จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 1184 คุกคาม
มองไปยังซ่านจ้านที่กำลังจากไปอย่างอกสั่นขวัญแขวน ซิงเฟยเบะปากและพูดขึ้นอย่างจำใจว่า รอที่จะเปิดศึกเถอะ! แต่ว่าตอนนี้มีข่าวดีสำหรับพวกเราอยู่เรื่องหนึ่งก็คือ ฉิวหรงกำลังเก็บตัวบำเพ็ญฝึกฝนอย่างหนักอยู่จริง ๆ!
หลินหยุนพยักหน้า เขาเองก็ไม่คิดว่า ซ่านเต้าจะปล่อยเรื่องนี้ให้จบลงไปง่าย ๆ
แดนยาทองระดับห้า ถือว่าแข็งแกร่งทรงพลังมากทีเดียว!
กลัวว่าตอนนี้เขาคงยากที่จะรับมือ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่สามารถสู้ได้
หลินหยุนพูดขึ้นด้วยสีหน้าท่าทางที่ไร้อารมณ์ไร้ความรู้สึก ไปกันเถอะ พวกเรากลับไปยังเมืองสุริยันกันอีกครั้ง!
ซิงเฟยเองก็พยักหน้า โดยที่ไม่ได้พูดอะไรต่ออีก
สำนักสุริยัน
ซ่านจ้านกลับมาถึงแล้วโดยที่ยังมีชีวิตอยู่ อีกทั้งยังได้นำจดหมายฉบับหนึ่งกลับมาด้วย
เมื่อได้เห็นเนื้อหาด้านในจดหมาย ซ่านเต้าถึงกับยิ้มเยาะออกมาอีกครั้ง
สังหารผู้อาวุโสสองคนของสำนักสุริยัน และยังลักพาตัวหลานชายของฉันไปอีก ตอนนี้กลับคิดจะมาขอสงบศึกอย่างนั้นเหรอ?
ฝันไปเถอะ!
ไอ้หลินหยุน หากไม่ฆ่าแก สำนักสุริยันของฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน? และยังจะมีที่ยืนอยู่ในโลกคุนชางต่อไปได้อย่างไร?
เนื้อหาในจดหมายเรียบง่ายมาก
เริ่มแรกได้ทำการบรรยายว่า ผู้อาวุโสสองคนของสำนักสุริยันนั้น ทำไมถึงต้องตายด้วย
จากนั้นก็ทำการเตือน
ถ้าหากสำนักสุริยันไม่ยินยอม ก็สามารถที่จะลงมือกับหลินหยุนได้ แต่ ถ้าหากกล้าลงมือกับตระกูลฉิน ก็จะไม่หยุดแก้แค้นจนกว่าจะตายกันไปข้างหนึ่ง!
ประโยคสุดท้าย อย่าหาว่าไม่เตือน!
เมื่อกวาดสายตาอ่านจนจบ กระดาษจดหมายในมือของซ่านเต้าก็สลายกลายเป็นผุยผง
ซ่านจ้านกัดฟันพูดอย่างโหดเหี้ยมว่า คุณปู่ ชายหญิงชั่วช้าคู่นั้น เวลานี้คงจะยังจากไปไม่ไกล ท่านสามารถไล่ตามได้ทัน!
ซ่านเต้ายิ้มเยาะ ไม่จำเป็น! สั่งการลงไปว่า หากหลินหยุนไม่ปรากฏตัว สำนักสุริยันจะลงมือจัดการกับตระกูลฉิน! ซึ่งจะให้เวลาเขาเพียงวันเดียวเท่านั้น!
หากเวลาผ่านพ้นไป จะสั่งให้คนจู่โจมทำลายตระกูลฉินแห่งมี่หยุนในทันที!
ไม่นาน ข่าวคราวก็ได้แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วดั่งกับสายลม
ที่จริงแล้ววัยรุ่นชายหญิงคู่นั้นที่ลักพาตัวซ่านจ้านไป ขณะที่อยู่ในหอสุริยันนั้น ผู้ชายหนึ่งในนั้น ก็คือหลินหยุนผู้ที่สังหารผู้อาวุโสสองคนของสำนักสุริยัน!
ผ่านไปไม่นาน เรื่องนี้ก็กลายเป็นที่วิพากษณ์วิจารณ์ของทุกคนกันไปแล้ว
โดยต่างก็ถอนหายใจ หลินหยุนช่างอาจหาญเกินไปแล้วจริง ๆ!
ถึงขนาดที่กล้าจะเหยียดหยามสำนักสุริยันขนาดนี้!
ไม่เพียงแต่สังหารผู้อาวุโสทั้งสองคนแล้ว ยังกล้าที่จะมาลักพาตัวหลานชายของเจ้าสำนักรองถึงเมืองสุริยันอีก ช่างรนหาที่ตายชัด ๆ!
ส่วนอีกฝั่งหนึ่ง ข่าวสารก็ได้แพร่กระจายไปถึงเมืองมี่หยุนอย่างรวดเร็ว
ตระกูลฉินเองก็ได้รับทราบข่าวสารนี้แล้ว
บุคคลสำคัญสามรุ่นของตระกูลฉิน ต่างก็มารวมตัวกันอยู่ที่ห้องประชุมของฉินห้าวเทียน
ไอ้หลินหยุนนั้นตกลงคิดที่จะทำอะไรกันแน่?
อยากที่จะให้ตระกูลฉินของพวกเราถูกทำลายลงใช่ไหม?
ตระกูลฉินของพวกเราตกลงไปกระทำผิดล่วงเกินอะไรต่อเขากันแน่?
ฉินเหมย ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นจากการกระทำของเธอคนเดียว!
ฉินเหมยสีหน้าย่ำแย่ และก็ลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ในทันที พร้อมกับพูดขึ้นอย่างหนักแน่นว่า พี่สอง ที่คุณพูดนี้หมายความว่าอย่างไร? คุณอย่าลืมนะว่า หากไม่ใช่หลินหยุน ตอนนี้พวกเราตระกูลฉินคงจะพังพินาศไปแล้ว!
เมื่อเธอพูดจบ พี่สะใภ้สองที่อยู่ด้านข้างพี่สองฉินหมิงก็พูดเยาะเย้ยถากถางขึ้นว่า น้องสาว แล้วทำไมเธอถึงไม่พูดบ้างล่ะว่า ก่อนหน้านี้เพราะเหตุใดตระกูลฉินถึงได้ก้าวมาถึงขั้นนี้ได้?
ว่ากันถึงแก่นแท้แล้ว ไม่ใช่เพราะเธอนำพาหลินหยุนผู้นั้นมาหรอกเหรอ?
ตอนนั้นที่เขาช่วยเหลือพวกเราตระกูลฉิน หรือว่ามันไม่สมควรอย่างนั้นเหรอ?
ตัวเขาเองที่สร้างปัญญา และสร้างความเดือดร้อนให้กับพวกเราตระกูลฉินจนเกือบจะพังพินาศ หรือว่าที่เขาช่วยเหลือพวกเรานั้น พวกเราจะต้องกตัญญูตอบแทนบุญคุณเขาด้วยอย่างนั้นเหรอ?
โลกใบนี้เหมือนจะไม่มีหลักการเหตุผลอะไรแบบนี้หรอกนะ?
เธอ……
ฉินเหมยสีหน้าย่ำแย่ พูดอะไรไม่ออกเลย
ชายวัยกลางคนอีกคนหนึ่งก็ยิ้มเยาะและพูดขึ้นว่า พี่สองและพี่สะใภ้สองพูดได้ถูกต้อง! น้องสาว ไม่ว่าจะพูดอธิบายอย่างไร ก็ยังเป็นเพราะว่าเธอนำพาหลินหยุนมายังตระกูลฉินของพวกเราจนทำให้เกิดความเดือดร้อนขึ้น!
คราวที่แล้วเขาเป็นผู้ที่ช่วยเหลือตระกูลฉินของเราจริง ๆ!
แต่ทั้งสองฝ่ายก็ไม่ติดค้างอะไรกันแล้ว!
แต่ในครั้งนี้ เป็นข่าวสารที่เจ้าสำนักรองสำนักสุริยันเป็นผู้เผยแพร่ด้วยตัวเอง!
ถ้าหากครั้งนี้หลินหยุนไม่ปรากฏตัว ตระกูลฉินของพวกเราก็คงจะไม่มีโอกาสอะไรอีกแล้ว!
น้องสาว แทนที่เธอจะโต้เถียงเรื่องเหล่านี้กับพวกเรา ควรจะบอกมาดีกว่าว่าหลินหยุนอยู่ที่ไหน พวกเราก็จะไปแจ้งให้กับสำนักสุริยันทราบ บางทีอาจจะช่วยแก้ไขวิกฤตในครั้งนี้ได้!
ฉินเหมยโกรธขึ้นทันทีและพูดว่า หลินหยุนได้จากไปแล้ว ฉันจะไปรู้ได้อย่างไรว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน?
ฉินหมิงกลับไม่เชื่อ ยิ้มเยาะและพูดขึ้นว่า เธอจะไม่รู้ได้อย่างไร? แม้ว่าทุกคนต่างก็ไม่รู้ แต่เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะไม่รู้!
น้องสาว ฉันไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าไอ้หลินหยุนนั้นตกลงได้พูดอะไรจนทำให้เธอหลงใหลขนาดนี้!
ครั้งที่แล้วเธอก็เป็นแบบนี้!
ตอนนี้เธอก็ยังคงเป็นแบบนี้อีก!
หรือว่าในสายตาของเธอนั้น ความเป็นความตายของตระกูลฉินมันเทียบไม่ได้กับไอ้หลินหยุนนั่นเพียงคนเดียวอย่างนั้นเหรอ?
ตกลงเธอคิดที่จะทำอะไรกันแน่?
หลังจากที่ฉินหมิงพูดจบ แม้แต่ฉินชิงถงที่อยู่ด้านข้าง ก็ได้ตำหนิเธอขึ้น
คุณแม่ ท่านทำเกินไปแล้วจริง ๆ!
ท่านอย่าลืมนะว่า ตอนนี้ทุกคนที่นั่งกันอยู่ที่นี่ล้วนแต่เป็นญาติพี่น้องของท่านทั้งนั้น!
มีทั้งคุณปู่ คุณลุงและคุณป้าก็อยู่กันครบ!
ฉันเองก็ด้วย!
ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าท่านเปลี่ยนไปเป็นคนเลือดเย็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!
หรือว่าญาติพี่น้องมากมายเหล่านี้ยังเทียบไม่ได้กับหลินหยุนเพียงคนเดียวอย่างนั้นเหรอ?
ถึงขนาดที่ท่านยังไม่เคยพูดเลยว่าตกลงหลินหยุนนั้นคือใครกันแน่!
ตกลงว่าท่านต้องการจะปกปิดเรื่องอะไร?
เปรี๊ยะ……
ฉินเหมยสีหน้าหม่นหมองอย่างมาก
โมโหจนร่างกายสั่นเทาไปหมด
แล้วก็ตบหน้าฉินชิงถงอย่างแรง
ใบหน้าที่ขาวนวลของฉินชิงถง พลันมีรอยฝ่ามือปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน
เธอไสหัวไปเดี๋ยวนี้ ฉันจำเป็นต้องให้ไอ้คนเนรคุณอย่างเธอมาตั้งข้อสงสัยตัวฉันตั้งแต่เมื่อไหร่?
ฉินชิงถง คนอื่นจะว่าฉัน สงสัยในตัวฉัน ก็ถือว่าช่างมัน แต่ที่นี่เธอมีสิทธิที่จะพูดตั้งแต่เมื่อไหร่?
เธอไสหัวไปเดี๋ยวนี้ ก่อนหน้านี้เธอเคยบอกว่าจะตัดขาดความสัมพันธ์แม่ลูกกับฉันไม่ใช่เหรอ?
อย่างนั้นตอนนี้ฉันตกลงในสิ่งที่เธอต้องการ นับตั้งแต่นี้ต่อไป เธอไม่ใช่ลูกสาวของฉินเหมยอีก!
รีบไปให้พ้นจากสายตาของฉันเดี๋ยวนี้!
ใบหน้าของฉินชิงถงปวดแสบปวดร้อน น้ำตาคลอเบ้า แต่แววตาของเธอนั้นกลับแฝงไปด้วยความผิดหวังและความไม่เหลือเยื่อใย
ตกลง! นี่คือสิ่งที่ท่านพูดออกมา ท่านอย่ามาเสียใจภายหลัง!
ท่านคิดว่าไม่มีท่านแล้ว ฉันจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้แล้วใช่ไหม?
ไม่! ฉันไม่เพียงจะมีชีวิตอยู่ต่อไป! แต่จะใช้ชีวิตให้ดีขึ้นอีกด้วย!
ท่านคิดว่าฉันยังต้องการมีแม่ที่ประพฤติตัวไม่สำรวมแบบนี้อยู่อีกเหรอ?
หรือท่านยังไม่รู้อีกว่า ตอนนี้คนภายนอกต่างมองท่านอย่างไรบ้างแล้ว?
ก่อนอื่นเคยถูกท่านจินจับกุมตัวไว้หนึ่งคืนโดยที่ไม่รายละเอียดที่ชัดเจน จากนั้นก็มีความสัมพันธ์ที่คลุมเครือกับหลินหยุนที่มีอายุน้อยกว่าท่านเกือบครึ่ง!
ท่านยังคิดว่าตนเองยังบริสุทธิ์และสูงส่งอยู่อีกอย่างนั้นเหรอ?
ทุกประโยค ทุกคำพูดของฉินชิงถง ราวกับมีดคมเล่มหนึ่ง ทิ่มแทงไปยังหัวใจของฉินเหมยอย่างแรง
ขณะนั้น เหมือนว่าเธอเองไม่รู้จักลูกสาวที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็กจนโตที่อยู่เบื้องหน้าของตัวเธอแล้วจริง ๆ
เวลานี้ เธอไม่มีความโกรธเคืองอะไร และก็ไม่มีความเจ็บปวดรวดร้าวใจอะไร
เพราะว่าจิตใจของเธอนั้น ได้ตายลงไปแล้ว
อยู่ดี ๆ เธอก็หัวเราะ
สายตากวาดมองไปทั่วห้องประชุม เพื่อมองดูใบหน้าที่คุ้นเคยของแต่ละคนที่อยู่บริเวณโดยรอบ
เธอร้องไห้น้ำตาไหลพราก แต่เธอก็ยังคงหัวเราะอยู่อย่างกำเริบเสิบสาน
นี่คือตระกูลของเธอใช่ไหม?
นี่คือญาติพี่น้องร่วมสายเลือดของเธอใช่ไหม?
เธอเหนื่อยมากแล้ว