล้ว จะเอาชีวิตพวกแกทุกคนทั้งหมดเลย!
พ่อบ้านวัยกลางคนเมื่อได้ยินก็สะดุ้งตกใจ
เขาอยู่ที่ตระกูลซิงมาหลายปี ก็ย่อมรู้จักชื่อของฉินเหมยนี้เป็นธรรมดา
ถึงแม้ว่าโดยทางปกติแล้วทั้งสองตระกูลก็ไม่ค่อยไปมาหาสู่กันเท่าไรนัก แต่ก็มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดเป็นญาติสนิทกันจริงๆ
จึงรีบพูดว่า ที่แท้ก็คือคุณหนูใหญ่!
ขอให้คุณหนูใหญ่โปรดให้อภัย พวกเราผู้น้อยล่วงเกินแล้วครับ!
ผมจะสั่งสอนให้เคร่งครัดมากกว่านี้ครับ!
คุณหนูใหญ่ครับ เชิญท่านตามผมมาเถอะ!
ฉินเหมยได้ยินแล้ว สีหน้าก็ค่อยดีขึ้นบ้าง
แต่ว่า
ในเวลานี้เอง ก็มีเสียงเยือกเย็นดังแว่วขึ้นมา
นี่เป็นใครกัน?
ถึงกับกล้ามาก่อกวนที่บ้านตระกูลซิง!
กล้าหาญชาญชัยมากจริงเลยนะ!
ทุกคนก็มองตามเสียงนั้นไป หญิงสาวหน้าตาน่ารักรูปร่างไม่สูงนัก อายุประมาณราวยี่สิบปีคนหนึ่ง ใส่ชุดกระโปรงสีเขียวอ่อน มือไขว้หลังไว้แล้วเดินเข้ามา
เมื่อเห็นหญิงสาวแล้ว พ่อบ้านและคนรับใช้สิบกว่าคนพวกนั้น ต่างก็รีบโค้งตัวลงคำนับ
ขอคารวะคุณหนู!
ดวงตาที่สะสวยของฉินเหมยก็ส่องประกายวาววับ จากนั้นก็รีบเดินเข้าไปหา
อาหญิงน้อย ฉินเหมยขอคารวะอาหญิงน้อยค่ะ!
พูดพลางก็โค้งคำนับหญิงสาวคนนั้น
ดวงตาทั้งคู่ของหญิงสาวใสสว่างแวววาว แววตามืดดำที่ดูแสนฉลาดก็จ้องมองไปที่ฉินเหมย ราวกับว่ากำลังมองคนแปลกหน้าคนหนึ่ง
แกเป็นใครเหรอ?
เข้ามาบุกรุกบ้านตระกูลซิงเรา ก็เพื่อจะมาพบญาติเหรอ?
ดูอายุแกแล้ว ก็ประมาณห้าสิบกว่าแล้วใช่ไหม?
เป็นแม่ฉันก็ยังมากเกินไปด้วยซ้ำ
ถึงกับเข้ามาก็เรียกเด็กสาวอย่างฉันว่าเป็นอาหญิงน้อยเลย!
หน้าไม่อายเสียจริง!
ฉินเหมยพูดอะไรไม่ออกทันที
อย่าว่าแต่ฉินเหมยเลย
คนที่ยิ่งพูดอะไรไม่ออกก็คือหลินหยุน
ก่อนหน้านั้นฉินเหมยเคยบอกว่านิสัยใจคอของอาหญิงน้อยของเธอแปลกประหลาดมากตอนนี้เขาได้เห็นแล้ว
ฉินเหมยรีบพูดว่า อาหญิงน้อยคะ คนรับใช้พวกนี้ของท่านทำกับฉันแบบนี้ แล้วท่านยังจะมาล้อเล่นแบบนี้กับฉันอีกเหรอ?
หญิงสาวทำเสียงฮื่อใส่แล้วพูดว่า คนอย่างแก อย่าซี้ซั้วมานับญาติแถวนี้เลย!
ฉันมีหลานสาวคนหนึ่งอยู่จริง แต่ว่าหลานสาวของฉันคนนั้นเชื่อฟังมากที่สุด ไม่เหมือนแกที่ไร้มารยาทเช่นนี้!
ฉินเหมยก็เหลือกตามองบน แล้วรีบเดินไปข้างหลังของหญิงสาวนั้น จากนั้นก็ค่อยๆนวดไหล่ของหญิงสาว
อาหญิงน้อย ท่านพอใจหรือยังคะ?
อึม ค่อยยังชั่วหน่อย!
บอกมาซิ มาเทียนเฟิงคราวนี้ นังตัวดีแกคิดจะทำอะไรเหรอ?
ถ้าหากคิดจะให้ฉันไปสถานที่ที่ยากจนอย่างเมืองมี่หยุนละก็ งั้นก็ไม่ต้องพูดอีกแล้ว!