จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 1207 เปลี่ยนสถานที่
แววตาของวูแสหยุนเกิดความหวาดกลัวอย่างที่สุด จ้องเขม็งไปที่ผางเห้อด้วยสภาพที่ภายนอกเข้มแข็งแต่ภายในอ่อนแอพร้อมกับตวาดขึ้นว่า ผางเห้อ ฉันเป็นคุณชายของปราสาทตระกูลวู! และยังเป็นอัจฉริยะที่สำนักเต๋าเสินเซียวให้ความสำคัญมากที่สุดด้วย!
นายกล้าฆ่าฉัน ไม่ว่าจะเป็นปราสาทตระกูลวู หรือสำนักเต๋าเสินเซียว ต่างไม่มีทางที่จะไว้ชีวิตนายอย่างเด็ดขาด!
นายก็แค่ผู้ฝึกอิสระเท่านั้น เมื่อถึงเวลานั้นจะทำให้นายต้องจนตรอกสิ้นไร้หนทางอย่างแน่นอน!
ผางเห้อเหมือนจะตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้ว สำหรับการข่มขู่คุกคามของวูแสหยุนนั้น เขาไม่ได้ใส่ใจอะไร
เขากัดฟันเหล็กในปากอย่างแน่น หัวเราะเสียงแข็งและพูดขึ้นว่า จริงเหรอ? ปราสาทตระกูลวู สำนักเต๋าเสินเซียว เมื่ออยู่ต่อหน้าของฉันแล้ว ล้วนถือว่าเป็นผู้มีอิทธิพลยิ่งใหญ่ ฉันเองก็ยังพอเกรงกลัวอยู่บ้าง!
แต่ก็แค่เกรงกลัวเท่านั้น!
เพียงแค่ผลลัพธ์สิ่งตอบแทนคุ้มค่ามากพอ งั้นก็ไม่ถือว่าเป็นปัญหาอะไร!
วูแสหยุน อัจฉริยะในสำนักใหญ่ที่หลงระเริงโอ้อวดอย่างนายนี้ ฉันพบเจอมามากแล้ว!
นายคิดว่าอย่างนายนี้ ลำพังแค่อาศัยสำนักที่อยู่เบื้องหลัง ก็สามารถที่จะทำให้ผู้คนหวาดกลัวเหรอ? มันทำได้ง่ายอย่างนั้นเลยเหรอ?
ดอกไม้ในเรือนกระจกอย่างนายนี้ คิดว่าโลกนี้มันง่ายดายขนาดนั้นเลยเหรอ!
ไม่ฆ่านาย ก็เพราะสิ่งตอบแทนมันยังไม่คุ้มค่าก็เท่านั้น!
เมื่อสิ่งตอบแทนมันคุ้มค่ามากพอ ฆ่านายก็เหมือนกับฆ่าสุนัขตัวหนึ่งเท่านั้น!
บางทีนายอาจจะเป็นอัจฉริยะอะไรก็ตาม หรืออาจจะเป็นผู้ที่สำนักเต๋าเสินเซียวให้ความสำคัญ!
แต่ต้องมีเงื่อนไขว่า นายจะต้องมีชีวิตอยู่!
อัจริยะคนหนึ่งที่ตายไปแล้ว จะไปมีคุณค่าอะไรที่ควรพูดถึงกันล่ะ?
ปราสาทตระกูลวู กับสำนักเต๋าเสินเซียวของนายนั้นมีความแข็งแกร่งอย่างมากก็จริง!
เหอะเหอะ แต่โลกคุนชางยิ่งใหญ่กว่ามากนัก!
ฉันเพียงแค่ตั้งใจหลบซ่อนตัว ต่อให้มีอิทธิพลอำนาจยิ่งใหญ่แล้วอย่างไรล่ะ?
ขณะที่พูด ลำแสงอันแหลมคมของกระบี่ยาวก็ได้ฟาดฟันทะลุท้องฟ้า พุ่งตรงเข้าสังหารวูแสหยุนทันที
วูแสหยุนตกใจอย่างมาก และจ้องมองด้วยความโกรธแค้น
ในเวลานี้ เขาหวาดกลัวแล้วจริง ๆ!
เขารู้สึกถึงความหวาดกลัวของความตายเป็นครั้งแรกในชีวิต
เขาเป็นถึงคุณชายของปราสาทตระกูลวู เขาเป็นถึงลูกศิษย์อัจฉริยะของสำนักเต๋าเสินเซียว ที่เป็นหนึ่งในเก้าสำนักใหญ่เลย!
หรือว่าวันนี้เขาจะต้องตายลงแล้วอย่างนั้นเหรอ?
เวลานี้ จิตใจของเขาเต็มไปด้วยความเสียใจในภายหลังอย่างที่สุด
เขาโอ้อวดหยิ่งผยองมากเกินไปจริง ๆ
เขารู้มานานแล้วว่าตนเองหยิ่งผยอง แต่เขาคิดอยู่เสมอว่า เขาเองนั้นมีต้นทุนคุณสมบัติที่เพียงพอจะหยิ่งผยองได้
แต่ตอนนี้ ต้นทุนคุณสมบัติในการหยิ่งผยองของเขานั้นได้สูญสิ้นไร้ค่าไป เขาจะต้องตายแล้ว
ไม่มีใครที่จะยื่นมือออกมาขัดขวาง แต่ละคนล้วนมองดูกันอย่างเย็นชาอยู่ด้านข้าง
เพราะว่าผางเห้อพูดได้ถูกต้อง นี่ต่างหากคือโลกคุนชางที่แท้จริง
เพียงแค่มีสิ่งตอบแทนที่คุ้มค่ามากพอ ไม่มีเรื่องอะไรที่จะทำไม่ได้ และก็ไม่มีผู้ใดที่ฆ่าไม่ได้!
มียอดฝีมือจำนวนไม่น้อย ที่เวลานี้ถึงขนาดหัวเราะเยาะ
วูแสหยุนอัจฉริยะของสำนักใหญ่ที่หลงระเริงขนาดนี้ ที่จริงแล้วก็ถือเป็นเรื่องปกติ!
อัจฉริยะของสำนักใหญ่คนไหน ที่จริงแล้วต่างก็มีลักษณะนิสัยแบบนี้กันทั้งนั้น!
อาศัยว่ามีเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่ก็คิดว่าไม่มีใครกล้าที่จะลงมือทำร้ายพวกเขา
แต่เมื่อถึงขั้นที่ต้องลงมือจริง ๆ พวกเขาก็ถูกฆ่าเหมือนกับลูกไก่ก็เท่านั้น!
นี่ก็คือการที่ไม่เคยโดนผู้อื่นลงมือทำร้ายมาก่อน!
นับแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมีอัจฉริยะจำนวนเท่าไรที่จะต้องพบกับความตายแบบนี้!
เพียงแค่วันนี้มาถึงคราวของวูแสหยุนก็เท่านั้นเอง!
เหอะเหอะ!
วูแสหยุนนี้จะตายหรือไม่ตาย ถึงอย่างไรก็ไม่ได้ช่วยเหลืออะไรพวกเราในการแย่งชิงหินผลึกนี้อยู่แล้ว!
จะตายก็ตายไปเถอะ!
เมื่อเขาตายไป ก็หมดสิ้นการขัดขวางของสำนักเต๋าเสินเซียว พวกเราก็จะสะดวกสบายมากขึ้นอีก
กระบี่ยาวฟาดฟันสังหาร ร่างกายของวูแสหยุนก็ระเบิดขึ้น แม้แต่ยาทองก็ได้ระเบิดแหลกสลายไปพร้อมกันด้วยทั้งหมด
ลูกศิษย์อัจฉริยะของสำนักเต๋าเสินเซียวคนนี้ เสียชีวิตลงคาที่
แม้ว่าพลังการโจมตีของผางเห้อจะไม่แข็งแกร่งเท่าไร แต่วูแสหยุนที่มีขั้นยาทองระดับหนึ่ง เมื่อถูกธงค่ายกลควบคุมเอาไว้แล้ว ก็ไม่ต่างอะไรกับลูกไก่เลย!
ผางเห้อเก็บธงค่ายกล แล้วก็เก็บกระบี่ยาวขึ้น
สายตาที่ล้ำลึกได้กวาดมองไปยังทุกคนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม แล้วก็พูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า ตอนนี้ ยังมีใครที่คิดต้องการสมบัติชิ้นนี้อีกไหม?
สิบกว่าคนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ก็มองกันไป มองกันมา โดยที่ไม่มีผู้ใดเอ่ยตอบ
การลงมือของผางเห้อเมื่อครู่นี้ สร้างความตกตะลึงให้กับพวกเขาเป็นอย่างมาก
พวกเขาฝั่งนี้ส่วนใหญ่จะมีพลังบำเพ็ญขั้นยาทองระดับหนึ่งและยาทองระดับสอง ซึ่งไม่มีสิทธิจะพูดอะไรเลยจริง ๆ
พูดกันตามตรง พวกเขาเหล่านี้ต่างก็รู้อยู่แก่ใจว่า พลังบำเพ็ญไม่ถึงก็ไม่มีสิทธิที่จะไปแย่งชิงหินผลึกสมบัติล้ำค่าสูงสุดนั้นได้
เพียงแต่ว่าไม่เต็มใจ คิดว่าต้องการได้รับประโยชน์บ้างเล็กน้อยก็พอแล้ว ไม่ใช่ว่าคิดจะไปแย่งชิงจริง ๆ สักหน่อย
นี่ก็คือกฎเกณฑ์ของโลกคุนชาง
ยอดฝีมือล้วนมีเหตุผลที่เหนือกว่าผู้อ่อนแอ!
กำลังก็คือเหตุผล!
ไม่นาน ทุกคนก็ได้มองไปยังผู้อาวุโสรองสำนักสุริยัน รวมถึงทูตวิญญาณที่สองวิหารผนึกวิญญาณ
ทุกคนในสถานที่แห่งนี้ ก็มีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้น ที่มีคุณสมบัติในการเผชิญหน้ากับพวกผางเห้อทั้งสามคน
ผู้อาวุโสรองสำนักสุริยันกับทูตวิญญาณที่สองวิหารผนึกวิญญาณทั้งสองคนได้สบตาซึ่งกันและกัน
จากนั้น ทูตวิญญาณที่สองก็มองไปที่ผางเห้อ กู่มู่ รวมถึงหลินหยุน พร้อมกับพูดขึ้นว่า สามท่าน พวกท่านล้วนเป็นยอดฝีมือยาทองระดับสี่!
โดยเขาได้ถือว่าหลินหยุนนั้น มีพลังบำเพ็ญขั้นยาทองระดับสี่โดยอัตโนมัติ
เพราะแม้ว่าพลังบำเพ็ญจะยังด้อยกว่าเล็กน้อย แต่อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์เมื่อสักครู่ที่หลินหยุนแสดงออกมา กลับทำให้เขาตกตะลึงอย่างมากเลยทีเดียว
เดิมทีเขาคิดที่จะไปสอบถามหลินหยุนว่า ตกลงหลินหยุนนั้นมีเบื้องหลังอะไรกันแน่
แต่จะว่าไปตอนนี้ก็ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม ต่อให้มีโอกาสก็คงจะไม่มีใครตอบคำถามนี้เป็นแน่
ชะงักไปชั่วครู่ แล้วทูตวิญญาณที่สองก็พูดต่อว่า แต่ทางพวกเรานี้ มียอดฝีมือเกือบจะยี่สิบคน!
ยิ่งไปกว่านั้น เวลานี้สหายผางเห้อก็มีอาการบาดเจ็บอยู่!
ฉันคิดว่าท่านทั้งสามไม่ว่าใครที่ต้องการหินผลึกสมบัติล้ำค่าสูงสุดนั้น ก็นำสิ่งของบางอย่างออกมา แบ่งปันให้กับทุกคนบ้าง!
ไม่อย่างนั้นหากเกิดการลงมือปะทะกันจริง ผลแพ้ชนะก็ไม่อาจเป็นที่ทราบได้!
สหายทั้งสาม หรือว่าพวกท่านจะเจรจาปรึกษากันก่อนสักเล็กน้อย?
ได้ยินคำพูดของทูตวิญญาณที่สอง สีหน้าของผางเห้อก็ย่ำแย่ลง
นี่คิดที่จะแบ่งแยกเขากับกู่มู่ และหลินหยุนทั้งสามคนออกจากกัน
เพียงแค่ในสามคนนี้มีหนึ่งคนที่มีความคิดเห็นอื่น อย่างนั้นพวกเขาก็สามารถอาศัยช่วงจังหวะชุลมุนแย่งชิงสิ่งของไปได้แล้ว
ผางเห้อหันหน้ามองไปที่กู่มู่และหลินหยุนอย่างระแวดระวัง และพูดขึ้นว่า สหายทั้งสอง พวกท่านเห็นว่าอย่างไร? จะลงมือกำจัดพวกคนฝ่ายตรงข้ามนี้ก่อนแล้ว พวกเราสามคนจึงค่อยมาทำการเจรจา หรือว่าจะตอบรับความคิดเห็นของทูตวิญญาณที่สอง?
แม้ว่าเขาจะมั่นใจอย่างมากว่า กู่มู่กับหลินหยุนจะตัดสินใจเลือกได้อย่างถูกต้อง
แต่ใครก็ไม่สามารถที่จะมุดเข้าไปในสมองเพื่อดูได้ว่า กู่มู่กับหลินหยุนนั้นจะตัดสินใจอย่างไร เขาจึงไม่สามารถที่จะยืนยันชัดเจนได้
กู่มู่พูดขึ้นว่า ฉันค่อนข้างจะเห็นด้วยว่า ลงมือกำจัดพวกเขาเสียก่อน! พวกเราสามคนจึงค่อยมาเจรจาปรึกษากัน!
กู่มู่พูดจบ ทั้งสองคนก็เดินตรงเข้ามาหาหลินหยุนพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
หลินหยุนพูดขึ้นว่า ไม่จำเป็นจะต้องจัดการอะไรเลย แค่เปลี่ยนสถานที่ก็พอแล้ว!
ขณะที่พูด ร่างของเขาก็กระพริบ แวบหายไปในอากาศในพริบตา
วินาทีต่อมา ก็ถือหินผลึกอยู่ในมือแล้ว
ในขณะเดียวกัน ก็คว้าร่างของซิงเฟยขึ้นแล้วก็กระโดดขึ้นในอากาศมุ่งหน้าไปทางทิศใต้
ผางเห้อกับกู่มู่เห็นเหตุการณ์ดังนั้น แววตาก็เปลี่ยนทันที จากนั้นก็รีบมุ่งหน้าไล่ตามไปทางทิศใต้
ยอดฝีมืออีกสิบกว่าคนก็ทยอยกระโดดขึ้นในอากาศ แล้วก็ติดตามไป
แต่ว่า ยังมียอดฝีมือขั้นยาทองระดับหนึ่งและขั้นยาทองระดับสองอีกกว่าหกเจ็ดคนที่ไม่ได้ไล่ตามไป โดยเลือกที่จะอยู่ที่ตรงนี้
ในจำนวนนี้รวมไปถึงโจงหมิงกับฉู่จิงเผิงทั้งสองคน
เห็นทุกคนทยอยกระโดดขึ้นไปในอากาศแล้วก็มุ่งหน้าจากไป โจงหมิงกับฉู่จิงเผิงก็ได้มองหน้าสบตาซึ่งกันและกัน