จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 1193 สี่เยว่
เมื่อได้ยินคำพูดของผู้หญิงวัยกลางคน ทำให้ฉินชิงถงตกตะลึงจนหายใจเร็วทันที
เธอเบิกตากว้าง จิตใจของเธอเต็มไปด้วยความตกตะลึง
อาจารย์ คุณพูดอะไรนะ?
คุณพูดว่า……คุณเป็นคนของสำนักหยุนเยว่ที่เป็นหนึ่งในเก้าสำนักเหรอ?
สายตาของผู้หญิงวัยเปล่งประกายทันที
เด็กสาวอย่างเธอก็รู้จักสำนักหยุนเยว่ด้วยเหรอ?
ฉินชิงถงพยักหน้าด้วยความตื่นเต้น อาจารย์ ลูกศิษย์เคยได้ยินชื่อเสียงของสำนักหยุนเยว่มาแล้ว สำนักหยุนเยว่เป็นหนึ่งในเก้าสำนัก มีฐานะที่สูงส่งและไม่ธรรมดาเลย!
ลูกศิษย์คิดไม่ถึงจริงๆ อาจารย์จะเป็นคนของสำนักที่แข็งแกร่งและมีอิทธิพลขนาดนั้น!
ฉินชิงถงคาดคิดไม่ถึงจริงๆ
สำนักหยุนเยว่ก็เป็นสำนักที่แข็งแกร่งมากๆเช่นกัน
เมื่อเปรียบเทียบกับสำนักหยุนเยว่ สำนักสุริยันก็เหมือนกับแสงหิ่งห้อยที่ไม่อาจจะเทียบแสงเงาจันทร์อย่างสำนักหยุนเยว่ได้
ผู้หญิงวัยกลางคนพูด เธอรับรู้ก็พอแล้ว! อาจารย์อยู่ที่สำนักหยุนเยว่อยู่ในลำดับที่สี่ ชื่อของอาจารย์คือสี่เยว่!
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เธอก็คือลูกศิษย์ของฉันแล้ว!
อาจารย์จะพาเธอกลับไปที่สำนักหยุนเยว่!
เธอต้องตั้งใจฝึกฝนอย่างหนัก!
ด้วยพรสวรรค์ของเธอ ไม่ช้าก็เร็ว เธอต้องสังหารศัตรูด้วยมือของตัวเองได้อย่างแน่นอน!
อาจารย์จะไม่ไปแก้แค้นให้เธอ!
เธอต้องแก้แค้นด้วยตัวเอง !
มันก็คือจุดมุ่งหมายหนึ่งในชีวิตของเธอ!
ฉินชิงถงคุกเข่ากับพื้นอีกครั้ง น้ำตาของเธอไหลออกมาเต็มหน้า
อาจารย์ ชิงถงจะไม่ทำให้คุณผิดหวังอย่างแน่นอน ฉันจะฝึกฝนอย่างหนัก ในอนาคตข้างหน้าฉันจะสังหารศัตรูด้วยมือของฉันเอง!
สี่เยว่พยักหน้าด้วยความพอใจและพูด มีความทะเยอทะยานแบบนี้ก็ดีแล้ว!
ฉินชิงถงเช็ดน้ำตาที่อยู่บนใบหน้า และค่อยๆยืนขึ้นมาและเดินไปทางทิศเหนืออย่าช้าๆ
หลินหยุนกับตระกูลฉิน!
วันนี้ ฉันฉินชิงถงขอสาบาน เรื่องอัปยศที่พวกคุณมอบให้ฉันในวันนี้ ในอนาคตข้างหน้าฉันจะให้พวกคุณชดใช้ร้อยเท่าพันเท่า!
หลินหยุน คุณเป็นอัจฉริยะแล้วยังไง คุณสามารถสังหารยอดฝีมือแดนยาทองแล้วยังไง?
ฉันต้องการฆ่าตัวตาย แต่ฉันกลับถูกอาจารย์ช่วยชีวิตเอาไว้!
ตอนนี้ฉันจะได้เข้าสู่สำนักที่แข็งแกร่งและมีอิทธิพลมากๆ!
คุณรอฉันให้ดีๆ ฉันจะไปหาคุณในไม่ช้าอย่างแน่นอน!
เพราะชีวิตของคุณ! ฉันจะเป็นคนไปสังหารเอง!
ความเกลียดชังอันแรงกล้าปะทุออกมาทันที!
แม้แต่สี่เยว่ที่อยู่ข้างๆก็รู้สึกตกตะลึงเหมือนกัน
แต่เธอกลับไม่ได้พูดอะไรออกมา
มีความแค้นและความเกลียดชังขนาดนี้ มันจะกลายเป็นแรงผลักดันให้เธอฝึกฝนอย่างหนัก
ขอแค่เธอไม่โดนมารครอบงำจิตใจก็พอ
เมื่อคนๆหนึ่งมีแรงปรารถนาอันแรงกล้าอยู่ในใจ พลังของของเขาก็จะฝึกฝนได้อย่างรวดเร็ว
……
ในเวลานี้ หลินหยุนนั่งอยู่ในถ้ำที่เขาขุดขึ้นมาเอง
ในที่สุดเขาก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมา
หลังจากใช้เวลาครึ่งเดือนในการฟื้นฟูพลัง
หลินหยุนในเวลานี้ เส้นผมสีขาวก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีดำ พลังชีวิตที่อ่อนแอก็ค่อยๆฟื้นฟูกลับมา
เมื่อมองเห็นหลินหยุนลืมตา ซิงเฟยที่อยู่ข้างๆก็รีบพูดทันที คุณฟื้นฟูเสร็จแล้วเหรอ?
หลินหยุนพยักหน้า ฉันฟื้นฟูได้พอสมควรแล้ว!
ซิงเฟยโล่งอกทันที หลังจากนี้ คุณจะทำอะไรต่อ?
หลินหยุนพูด คุณได้ติดต่อกับโลกภายนอกไหม? ตอนนี้สถานการณ์ด้านนอกเป็นยังไงบ้าง?
ซิงเฟยรีบพูดทันที ตอนนี้ชื่อเสียงของคุณได้แพร่กระจายไปทั่วภาคตะวันออกเฉียงเหนือแล้ว!
ตอนนี้คงมีคนน้อยมากๆที่ไม่รู้จักชื่อเสียงของคุณ!
สำหรับสำนักสุริยัน ตอนนี้ไม่ได้มีข่าวคราวอะไรแพร่ออกมาเลย!
วิหารผนึกวิญญาณก็ไม่มีเช่นกัน!
มีอีกเรื่องหนึ่ง ตระกูลฉินก็ปลอดภัยดี!
ดูเหมือนว่าการที่คุณสังหารซ่านเต้าแล้ว ทำให้คนอื่นๆเกิดความหวาดกลัว!
แน่นอนว่ารวมถึงเธอด้วยเช่นกัน
หลินหยุนพยักหน้าและพูดเบาๆ เป็นอย่างนี้ก็ดีแล้ว!
ซิงเฟยพูด หลังจากนี้คุณจะทำอะไรต่อเหรอ?
หลินหยุนครุ่นคิดชั่วครู่ ฉันต้องทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นโดยเร็ว ไปกันเถอะ พวกเราไปจากที่แห่งนี้ก่อน!
ทั้งสองคนไม่ได้รีบเดินทาง พวกเขาเดินอย่างช้าๆออกจากป่า
หลินหยุนก็ถามเรื่องเกี่ยวกับโลกคุนชางจากซิงเฟยตลอด
หลินหยุนถามขึ้นมีอีกครั้ง คุณรู้จักสำนักฉีเทียนไหม?
ซิงเฟยอึ้งไปชั่วครู่ สำนักฉีเทียน? ไม่เคยได้ยินมาก่อน! เป็นสำนักที่ใหญ่มากๆเลยเหรอ?
หลินหยุนครุ่นคิดชั่วครู่และพูด น่าจะไม่ใช่สำนักเล็กๆ! ฉันเคยเจอลูกศิษย์วัยรุ่นสองคนของสำนักนี้ พวกเขาต่างเป็นยอดฝีมือแดนยาทอง!
ซิงเฟยตกใจมากๆ ลูกศิษย์วัยรุ่นก็ฝึกฝนถึงแดนยาทองแล้วเหรอ? เป็นไปไม่ได้! ถ้าลูกศิษย์วัยรุ่นก็สามารถฝึกฝนถึงแดนยาทองได้ ถ้างั้นสำนักนี้ต้องแข็งแกร่งมากๆ มีเพียงเก้าสำนักเท่านั้นที่สามารถทำได้!
เมื่อคิดถึงเก้าสำนัก
ซิงเฟยตกใจจนร่างกายสั่นเทาและรีบพูด คุณพูดถึงสำนักฉีซานกับสำนักเทียนหยุนหรือเปล่า?
สายตาของหลินหยุนเป็นประกายทันที ฉีซาน เทียนหยุน ฉีเทียน……มันก็อาจจะเป็นไปได้!
มู่หงกับเจียงเฉิง พวกเขาสองคนฝึกฝนวิชาที่ไม่เหมือนกันเลย
บางทีพวกเขาสองคนอาจจะออกจากโลกคุนชางโดยบังเอิญ และใช้ชื่อตัวหนึ่งของทั้งสองสำนัก รวมกันเป็นสำนักฉีเทียน
ซิงเฟยกลืนน้ำลายและพูด คุณมีความแค้นกับสองสำนักนั้นหรือเปล่า? ฉันขอเตือนคุณ สองสำนักนั้นต่างเป็นหนึ่งในเก้าสำนัก สำนักสุริยันเทียบกับพวกเขาไม่ได้เลย!
แม้แต่สำนักสุริยันเอง ก็เพราะเจ้าสำนักใหญ่อย่างฉิวหรงเก็บตัวฝึกฝนอยู่!
มิฉะนั้น คุณคิดว่าตัวเองสามารถรอดชีวิตออกมาได้เหรอ?
หลินหยุนพยักหน้าทันที คำพูดของซิงเฟยนั้นมีเหตุผลมากๆ
ถ้าเจ้าสำนักใหญ่ของสำนักสุริยันอยู่ในสำนักจริงๆ เขาคงไม่สามารถใช้การต่อสู้แบบซึ้งๆแบบนี้เพื่อจัดการปัญหาได้อย่างแน่นอน
ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่ต้องไปจัดการมู่หงกับเจียงเฉิง
ผ่านไปสามวัน ทั้งสองคนเดินออกมาจากป่าลึก
พลังในร่างกายของหลินหยุนก็ฟื้นฟูได้ดีขึ้นเยอะแล้ว
บนร่างกายของเขามีบาดแผลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และฟื้นฟูจนเกือบจะหายดีทั้งหมด
วันที่สี่ ด้านหน้าของทั้งสองคนมีเมืองเล็กๆแห่งหนึ่งปรากฏ
ซิงเฟยพูด ตรงนี้ห่างจากเมืองเทียนสุยกับเมืองมี่หยุนไม่ไกลแล้ว มีระยะทางหลายร้อยกิโลเมตร ที่นี่คือเมืองชิงเฟิง
ตอนนี้อาการบาดเจ็บของคุณยังไม่ได้หายดีทั้งหมด พวกเราซื้อรถเมฆสักคันจากเมืองชิงเฟิงกันเถอะ!
รถเมฆคือยานพาหนะชนิดหนึ่งที่ใช้ค่ายกลในการขับเคลื่อน มันจะบินเหนือพื้นดินหนึ่งเมตรกว่าๆ
มันมีความมั่นคง นั่งได้สบายและหรูหรากว่ารถม้า พูดได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ มันเป็นสัญลักษณ์และฐานะอย่างหนึ่ง
โดยเฉพาะรถเมฆที่มีความหรูหรา ราคาของมันสูงถึงน้ำชี่ทิพย์หลายร้อยหยดเลย
หลินหยุนไม่ได้พูดปฏิเสธ ทั้งสองคนเดินเข้าไปในเมืองชิงเฟิง จากนั้นพวกเขาก็ไปที่หอไป่เต้าและซื้อรถเมฆคันหนึ่ง
หลังจากพวกเขาจากไปได้ไม่นาน มีชายวัยกลางคนหลายๆคนเดินเข้ามา พวกเขาเดินไปด้วยและคุยไปด้วย
ได้ยินชายร่างใหญ่ที่ถือดาบยักษ์คนหนึ่งพูด หลังจากพวกเราเตรียมพร้อมแล้ว การไปสถานที่ลึกลับครั้งนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเราต้องได้สมบัติล้ำค่ามาบ้าง!
หลังจากชายร่างใหญ่พูดจบ ชายร่างผอมที่อยู่ใกล้ๆก็รีบพูดขึ้นมาทันที ถูกแล้ว! ถึงแม้พวกเราจะห้ามตระกูลใหญ่ๆจากเมืองข้างๆมายังสถานที่ลึกลับไม่ได้ แต่ถ้าพวกเราร่วมมือกัน พวกเราก็จะมีโอกาสได้สมบัติล้ำค่าอย่างแน่นอน!
พวกเขาซื้อโอสถไปเยอะมากๆ จากนั้นพวกเขาก็จากไปอย่างรวดเร็ว
หลินหยุนกับซิงเฟยสบตากันทันที
ซิงเฟยพยักหน้า เธอเข้าใจความคิดของหลินหยุนทันที