จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 1208 นายไม่มีคุณสมบัติ
ปล่อยให้พวกเขาไปเถอะ!
พวกเราอยู่กันต่อที่นี่ ภายในสำนักแห่งนี้ยังมีอีกหลายที่ที่ยังไม่ได้ค้นหา บางทีอาจจะพบเจอของล้ำค่าอะไรอีกก็เป็นได้!
สมบัติล้ำค่าแม้ว่าจะเป็นของดี แต่ก็ต้องมีชีวิตที่จะครอบครองถึงจะถูก!
ฉู่จิงเผิงพยักหน้า และพูดขึ้นว่า ถูกต้อง! การแย่งชิงระดับนั้น ไม่ใช่ว่าพวกเราจะสามารถเข้าร่วมได้!
ผู้ที่มีความคิดแบบเดียวกันกับพวกเขา ยังมีอยู่อีกหลายคน
เวลานี้ทุกคนต่างก็กระจายแยกย้ายกันไป เพื่อค้นหาสิ่งของภายในสำนักนี้กันต่อ
ส่วนอีกฝั่งหนึ่ง หลินหยุนพาซิงเฟยเหาะเหินมาทางอากาศ
ความเร็วก็ไม่ถึงกับรวดเร็วมากนัก แต่ก็ไม่ช้า
ผางเห้อกับกู่มู่ทั้งสองคนไล่ตามเขามาได้อย่างไม่เป็นปัญหา
อีกฝั่งหนึ่ง ทูตวิญญาณที่สองวิหารผนึกวิญญาณ และผู้อาวุโสรองสำนักสุริยัน ก็สามารถไล่ตามทันอยู่บ้าง
ผ่านไปสักพักหนึ่ง ทั้งสองคนก็ไล่ตามไม่ทันแล้ว เหลือเพียงแค่ผางเห้อกับกู่มู่
หลินหยุนจึงได้ควบคุมร่างกาย แล้วก็หยุดลง
ไม่นาน ผางเห้อกับกู่มู่ก็ไล่ตามมาได้ทันแล้ว
หลินหยุนไม่พูดพร่ำเพรื่อ สายตามองไปที่ผางเห้อ และพูดขึ้นว่า นายยังไม่มีคุณสมบัติที่จะมาแย่งชิง กลับไปเถอะ! แล้วจะไว้ชีวิตนาย!
ผางเห้อได้ยินดังนั้น ก็พลันโมโหขึ้นจนหน้าเขียว พร้อมกับมองไปยังหลินหยุน
เขาคิดไม่ถึงว่า เพิ่งจะละทิ้งทุกคนออกมา หลินหยุนหยุดลง แล้วก็พูดแบบนี้กับเขาเป็นคำแรก
ไม่ว่าใครก็คงจะโมโห เหน็ดเหนื่อยแทบตาย และยังได้รับบาดเจ็บอีก แต่เมื่อถึงตอนที่แบ่งของ กลับถูกขับไล่ออกไป
ผางเห้อยิ้มเยาะ แล้วจ้องมองไปที่หลินหยุนพร้อมกับพูดว่า ไอ้หนุ่ม พูดแบบนี้มันช่างหลงระเริงเกินไปหน่อยแล้ว? นายคิดว่า ฉันได้รับบาดเจ็บบ้างเพียงเล็กน้อย แล้วนายจะสามารถกำจัดฉันลงได้อย่างนั้นใช่ไหม?
ขณะที่พูด เขาก็รีบมองไปยังกู่มู่ที่อยู่ด้านข้างและพูดขึ้นว่า พี่กู่ ฉันว่าไอ้หนุ่มนี้เหมือนจะต้องการครอบครองสิ่งของชิ้นนี้เอาไว้เพียงผู้เดียว อย่างนั้นพวกเราก็คงจะไม่มีอะไรที่จำเป็นต้องพูดอีกแล้วล่ะสิ?
กู่มู่ได้ยินดังนั้น ก็กวาดสายตามองไปที่หลินหยุน ยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า จริงด้วย! พี่เห้อ คุณกับฉันสองคนร่วมมือกัน เมื่อฉันได้ครอบครองหินผลึกสีดำนี้แล้ว สิ่งของชิ้นนั้นที่คุณต้องการก่อนหน้านี้ ฉันก็จะมอบให้คุณ!
ผางเห้อแววตาเป็นประกายขึ้นมาทันที สูดหายใจลึกแล้วพูดขึ้นว่า ดีเลย! ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อย่างนั้นพวกเราก็ร่วมมือกันกำจัดไอ้หนุ่มนี้ลงเสียก่อน!
ได้ยินทั้งสองคนพูดคุยกัน หลินหยุนเองก็ไม่รู้สึกอะไร โดยใบหน้ายังคงสงบนิ่งเหมือนเคย
ซิงเฟยที่อยู่ด้านหลังกลับรู้สึกหวาดวิตกขึ้นมาทันที
ผางเห้อคือยอดฝีมือที่มีชื่อเสียงมานาน ชื่อเสียงของเขาราวกับฝูเหลยอย่างไรอย่างนั้น
แต่เพียงแค่ฝูเหลยเชี่ยวชาญวิชายันต์ ผางเห้อเชี่ยวชาญวิชาค่ายกล
ส่วนกู่มู่กลับไม่มีชื่อเสียงอันใด
เหตุผลสำคัญคือ เขาค่อนข้างจะถ่อมตัวอย่างมาก และก็น้อยครั้งที่จะปรากฏตัวออกมา
มีคนเพียงจำนวนน้อยที่รู้จักมักคุ้นกับเขา จึงจะรู้ถึงความน่าสะพรึงกลัวของเขาจริง ๆ ส่วนผางเห้อ ก็คือหนึ่งในจำนวนนั้น
ทั้งสองคนไม่ได้ถือว่าเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่ก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน
แน่นอนว่า เหตุผลสำคัญที่ทำให้กู่มู่เลือกที่จะตัดสินใจแบบนี้ ก็คือความแข็งแกร่งของหลินหยุน
ช่างเชื่อมั่นในตัวเองเหลือเกิน!
เขาไม่เห็นผางเห้ออยู่ในสายตาเลยแมแต่น้อย และก็ไม่ได้คิดที่จะชดเชยอะไรให้ด้วย
ความหมายของหลินหยุนแสดงออกมาอย่างชัดเจนมาก เพียงแค่กำจัดกู่มู่ลง สิ่งของชิ้นนั้นก็ตกเป็นของเขาอย่างแน่นอนแล้ว
ส่วนกู่มู่ เดิมทีก็เป็นคนที่ระมัดระวังตัวมากอยู่แล้ว ซึ่งเขามองไม่ออกว่าหลินหยุนมีความสามารถอยู่ในขั้นแดนไหนกันแน่
ดังนั้น ทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุดคือลงมือกำจัดหลินหยุนก่อน
หลินหยุนเคลื่อนไหวสายตา และพูดขึ้นว่า อย่างนั้นพวกนายทั้งสองก็ลงมือพร้อมกันเลย!
ผางเห้อได้ยินดังนั้นก็โมโหขึ้นอีกครั้ง และตวาดเสียงแข็งใส่ว่า คุยโวโอ้อวดอย่างไร้ยางอายเสียจริง! ไอ้หนุ่ม ในเมื่อนายรนหาที่ตาย อย่างนั้นฉันก็จะสนองตอบตามที่นายต้องการเอง!
ขณะที่พูด ธงค่ายกลสีดำห้าเสาก็พุ่งออกมา ปิดกั้นท้องฟ้าความว่างเปล่าทันที กลายเป็นค่ายกลขนาดใหญ่ขึ้น
หลินหยุนได้ถูกค่ายกลปกคลุมอยู่ด้านในแล้ว
เห็นว่าร่างของหลินหยุนสูญหายไปโดยถูกรวมเข้ากับค่ายกล ผางเห้อก็หัวเราะเยาะขึ้น ไอ้หนุ่ม มาลองสัมผัสกับพลังอานุภาพของค่ายกลผนึกห้าธาตุของฉันก่อนเถอะ!
ขณะที่พูดก็มองไปยังกู่มู่ที่อยู่ด้านข้างแล้วพูดขึ้นว่า ภายในค่ายกลผนึกห้าธาตุของฉัน ต่อให้ไอ้หนุ่มนี้จะไม่ถึงกับตายแต่ก็ต้องถูกถลกหนังออกมา เมื่อถึงตอนนั้นพี่กู่ก็ลงมือสังหารเขาได้เลย!
กู่มู่พยักหน้า
สำหรับค่ายกลผนึกห้าธาตุของผางเห้อนั้น พลังอานุภาพของมันเป็นอย่างไรเขารับรู้เป็นอย่างดี
ค่ายกลนี้เป็นค่ายกลที่ผางเห้อค่อย ๆ ฝึกฝนบ่มเพาะมาเป็นเวลานานหลายปี ถือได้ว่าผสมผสานทั้งพลังการรุกและการรับได้อย่างพอดี
เมื่อมีพลังการโจมตีที่แข็งแกร่ง ก็มีพลังต้านทานรองรับที่แข็งแกร่งเช่นกัน
ถ้าหากจะต้องใช้เวลาจริง ๆ เพื่อสร้างขบวนค่ายกล จัดวางค่ายกลนี้ ถึงแม้เขาต้องถูกควบรวมเข้าไปอยู่ในค่ายกลนี้ด้วย มันก็คงจะเป็นเรื่องยากอยู่ดี
เวลานี้ค่ายกลที่จัดวางด้วยธงค่ายกล แม้ว่าพลังจะลดทอนลงไปบ้าง แต่ถ้าเป็นพลังบำเพ็ญขั้นยาทองระดับสาม ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว
ผางเห้อส่งเสียงฮึอย่างเย็นชาอีกครั้ง หัวเราะเยาะเย้ยและพูดขึ้นว่า ไอ้หนุ่มที่โอ้อวดหลงระเริง ไม่รู้จักความเป็นความตาย! วันนี้จะให้เขารับรู้ถึงความเก่งกาจของฉันดูบ้าง! ต่อหน้าฉันยังกล้าที่จะ……
เขาพูดได้เพียงครึ่งหนึ่ง ยังไม่ทันที่จะพูดจบ
ขณะนั้น ก็เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวขึ้น ทั่วทั้งท้องฟ้าก็สั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไปหมด
ทันใดนั้น ค่ายกลผนึกห้าธาตุก็พังทลายลง
บนท้องฟ้า ผางเห้อสีหน้าพลันเปลี่ยนไปอย่างมาก และก็กระอักเลือดออกมาทันที
ภายในดวงตาที่แก่ชราเกิดความหวดกลัวราวกับถูกคลื่นยักษ์โหมกระหน่ำอย่างรุนแรง ซึ่งเหลือเชื่ออย่างมากกับเหตุการณ์ที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า
ส่วนอีกฝั่งหนึ่ง หลินหยุนพาซิงเฟยหลบหนีออกมาจากค่ายกล โดยสีหน้าท่าทางก็ยังไม่มีความเปลี่ยนแปลงใด ๆ
หลินหยุนมองไปที่ผางเห้อ และพูดขึ้นว่า ฉันพูดเอาไว้แล้วว่า นายยังไม่คู่ควรที่จะเข้าร่วมวงแย่งชิงสมบัติล้ำค่านี้!
จากนั้นสายตาก็มองไปที่กู่มู่ และพูดว่า ลงมือเถอะ!
กู่มู่สูดหายใจลึก ขณะที่มองไปที่หลินหยุนนั้น สีหน้าท่าทางก็จริงจังขึ้น
ในเมื่อสหายมั่นอกมั่นใจขนาดนี้ อย่างนั้นก็ต้องปะทะกันหน่อยแล้ว!
นานมากแล้วที่ไม่ได้แสดงพลังบำเพ็ญทั้งหมดในการต่อสู้!
หวังว่าสหายคงจะไม่ทำให้ฉันผิดหวังนะ!
หลินหยุนพูดอย่างเย็นชา นายคงจะไม่ผิดหวังหรอก!
ขณะที่พูด ก็หันหน้ามองไปที่ซิงเฟยเล็กน้อย
ซิงเฟยก็ขยับถอยหลังออกห่าง ผางเห้อเองก็เช่นเดียวกัน
หลินหยุนกับกู่มู่ทั้งสองคนยืนประจันหน้ากันอยู่กลางอากาศ
เกิดแสงกะพริบขึ้น กล่องเก็บกระบี่โบราณก็ปรากฏขึ้นในมือของกู่มู่อีกครั้ง
หลินหยุนก็เช่นกันดาบเฮ่าเทียนได้ปรากฏอยู่ในมือ
เห็นกู่มู่โยนกล่องเก็บกระบี่ออกไป ทันใดนั้น ลำแสงกระบี่ที่แหลมคมจำนวนนับหมื่นก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
พลันก็โหมกระหน่ำพุ่งเข้าใส่หลินหยุน
พลังอานุภาพอันน่าสะพรึงกลัวได้แผ่ปกคลุมไปทั่ว หลินหยุนถูกกังขังอยู่ในอากาศทันที
ขณะนั้น ก็แสดงพลังท่าห้ามสิ่งวายชนม์ขึ้น
ห้ามสิ่งวายชนม์ ฟ้าดินสงบนิ่ง
เวลานี้ ร่างของหลินหยุนก็ได้หายแวบไป วินาทีต่อมา เงาร่างเซียนขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นในอากาศ
กระบี่ฉีกนภานับไม่ถ้วน ราวกับพุ่งออกมาจากอากาศ
แล้วก็กลายร่างเป็นลำแสงกระบี่จำนวนนับหมื่นเช่นกัน และแฝงไปด้วยพลังอานุภาพที่น่าสะพรึงกลัว พุ่งโจมตีเข้าใส่กู่มู่
ด้านหนึ่งคือกล่องเก็บกระบี่ของกู่มู่ อีกด้านหนึ่งคืออิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์กระบี่ฉีกนภาของหลินหยุน
ทันใดนั้น ทั่วทั้งท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยลำแสงกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนสะท้อนแสงฟาดฟันกันไปมา เกิดเป็นแสงสว่างระยิบระยับจับตาอย่างที่สุด
ตูมตูมตูม—-
แกร็กแกร็กแกร็ก—-
เงากระบี่นับหมื่นนับพันฟาดฟันกันกลางอากาศ ปะทะเข้าใส่กันอย่างดุเดือด
เกิดเสียงดังสั่นสะเทือนเลือนลั่นไปทั่วปฐพี
ไม่นาน ลำแสงกระบี่จำนวนนับหมื่นของทางฝั่งกู่มู่นั้นก็ถูกโจมตี จนมลายหายไป
ส่วนลำแสงกระบี่ฉีกนภาของทางหลินหยุน ยังคงแสดงพลังอานุภาพอย่างไม่สิ้นสุด
เหตุเหตุการณ์นี้แล้ว กู่มู่ก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปทันที
เงาร่างขนาดใหญ่ก็ได้ปรากฏขึ้นอย่างฉับพลันต่อหน้าของเขา ใช้พลังบังคับลำแสงกระบี่ของทุกคน
แต่เงาร่างขนาดใหญ่นั้นก็ได้แหลกสลายลงไปโดยพลัน
ในขณะที่เงาร่างแหลกสลายนั้น กู่มู่ก็กระอักเลือดออกมาในทันที