จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 1164 พิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษ
ฐานของยาทอง!
ในที่สุดก็หล่อสำเร็จแล้ว!
อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง ลำพังแค่หล่อฐานของยาทองหวูซ่างระดับเทพได้สำเร็จเพียงรายการเดียวนี้ ก็นับว่าฉันมาโลกคุนชางครั้งนี้ไม่เสียเที่ยวแล้ว!
ยิ่งไปกว่านั้นยังได้หนอนตัวอ่อนของไหมจัญไรไร้เงาอีกด้วย!
มันเหนือความคาดหมายจริงๆเลย!
จากนั้นก็ดื่มด่ำชื่นชมอยู่สักพักหนึ่ง
ตอนนี้ หนอนตัวอ่อนของไหมจัญไรไร้เงาก็ยังคงอยู่ภายในยาทองโดยไม่ได้รับความเสียหายอะไรเลย
ทำเช่นนี้ก็จะเกิดผลดีอย่างใหญ่หลวง
นั่นก็คือไม่จำเป็นจะต้องรอให้ไหมจัญไรไร้เงาฟักออกมาก่อน แล้วค่อยเข้าไปแสดงความเป็นเจ้าของ
ทันทีที่ฐานของยาทองหล่อสำเร็จขึ้นแล้ว เขาก็สามารถรับรู้ได้แล้ว
เดิมทีหนอนตัวอ่อนที่เคยขัดขืนไม่ยอมรับเขานั้น ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิง
เปลี่ยนเป็นใกล้ชิดสนิทสนมกับเขามากยิ่งขึ้น
มิหนำซ้ำยังเกิดความรู้สึกพึ่งพิงอาศัยเขามากเป็นพิเศษอีกด้วย
ในชาตินี้ ก็ได้เดินทางมาเป็นเวลานานมากแล้ว เกิดเรื่องราวขึ้นมากมายเช่นนี้!
วันนี้ ก็นับว่าได้ทำสำเร็จในขั้นตอนนี้แล้วในที่สุด!
หลังจากที่หลอมรวมฐานของยาทองได้แล้ว ในการแสดงอิทธิฤทธิ์ออกมาของเขานั้น ก็สามารถเปลี่ยนเป็นอีกระดับหนึ่งได้เช่นกัน
ขารอคอยวันนี้มานานแล้ว!
แน่นอนที่ว่า ในตอนนี้เขายังไม่สามารถผลิตยาทองหวูซ่างระดับเทพที่แท้จริงออกมาได้อย่างสมบูรณ์
เงื่อนไขในการผลิตยาทองหวูซ่างระดับเทพนั้นมันยุ่งยากซับซ้อนมากทีเดียว
ต้องทำการหล่อหลอมถึงเก้าครั้ง
การหล่อแต่ละครั้ง ก็ต้องการสมบัติทั่วฟ้าดินชนิดหนึ่ง
การค้นหาสมบัติทั่วฟ้าดินแต่ละครั้งนั้นไม่ใช่หาได้ง่ายต้องขึ้นกับบุญวาสนาด้วย
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ตอนนี้ก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีแล้ว
ถอนหายใจเฮือกยาวออกมา หลินหยุนแอบนึกอยู่ในใจว่า นับเวลาแล้ว การเซ่นไหว้บรรพบุรุษตระกูลฉินน่าจะเริ่มขึ้นหลังจากสามวันนี้ไป ก็ยังพอมีเวลาที่จะฝึกฝนพลังให้มั่นคงขึ้นได้บ้าง!
หวังว่าคงไม่ทำให้ฉันผิดหวัง!
น้าฉินจะสามารถหาข้อมูลบางอย่างของเย่เยว่ที่เหลือไว้ได้
เมื่อนึกถึงเย่เยว่แล้ว ในสมองของหลินหยุนก็ปรากฏหน้าตาของฝ่ายตรงข้ามขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
ถึงแม้เวลาจะผ่านไปไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แล้วก็ตาม
แต่ทุกท่วงท่าก้าวเดินของเย่เยว่ ไม่ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ ก็ยังคงปรากฏอยู่ในสมองของเขาอย่างชัดเจนเช่นเดิมเสมอ
ทางด้านอีกฝ่ายหนึ่ง
เวลาใกล้เข้ามาถึงแล้ว ผู้คนตระกูลฉินทั้งหลายต่างก็ยุ่งอยู่กับการเตรียมงานเซ่นไหว้บรรพบุรุษ
ส่วนการหายตัวไปอย่างกะทันหันของหลินหยุนนั้น สำหรับตระกูลฉินแล้วก็ย่อมไม่มีผลกระทบอะไรอย่างแน่นอน
แต่ว่าสำหรับฉินเหมยและซิงเฟยแล้ว นั่นเป็นเรื่องที่ใหญ่โตราวกับฟ้าถล่มเลยทีเดียว
ทำไมเหรอ?
เป็นเพราะซิงเฟยอาละวาดไม่หยุดหย่อนเลย!
หลินหยุนจู่ๆก็หายสาบสูญไป ซิงเฟยก็เสียสติไปโดยสิ้นเชิง!
ไม่ว่ายังไงก็จะต้องไปจากเมืองมี่หยุนให้ได้!
เพราะว่าตอนนี้หลินหยุนคนที่เธอสนใจที่สุดไม่อยู่แล้ว ดังนั้นยังไงเธอก็ไม่อยากจะอยู่ต่อไปอีกแล้ว!
ฉินเหมยพูดปลอบโยนสารพัดอีกทั้งยังรับประกันว่าหลินหยุนจะต้องกลับมาอย่างแน่นอน จึงสามารถทำให้เธอยอมอยู่ต่อไปได้
ในวันนี้
ฟ้ายังไม่ทันรุ่งสางเลย
ผู้คนของตระกูลฉินทั้งหลายก็ได้มารวมตัวที่บริเวณโล่งกว้างของลานบ้านด้านหลังกันหมดแล้ว
ยืนเข้าแถวเรียงตามศักดิ์และอายุของแต่ละคน
ตำแหน่งที่อยู่ด้านหน้าสุดก็คือ ฉินห้าวเทียนพ่อของฉินเหมย
คนที่อยู่ข้างหลังก็คือผู้อาวุโสตระกูลฉินทั้งสี่ท่าน
ด้านข้างทั้งสองก็คือฉินเหมย และญาติพี่น้องอาลุงบางส่วนของฉินเหมย
ส่วนซิงเฟยก็ยืนอยู่กับฉินห้าวเทียน
อายุของเธอไม่มากก็จริง
แต่ว่า ก็เป็นน้องภรรยาที่จริงแท้แน่นอนของฉินห้าวเทียน
ก็ย่อมไม่สามารถละเลยได้
แต่ว่าตอนนี้ซิงเฟยสีหน้าเต็มไปด้วยความเบื่อหน่ายมาก
สำหรับเรื่องของการเซ่นไหว้บรรพบุรุษนั้น อย่าว่าแต่ตระกูลฉินเลย แม้แต่ตระกูลซิงของพวกเขาเอง เธอยังพยายามหาทางหลบเลี่ยงไม่เข้าร่วมพิธีด้วยเลย
ต่อให้คนที่อยู่ข้างในนั้นเป็นพี่สาวที่เธอไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลยก็ตาม
ก็ยังเป็นเช่นนี้เหมือนกัน
แน่นอนที่ว่า
ที่เธอไม่ยอมเข้าร่วมด้วยเพราะยังมีอีกสาเหตุหนึ่ง
นั่นก็คือพี่สาวคนนั้นเคยทำให้เกิดเรื่องที่มีผลกระทบต่อตระกูลซิงไม่น้อยเลย
นอกจากคนของตระกูลฉินแล้ว ก็ยังมีคนของตระกูลใหญ่ที่สนิทกับตระกูลฉินจำนวนไม่น้อยมาร่วมพิธีด้วยเช่นกัน
ถัดออกไปจากผู้คนตระกูลฉินทั้งหมดนั้น
ด้านหลังของตึกเก้าชั้นก็ยังมีลานบ้านอีกแห่งหนึ่ง
ที่นั่นก็คือเขตหวงห้ามของตระกูลฉิน
ฉินห้าวเทียนในมือถือธูปไว้สามดอก
หลังจากจุดไฟแล้วก็เดินไปข้างหน้า เสียบลงไปข้างในติ่ง
ฉินห้าวเทียนหันหน้ากลับมาแล้วพูดด้วยเสียงเข้มงวดว่า วันนี้ เป็นวันครบรอบเซ่นไหว้บรรพบุรุษประจำปีของตระกูลฉิน ขอต้อนรับแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ที่ให้เกียรติมาร่วมงานตระกูลฉินเราครับ!
ตอนนี้ ฉันขอประกาศว่า พิธีเซ่นไหว้ตระกูลฉิน เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว!
หลังจากที่ฉินห้าวเทียนประกาศออกไปแล้ว
คนของตระกูลฉินทั้งหมดต่างก็คุกเข่าลง
ในเวลาเดียวกันนี้ เพลงบรรเลงปี่พาทย์ก็ดังขึ้นพร้อมกัน
หลังจากที่เพลงบรรเลงปี่พาทย์จบสิ้นลงแล้ว ผู้อาวุโสตระกูลฉินคนหนึ่งก็เดินออกมา แล้วอ่านประกาศคำกล่าวสรรเสริญบรรพบุรุษ!
เป็นคำกล่าวที่รำลึกถึงวีรกรรมและสรรเสริญบรรพบุรุษทั้งหลายของตระกูลฉิน
หลังจากอ่านคำกล่าวจบแล้ว
ฉินห้าวเทียนก็ให้คนไปเปิดประตูบานใหญ่ทั้งสองของตึกหลังนั้น
จากนั้น ก็เดินไปข้างหน้าลำพังคนเดียว
ซิงเฟยเดินตามหลัง ตามด้วยฉินเหมย และยังมีผู้อาวุโสทั้งสี่ท่าน
มุ่งหน้าเดินเข้าไปภายในตึก
แต่ว่าในขณะนี้เอง______
ก็ปรากฏมีกระแสกลิ่นอายที่แข็งแกร่งหลายสายพุ่งเข้ามาหา
พวกฉินห้าวเทียนจึงหยุดเดินทันทีแล้วยืนอยู่กับที่
ในไม่ช้า
ทุกคนต่างก็มองเห็น
มีคนชุดเพ้าสีแดงสามคนปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า
ในสามคนนี้ มีสองคนที่กลิ่นอายแข็งแกร่งมาก
โดยเฉพาะชายชราที่อยู่ตรงกลางนั้นทำให้ผู้คนรู้สึกเกรงกลัวมาก
ส่วนชายหนุ่มเพียงคนเดียวในนั้นกลับธรรมดามาก ถ้าทำนายจากกลิ่นกายของเขาแล้ว พลังฝึกฝนอยู่แค่แดนฝึกพลังระยะกลางเท่านั้น
แต่อายุน่าจะราวยี่สิบต้นๆเท่านั้นเอง
อายุน้อยแค่นี้ สามารถมีพลังฝึกฝนเช่นนี้ได้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว!
เมื่อเห็นสามคนนี้ปรากฏตัวขึ้นมา ผู้คนทั้งหลายต่างก็ตกใจกันหมด
แต่ว่ามีคนหนึ่งกลับรู้สึกแปลกใจและตื่นเต้นดีใจ
คนคนนี้ก็คือฉินชิงถง
ทันทีที่ได้เห็นชายหนุ่มคนนั้น ฉินชิงถงก็รีบตะโกนเรียกขึ้นมา
พี่ฉู่เทียน!
พี่มาได้ยังไงคะ?
พี่มาร่วมพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษของตระกูลฉินพวกเราโดยเฉพาะเลยเหรอ?
ฉินชิงถงก็รีบวิ่งไปหาฉู่เทียนด้วยความดีใจ
แต่ว่าฉู่เทียนกลับยืนอยู่กับที่ไม่ขยับตัวเลย
ในขณะที่ฉินชิงถงวิ่งมาเกือบจะใกล้ตัวฉู่เทียนนั้น
ทันใดนั้น
ชายชราที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดนั้นก็ยกแขนขึ้นสะบัด เกิดพลังแรงที่มองไม่เห็นพุ่งเข้าไปม้วนตัวฉินชิงถงให้ลอยออกไปข้างนอก
ชิงถง!
ฉินเหมยตกใจหน้าถอดสี จึงตะโกนร้องด้วยความตกใจ
เงาร่างของฉินห้าวเทียนหายแวบไปทันที รับเข้าไปรับฉินชิงถงไว้ในอ้อมกอด
ฉินชิงถงตกใจไม่เบา จนหน้าที่สะสวยเปลี่ยนเป็นขาวซีดทันที
มิหนำซ้ำยังไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีกด้วย
ฉินห้าวเทียนวางตัวเธอลงมา แล้วส่งสัญญาณให้เธอไปอยู่ข้างกายฉินเหมย
เธอพยักหน้าด้วยความตื่นตกใจ จากนั้นก็รีบวิ่งไปหาฉินเหมยทันที
ฉินห้าวเทียนหันหลังกลับมา มองไปยังชายชราที่ลงมือคนนั้นด้วยสีหน้าบึ้งตึง!
สหายทั้งสองของสำนักสุริยัน วันนี้เป็นวันเซ่นไหว้บรรพบุรุษของตระกูลฉินเรา ท่านทั้งหลายก็เหาะเหินเดินอากาศลงมาถึงก็ลงมือกับหลานสาวของฉัน เป็นเพราะสาเหตุอะไรเหรอ?
ชายชราคนนั้นได้ยิน ก็หัวเราะเยาะขึ้นมาทันที
หลังจากกวาดสายตามองฉินห้าวเทียนอย่างเหยียดหยามแล้ว แต่กลับไม่ตอบอะไร หันหลังกลับไปมองฉู่เทียนแล้วถามว่า แกมาดูซิว่า ที่นี่ คนไหนคือหลินหยุน!
เมื่อได้ยินคำพูดของเขาแล้ว ทุกคนต่างก็เข้าใจกระจ่างทันที
สำนักสุริยัน มาตามหาหลินหยุนนี่เอง!
สายตาฉู่เทียนก็กวาดมองไปยังผู้คนทั้งหลาย จากนั้นก็ส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า รายงานท่านผู้อาวุโสใหญ่ คนที่อยู่ในที่นี้ไม่มีคนที่ชื่อหลินหยุนเลยครับ!
ผู้อาวุโสใหญ่ได้ยินดังนั้นก็หันหน้ากลับมา สายตาที่ลึกล้ำก็มองไปยังฉินห้าวเทียน
หลินหยุนคนนั้นอยู่ที่ไหน?
ส่งมอบหลินหยุนออกมา!
แล้วจะไว้ชีวิตคนตระกูลฉินพวกแกทุกคน!
ฉินห้าวเทียนขมวดคิ้วแล้วพูดว่า ในเมื่อท่านมาหาหลินหยุน งั้นก็พูดง่ายเลย!
หลินหยุนคนนี้ ไม่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลฉินเราเลยแม้แต่นิดเดียว!
อีกทั้งหลายวันก่อน เขาก็ได้ไปจากที่นี่แล้ว!
พวกเราตระกูลฉินทุกคน ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาไปไหน!