จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 1165 ความเก่งกาจของฉินห้าวเทียน
ผู้อาวุโสได้ยินเช่นนั้น ก็ยิ้มเยาะเย้ยอีกครั้งหนึ่ง
ไม่รู้งั้นเหรอ?
พูดมาได้ว่าไม่รู้!
ฉันขอพูดอีกครั้งหนึ่ง!
ถ้าไม่ส่งมอบหลินหยุนคนนั้นออกมาละก็ ชีวิตคนตระกูลฉินพวกแกทุกคนก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องอยู่ต่อไปอีกแล้ว!
เมื่อได้ยินคำพูดของฝ่ายตรงข้ามแล้ว
ผู้คนตระกูลฉินทุกคน รวมทั้งแขกที่มาร่วมพิธีส่วนใหญ่ ต่างก็อ้าปากค้างกันไปตามๆกัน
ฉินห้าวเทียนสีหน้าบึ้งตึง พูดอย่างเรียบเฉยว่า สหาย ในเมื่อเป็นถึงผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักสุริยัน!
งั้นก็ควรจะคำนึงถึงหน้าตาและฐานะของสำนักสุริยันบ้างไม่ใช่เหรอ?
ตระกูลฉินเราไม่รู้จริงๆว่าหลินหยุนอยู่ที่ไหน!
ถ้าหากรู้แล้ว ก็จะแจ้งให้ท่านทราบก็แล้วกัน!
แต่ถ้าไม่รู้ ท่านก็จะเอาชีวิตตระกูลฉินพวกเราทั้งหมดไปแทน เกรงว่าคงไม่สมเหตุสมผลล่ะมั้ง?
สำนักสุริยันอันธพาลถึงขั้นนี้แล้วเหรอ?
ในเวลานี่เอง
ฉู่เทียนที่อยู่ข้างหลังผู้อาวุโสใหญ่ก็พูดขึ้นว่า คุณปู่ฉินครับ ท่านก็อย่าได้ดึงดันต่อไปอีกเลย!
ถ้าหากตระกูลฉินรู้ฐานะของหลินหยุนนั้นละก็ ท่านก็รีบพูดออกมาเถอะ!
อารมณ์ของผู้อาวุโสใหญ่ไม่ค่อยจะดีนะ!
ถ้าหากผู้อาวุโสใหญ่ลงมือละก็ งั้นชีวิตคนตระกูลฉินก็คงรักษาไว้ไม่ได้จริงๆแล้ว!
ผมทราบว่าความสัมพันธ์ระหว่างหลินหยุนคนนั้นกับตระกูลฉินพวกคุณไม่ธรรมดาเลย!
ไม่เช่นนั้นละก็ น้าฉินคงไม่คิดจะยกชิงถงให้กับเจ้าหมอนั่นหรอก!
ดังนั้น เป็นไปไม่ได้ที่ตระกูลฉินจะไม่รู้ว่าหลินหยุนอยู่ที่ไหน!
คุณปู่ฉินครับ เพื่อตัวท่านเองและเพื่อตระกูลฉินทั้งหมด ท่านก็บอกที่อยู่ของหลินหยุนนั้นออกมาเถอะ!
เมื่อสิ้นเสียงของฉู่เทียน สายตาของคนตระกูลฉินทั้งหมดต่างก็มองไปที่ฉินเหมยทันที
ไม่มีอย่างอื่น เพราะว่าที่หลินหยุนมาถึงเมืองมี่หยุน
ที่มาถึงตระกูลฉินนั้น ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับใครทั้งสิ้น
ยกเว้นแต่จะเกี่ยวข้องกับฉินเหมยคนเดียวเท่านั้น!
ความเป็นมาของหลินหยุน นอกจากฉินเหมยและฉินห้าวเทียนแล้ว ตระกูลฉินทุกคนรวมทั้งฉินชิงถงด้วย ต่างก็ไม่รู้เรื่องเลย
ในเวลานี้เอง
ชายวัยกลางคนคนหนึ่งของตระกูลฉิน มองไปยังฉินเหมยแล้วพูดด้วยเสียงเย็นชาว่า น้องเล็ก หลินหยุนนั้นอยู่ที่ไหนกันแน่? ตอนนี้แกก็ยังไม่ยอมพูดออกมาอีกเหรอ?
เมื่อเห็นชายวัยกลางคนคนนี้พูดขึ้น
คนตระกูลฉินที่เหลือต่างก็ทยอยกันเปิดปากพูดบ้าง
ต่างก็กล่าวโทษตำหนิฉินเหมยขึ้นมา
ฉินเหมย!
แกคิดจะทำอะไรกันแน่?
ตั้งแต่หลินหยุนนั้นปรากฏตัวที่บ้านตระกูลฉินเรามา เขาก็ได้สร้างปัญหาเดือดร้อนให้กับพวกเราไม่น้อยเลยใช่ไหม?
หรือว่าแกยังลุ่มหลงงมงายไม่เลิกอีกเหรอ?
ยังมีอีกอย่าง แกบอกว่าหลินหยุนนั้นเป็นลูกของเพื่อนรักคนหนึ่งของแก แต่ว่าตั้งแต่เล็กจนโตแกก็อยู่แต่ในเมืองมี่หยุน ไม่เคยออกไปที่อื่นเลย แล้วจะมีเพื่อนรักอะไรจากที่ไหนกัน?
ตอนนี้แกก็พูดมาซิว่า หลินหยุนนั้นเป็นลูกของเพื่อนรักคนไหนของแกกันแน่?
ฉันว่าเจ้าเด็กนั่นไม่ใช่ลูกของเพื่อนรักอะไรของแกหรอก เพียงแต่แกใช้มาปกปิดอะไรไม่ให้คนอื่นรู้ใช่ไหม?
ฉินเหมย ตอนนี้ตระกูลฉินทั้งหมดก็มาถึงขั้นนี้แล้ว!
หรือว่าแกยังจะไปปกป้องเจ้าเด็กนั้นอีกเหรอ?
ในสายตาของแก ตระกูลฉินทั้งหมดสำคัญ หรือว่าหลินหยุนคนนั้นสำคัญกว่ากันแน่?
เมื่อได้ยินคำพูดแต่ละคำแล้ว
สีหน้าของฉินเหมยก็แลดูย่ำแย่อย่างมากทีเดียว
ฉินชิงถงที่อยู่ข้างกายก็สะบัดแขนของเธอออก ขมวดคิ้วแล้วหันหน้ากลับมาถามว่า แม่คะ แม่รีบบอกมาสิ หลินหยุนคนนั้นเป็นใครกันแน่?
ยังมีอีก ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนกันแน่?
แม่ก็พูดมาให้หมดเลยนะ!
แม่ส่งมอบหลินหยุนนั้นให้กับผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักสุริยันคนนี้ไป ตระกูลฉินพวกเรา ก็จะได้หมดเรื่องแล้วใช่ไหมล่ะ?
ทำไมแม่ถึงไม่ยอมพูดล่ะ?
หรือว่าแม่กับเจ้าหลินหยุนนั้นมีความสัมพันธ์ลับๆที่บอกใครไม่ได้อย่างงั้นเหรอ?
เพี๊ยะ_____
ฉินเหมยโกรธจัด
ยกมือขึ้นแล้วตบหน้าฉินชิงถงอย่างแรงไปหนึ่งที
มองดูลูกสาวที่อยู่แค่เอื้อมคนนี้
ในใจรู้สึกผิดหวังเหลือเกิน!
ฉินห้าวเทียนกวาดสายตาไปยังผู้คนตระกูลฉินทั้งหลาย จากนั้นก็พูดด้วยเสียงเย็นชาว่า ทุกคนหุบปากให้หมด!
พูดจบ
ก็มองไปยังผู้อาวุโสใหญ่สำนักสุริยัน
ท่านครับ ฉันก็ขอพูดอีกครั้งหนึ่ง!
ตระกูลฉินพวกเรา ไม่รู้ว่าหลินหยุนไปไหนแล้ว!
ถ้าหากท่านคิดจะลงมือแล้วก็ งั้นคนแซ่ฉินก็จะรับไว้ก็แล้วกัน!
ผู้อาวุโสใหญ่ได้ยินแล้ว ก็พูดเยาะเย้ยทันทีว่า ลำพังเจ้าบ้านตระกูลฉินเล็กๆแค่นี้ ยังกล้ามาท้าทายฉันเหรอ?
ในเมื่อแกไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา!
งั้นฉันก็จะให้แกสมหวังก็แล้วกัน!
เมื่อสิ้นเสียงลง ผู้อาวุโสใหญ่ก็ระเบิดขึ้นมาทันที
ติ่งเล็กสีดำขนาดเท่ากำปั้นก็หลุดออกจากมือไป
ติ่งเล็กสีดำนั้นค่อยๆขยายตัวออก กลายเป็นติ่งยักษ์ใบหนึ่ง ลอยวนเวียนอยู่ ท่ามกลางอากาศอย่างรวดเร็ว
แทบจะปกคลุมตระกูลฉินทั้งหมดไว้ภายใน
ในเวลาเดียวกันนี่เอง ก็เกิดสายฟ้าแลบสีดำผ่าลงมาเป็นสายๆ
ฉินห้าวเทียนหน้าเปลี่ยนสีทันที จากนั้นก็กระโดดลอยตัวขึ้นกลางอากาศ ชกหมัดที่น่าสะพรึงกลัวออกไปหนึ่งที ติ่งยักษ์ที่อยู่เหนือศีรษะก็ถูกกระแทกจนสั่นไหวแล้วเกิดเสียงระเบิดดังขึ้น
แต่กลับไม่ได้รับผลกระทบอะไรมาก
สายฟ้าสีดำก็ผ่าลงมาอย่างไม่หยุดหย่อน
ร่างของฉินห้าวเทียนก็หลบหายวับไปมา เปลี่ยนที่อยู่ตลอดเวลา
แต่ว่า ทุกครั้งหลังจากที่เขาเปลี่ยนตำแหน่งนั้น ก็จะมีสายฟ้าผ่าตามลงมาด้วยเสมอ
พลังแรงของสายฟ้าสีดำก็ยิ่งมายิ่งรุนแรงมากขึ้น
เสียงฟ้าผ่าลงมาแต่ละครั้ง ก็สั่นสะเทือนจนผู้คนทั้งหลายแตกตื่นตกใจไปหมด
ฉินห้าวเทียนตะโกนขึ้นกลางอากาศ
ยื่นมือออกไป ก็มีกระบี่ยาวสีเขียวด้ามหนึ่งลอยออกมาจากตึกหลังนั้น
แล้วเข้ามาอยู่ในมือของเขา
เมื่อกระบี่ด้ามยาวออกจากฝัก
ทันใดนั้น
อุณหภูมิทั่วทั้งฟ้าดินดูราวกับว่าต่ำลงอย่างมาก
ได้ยินเสียงของฉินห้าวเทียนพูดว่า ในเมื่อท่านบีบบังคับเช่นนี้ งั้นฉันก็ไม่ยั้งมือแล้ว!
กระบี่กั้นจิต!
เมื่อสิ้นเสียงคำรามของฉินห้าวเทียนแล้ว เขาก็ใช้นิ้วจิ้มลงตรงหว่างคิ้วของตัวเอง
เลือดสดๆก็พุ่งไปยังตัวกระบี่
กระบี่ยาวสีดำก็เปล่งประกายแสงสว่างจ้า
ฉินห้าวเทียนก็ใช้กระบี่แทงไปยังกลางอากาศที่ปกคลุมอยู่เหนือศีรษะของตัวเอง
โป้ง!
ปั้งปั้งปั้ง!
คัดๆๆๆๆ………..
หลังจากเสียงระเบิดที่สะท้านฟ้าสะเทือนแผ่นดินนั้นผ่านไปแล้ว
ช่องว่างกลางอากาศที่ถูกปกคลุมนั้นดูราวกับเกิดรอยแตกร้าวขึ้นมา
จากนั้นก็แตกแยกออกจากกัน
ส่วนติ่งยักษ์สีดำก็ระเบิดพลังแรงอันน่าสะพรึงกลัวที่ไร้เทียมทานออกมา
พลังแรงที่มองไม่เห็นก็ถูกปลดปล่อยออกมาทันที
กระบี่ยาวสีดำก็ร่วงหล่นลงมา
ฉินห้าวเทียนสีหน้าเปลี่ยนเป็นขาวซีดทันที จากนั้นก็กระอักเลือดออกมา
แล้วตกลงมาบนพื้น
ในเวลาเดียวกันนี่เอง
ติ่งยักษ์นั้นก็หดตัวลงเท่ากับกำปั้นเหมือนเดิม แล้วกลับไปอยู่ในมือของผู้อาวุโสใหญ่อีกครั้ง
ตั้งๆๆๆๆ
ผู้อาวุโสใหญ่ถอยหลังไปหลายก้าว สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเดี๋ยวแดงเดี๋ยวขาว
สายตาที่ลึกล้ำ จ้องมองฉินห้าวเทียนอย่างไม่กะพริบตา
สายตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
เมื่อเห็นฉากนี้แล้วผู้คนทั้งหลายต่างรู้สึกช็อกจนยืนตัวแข็งอยู่กับที่
ผู้อาวุโสใหญ่สำนักสุริยัน เป็นสุดยอดฝีมืออย่างแน่นอน
แต่ว่า
ใครก็คิดไม่ถึง
ฉินห้าวเทียน เป็นแค่ผู้นำของตระกูลระดับรองลงมาคนหนึ่ง ถึงกับแข็งแกร่งได้ถึงระดับนี้
ถึงแม้ว่าดูเหมือนผู้อาวุโสใหญ่ก็ยังได้เปรียบอยู่ก็จริง
แต่ว่า พลังฝึกฝนของฉินห้าวเทียนก็แข็งแกร่งมากเกินไปเช่นกัน
ค่อยๆลุกขึ้นยืน
ฉินห้าวเทียนมองไปยังผู้อาวุโสใหญ่ ยื่นมือออกไป กระบี่ยาวสีดำก็กลับเข้าไปอยู่ในมือของเขาอีกครั้งหนึ่ง
ได้ยินเสียงที่เขาพูดอย่างเงียบๆว่า
ท่านครับ ถึงแม้ว่าพลังฝึกฝนของท่านจะแข็งแกร่งก็ตาม! แต่คิดจะมาข่มขู่ชีวิตของคนตระกูลฉินเราทั้งหมด ก็ยังถือว่าไม่เพียงพอหรอก!
ฉันขอพูดเป็นครั้งสุดท้ายอีกครั้งหนึ่ง ที่อยู่ของหลินหยุนนั้น ตระกูลฉินเรา ไม่ได้รู้อะไรเลย!
นี่คือสัตย์จริง!
หวังว่าท่านคงจะเชื่อ!